หอชมเมืองสมุทรปราการ หอคอยสีขาวสวยงามสูงตระหง่านเกือบ 180 เมตร กลางเมืองสมุทรปราการ ทำเลใกล้รถไฟฟ้า ที่เพิ่งจะเปิดให้เข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2565 ในฐานะคนเคยอาศัยและเรียนที่สมุทรปราการอยู่ช่วงหนึ่ง เราจึงอยากย้อนความหลังกลับมาดูสถานที่สำคัญต่างๆ ของจังหวัด และมาดูให้เห็นกับตาว่าที่นี่มีอะไรให้เยี่ยมชมบ้าง (แล้วถ้าลองหาโรงเรียนเดิมกับห้างที่เคยเดินเมื่อตอนเด็กๆ จากหอคอยดู จะหาเจอไหมนะ...)
เริ่มต้นออกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีปากน้ำ ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ราคาบัตรโดยสารก็จะต่างกันตามระยะสถานีที่มา ของผู้เขียนเองจ่ายไป 15 บาท พอแตะบัตรออกมาแล้วให้เดินออกทางออกที่ 6 เพื่อเดินไปหอชมเมืองประมาณ 500 เมตร ก่อนลงมาจะเห็นว่ามีทางเชื่อมเข้าหอชมเมืองเลย แต่เสียดายที่ยังไม่เปิดตอนนี้ ลงมาเดินออกกำลังกายกันก่อนแล้วกัน
ตัวหอชมเมืองหาง่ายมากเพราะเห็นมาตั้งแต่เดินอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า จากนั้นแค่เดินข้ามถนนและเดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็ถึงที่อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการที่สูงถึง 179.55 เมตร หน้าทางเข้าอาคารหอคอยจะเห็นโมเดลจำลองรถไฟสายปากน้ำ ซึ่งเป็นรถไฟสายแรกของสยาม วิ่งจากปากน้ำไปบางกอก ภาพรวมที่นี่มีทั้งส่วนที่เป็นอาคารและสวนหย่อม ถ้ามองไปทางสวนหย่อมทั้งซ้ายและขวา เราจะเห็นไดโนเสาร์ตัวมหึมายืนต้อนรับอยู่หลายตัว แต่ละตัวฮอตฮิตทั้งนั้น เช่น T-Rex, Brachiosaurus, Stegosaurus, Triceratops ฯลฯ ใครชอบไดโนเสาร์ก็แนะนำให้รอช่วงที่แดดร่มๆ ค่อยไปดู เพราะช่วงที่ไม่มีแดดเราจะแหงนดูหน้าของเจ้าไดโนเสาร์ได้เต็มตา
จากนั้นเดินเข้าตัวอาคารติดแอร์ฉ่ำๆ ก่อนมาเราหาข้อมูลว่าที่นี่เข้าฟรี แต่ก็อยากจะเช็กให้ชัวร์เลยเดินไปถาม Information ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าเข้าฟรี เรากดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 23 ทันทีเพราะเป็นชั้นสำหรับชมวิว พอไปถึง เลี้ยวไปตามทาง ภาพที่เห็นทำให้รู้สึกทึ่งได้ไม่น้อย เพราะพอมองผ่านกระจกของหอคอยแล้วสามารถดูวิวได้แบบ 360 องศา เราเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนอันดับแรก แล้วก็เห็นตึกรามบ้านช่องของ “ชาวสมุทรปราเกียน” เต็มไปหมด กับอีกสถานที่ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือพระสมุทรเจดีย์ ถึงจะเห็นขนาดเล็กนิดเดียวแต่ก็เหมือนได้หาแลนด์มาร์กของจังหวัดนี้เจอแล้ว
ในแต่ละก้าวที่เดินจะมีป้ายบอกเป็นระยะว่าจุดนี้มีสถานที่อะไรสำคัญบ้าง เช่น ป้อมพระจุลจอมเกล้า พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ วัดพิชัยสงคราม ฯลฯ ชมวิวไปเรื่อยๆ ก็นึกสนุกขึ้นมาว่าไหนๆ ก็อยู่บนจุดสูงสุดของสมุทรปราการแล้ว ลองหาโรงเรียนเก่าสมัยประถมกับห้างอิมพีเรียลสำโรงดูดีกว่า จากนั้นเราก็เริ่มกวาดสายตาคร่าวๆ ก่อน พยายามรำลึกความหลังว่าสถานที่ที่เราต้องการหานี่ติดแม่น้ำหรือไม่ คำตอบคือไม่ เราก็เปลี่ยนมามองหาตามแนวรถไฟฟ้า เพราะรถไฟฟ้าวิ่งผ่านสถานีสำโรงเหมือนกัน (แต่สมัยก่อนยังไม่มีนะ) เราใช้วิธีนี้หาไปหามาก็ยังไม่เจอ
ด้วยความที่วิวของเมืองที่เห็นค่อนข้างเล็ก และโรงเรียนเก่าเราก็เล็กเหมือนกัน จึงไม่แปลกใจที่จะหาไม่เจอ แต่สำหรับห้างอิมพีเรียลสำโรง น่าเสียดายที่หาไม่เจอ เพราะถึงจะเก่ามากแต่ตัวห้างก็โดดเด่นอยู่ไม่น้อย สรุปคือเราหาสถานที่ทั้ง 2 ที่นี้ไม่เจอ แต่ก็ทดแทนด้วยการชมวิวจุดอื่นๆ ไป
แนะนำกิจกรรมนี้เผื่อคนที่มาหอชมเมืองแล้วอยากท้าทายตัวเองก็สามารถตั้งโจทย์ลองหาสถานที่ที่รู้จักก็เพลินดีเหมือนกัน ระหว่างกำลังออกจากชั้น 23 ก็ได้ยินเสียงเด็กนักเรียนหลายคนเข้ามาที่หอคอย คงจะมาทัศนศึกษากัน ซึ่งเราก็คิดว่าที่นี่เหมาะเพราะนอกจากเด็กจะได้เห็นทัศนียภาพของสมุทรปราการแล้ว คุณครูยังสามารถชี้แนะสถานที่ต่างๆ ให้เด็กๆ ได้เห็นของจริงกันไปเลย
ภายในอาคารไม่ได้มีแค่หอชมเมืองเท่านั้น แต่ขึ้นไปอีก 2 ชั้นจะมีนิทรรศการที่ให้เข้าชมฟรีชื่อว่า “เรื่องเที่ยวเรื่องใหญ่” (Travel Matters) จัดแสดงเรื่องราวของเมืองสมุทรปราการ ประกอบด้วย 7 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องตั้งชื่อโดยใช้คำว่า “เรื่อง” นำหน้าเสมอให้สอดคล้องกับชื่อนิทรรศการ
ห้องแรก เรื่องเที่ยวเรื่องใหญ่ เมื่อเข้าไปแล้วจะเห็นแผนที่เมืองสมุทรปราการตั้งอยู่กลางห้อง ห้องที่ 2 เรื่องของวิชาชีพ นำเสนอโครงการลูกพระดาบส โครงการเด่นของจังหวัดที่ฝึกอบรมวิชาชีพเพื่อช่วยให้คนในจังหวัดมีรายได้ อาทิ การแปรรูปสมุนไพรให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความสวยความงาม หรือการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดเพื่อช่วยลดต้นทุน ฯลฯ ห้องที่ 3 เรื่องในกระเพาะหมู ซึ่งก็คือบางกระเจ้า พื้นที่ป่าขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ชุมชนกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ห้องที่ 4 เรื่องราวของโรคเรื้อน สมุทรปราการเป็นที่ตั้งของสถาบันราชประชาสมาสัย ซึ่งเป็นสถาบันสำคัญที่ดูแลและป้องกันโรคเรื้อน โรคที่คนไทยในสมัยก่อนเป็นกันมาก ห้องที่ 5 เรื่องทางใจ จัดแสดงรูปปั้นของพระชื่อดังที่คนสมุทรปราการหรือคนจังหวัดอื่นนับถือ เช่น หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส และหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ห้องที่ 6 เรื่องเล่าเกี่ยวกับน้ำ โดยปกติจะเปิดวิดีโอโครงการพระราชดำริที่ช่วยชาวสมุทรปราการ และห้องที่ 7 ขัตติยะประการ เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถือว่าเป็นวันที่ได้ออกมาเที่ยวใกล้บ้านแล้วรู้สึกว่าคุ้มค่ามาก เพราะทั้งเดินทางสะดวก เข้าชมฟรีและได้ความรู้ที่ถึงแม้จะเคยอยู่สมุทรปราการมาก่อนก็ยังไม่รู้เลย (เพราะบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปมากจากที่เคยเห็นมาจริงๆ) จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เห็นได้ถึงความตั้งใจของจังหวัดซึ่งต้องการสร้างแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและแหล่งเรียนรู้แบบครบจบในที่เดียว ถึงใครจะไม่ใช่ชาวสมุทรปราการก็ยังแนะนำให้หาเวลาสัก 1-2 ชั่วโมงมาเดินชมอยู่ดี
อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ 10.00-17.00 น.
พระสมุทรเจดีย์ หรือพระเจดีย์กลางน้ำที่มีชื่ออยู่ในคำขวัญจังหวัดสมุทรปราการ (คำขวัญ : ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม งามล้ำโพทะเล มนต์เสน่ห์สุวรรณภูมิ) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีความสำคัญคือเป็นเจดีย์ที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุจำนวน 12 องค์ (เหตุผลที่เรียกว่าพระเจดีย์กลางน้ำ เพราะเคยตั้งอยู่บนเกาะที่มีน้ำล้อมรอบ แต่ตอนนี้แผ่นดินเชื่อมกันเรียบร้อยแล้วจึงไม่เห็นว่าอยู่กลางน้ำ)
อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง หรือที่คนสมุทรปราการเรียกอิมพีเรียล นับเป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของสมุทรปราการ เพราะสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจคือเป็นห้างที่มีสวนน้ำอยู่ด้านบน ทำให้เป็นห้างที่คนทุกวัยมาเที่ยวกันหนาแน่นโดยเฉพาะวันหยุด ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว สามารถเดินทางไปลงสถานีสำโรงได้เลย
นิทรรศการ “ร้อยเป็นเรื่อง เมืองปากน้ำ” นิทรรศการที่เล่าประวัติความเป็นมาของเมืองปากน้ำในแบบที่ไม่น่าเบื่อ ใครสนใจต้องรีบลงทะเบียนเข้าชมที่หน้าเคาน์เตอร์ เพราะเต็มเร็วมาก (เปิดลงทะเบียนทุกวันอังคาร-อาทิตย์ 09.50-15.00 น. ทั้งหมด 16 รอบ รอบละ 25 คน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
นิทรรศการฟรีและหอชมเมืองเปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ 10.00-17.00 น.
โทร. 09-8241-9495
Tag:
travel, ที่เที่ยว, สมุทรปราการ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น