“ลาว” เป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอันแสนน่ารัก ซึ่งผมเดินทางไปเยี่ยมเยือนเป็นประจำ โดยเฉพาะลาวภาคใต้ เพราะเดินทางเข้าจากไทยสะดวก แถมยังมีประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวิถีผู้คนน่ารักๆ ให้สัมผัส ทริปหนึ่งผมล่องเรือสำราญเที่ยวลำน้ำโขงในลาวใต้แถวเมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน แวะเที่ยวหมู่บ้านริมสองฝั่งโขง ซึมซับวิถีชีวิตอันเรียบง่ายงดงามของผู้คน เหมือนย้อนยุคไปสัก 50 ปีก่อน เป็นความเนิบช้าน่าประทับใจที่ทำให้หลงรักลาวใต้
พอวันสุดท้ายของการล่องเรือเขาจอดริมฝั่งโขงด้านตะวันตก พานั่งรถสองแถวไป 30 นาที จนถึงหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของลาวใต้คือ “ปราสาทวัดพู” แหล่งมรดกโลกที่คนรักประวัติศาสตร์อย่างผมเฝ้ารอไปเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง เพราะนี่คือปราสาทขอมในภูมิภาคอุษาคเนย์ที่เก่าแก่ที่สุด เรียกได้ว่าสร้างขึ้นก่อนนครวัดในเขมรเสียอีก
ปราสาทวัดพู (Vat Phou หรือ Vat Phu) สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 6-8 สมัยอาณาจักรเจนละบก เป็นยุคที่อาณาจักรเจนละยังยิ่งใหญ่ในภูมิภาคสุวรรณภูมิ โดยพวกเจนละบกครอบครองดินแดนเขมรภาคใต้ และเจนละน้ำครอบครองบริเวณลาวภาคกลาง กระทั่งถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ประมาณศตวรรษที่ 17 ทรงรวบรวมอาณาจักรเจนละทั้ง 2 เข้าด้วยกัน แล้วสถาปนาราชธานีขึ้นใหม่ รวมทั้งสร้างปราสาทนครวัดขึ้นด้วย
ในเบื้องแรกนั้นว่ากันว่าปราสาทวัดพูใช้เป็นเทวาลัยขนาดใหญ่สำหรับบูชาศิวะเทพตามความเชื่อแบบพราหมณ์ (ฮินดู) ที่เขมรรับมาจากอินเดีย จึงเปรียบให้ตัวปราสาทวัดพูที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงใกล้ลำน้ำโขงเป็นเสมือนเขาพระสุเมรุ และเปรียบให้ลำน้ำโขงเป็นแม่น้ำคงคาที่ไหลมาจากพระศอ (คอ) ของพระศิวะ ทำให้กลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้เดินทางมาแสวงบุญบูชาทวยเทพ นอกจากนี้ที่ด้านหลังปราสาทวัดพูยังมีน้ำพุธรรมชาติใสเย็นไหลตลอดปี หลั่งรินออกจากหน้าผาสูง เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งใช้ในพิธีกรรมต่างๆ
เมื่อถึงปราสาทวัดพูแล้วเราจะได้ตื่นตากับทัศนียภาพยิ่งใหญ่อลังการของแนวเทือกเขายาวเหยียดกางกั้นอยู่ตรงหน้า ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “ภูควาย” หรือ “ภูเกล้า” หรือ “ลึงคบรรพต” เนื่องจากส่วนยอดสุดของภูลูกนี้เป็นหินโล่งเลี่ยน รูปร่างเป็นจุกกลมเหมือนเกล้ามวยผมของมนุษย์ บ้างก็จินตนาการไปว่ารูปร่างเหมือนศิวลึงค์ที่คนฮินดูนับถือ ถัดลงมาบนเขาสูงคือตัวปราสาทวัดพู ซุ่มซ่อนความเก่าแก่โบราณของตนอยู่ใต้ราวไพรเขียวครึ้มรกเรื้อ และต่ำลงมาอีกคือแนวบันไดหินนับร้อยๆ ขั้นจากพื้นราบขึ้นสู่ตัวเทวาลัยด้านบนสุด
ทว่าก่อนจะขึ้นไปสัมผัสปราสาทเราต้องตีตั๋วเข้าชม แล้วเดินผ่านส่วนพิพิธภัณฑ์ก่อน (ส่วนนี้ห้ามถ่ายภาพ) เพื่อให้เข้าใจถึงประวัติ ความสำคัญ ความยิ่งใหญ่ และชมบางส่วนเสี้ยวของรูปสลักหินที่ขุดพบในปราสาทวัดพูอย่าง “หินตรีมูรติ” ที่สลักเป็นแท่งสูงประมาณ 2 เมตรกว่า ด้านบนสุดเป็นทรงกลม ตรงกลางเป็นทรงหลายเหลี่ยม และฐานเป็นสี่เหลี่ยม เปรียบเสมือนตรีมูรติ หรือเทพสำคัญที่สุด 3 องค์ของฮินดูที่มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ซึ่งเป็นเทพแห่งการสร้างสรรค์ เทพแห่งการรักษา และเทพแห่งการทำลายเพื่อเกิดใหม่นั่นเอง
ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็ได้เวลาออกแรงแข้งขา พาตัวและหัวใจเดินเข้าสู่ปริมณฑลของวัดพูกันแล้ว ส่วนแรกเราจะพบกับทางเดินยาวเหยียดที่มีเสาหินหลายร้อยต้นเรียงขนาบ 2 ข้าง พื้นปูลาดด้วยแผ่นหินแบนๆ ก้อนใหญ่ ซ้ายขวามีปราสาทย่อมๆ 2 หลังขนาบ ต่อด้วยบาราย หรือสระน้ำใหญ่ให้ผู้แสวงบุญ (ในอดีต) ลงชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนขึ้นไปสักการะเทพบนปราสาทวัดพู หากมาเที่ยวที่นี่ในฤดูฝน แมกไม้ไพรพฤกษ์และต้นหญ้าก็จะเขียวชอุ่มชุ่มชื้นเย็นตา มาเที่ยวตอนเช้าหรือบ่ายแดดร่มลมตกจะรู้สึกสบายเนื้อสบายตัว แต่ถ้ามาตอนกลางวันแดดจะร้อนไม่ใช่เล่นเลย
การขึ้นสู่ปราสาทวัดพูที่ตั้งอยู่เชิงภูเกล้า เราต้องค่อยๆ ไต่บันไดหินสูงใหญ่หลายร้อยขั้นขึ้นไปอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน เดินไป หยุดชมวิวไป ถ่ายภาพไปด้วยจะได้สนุก เมื่อความสูงเพิ่มขึ้นก็มองเห็นทัศนียภาพทุ่งราบกว้างไกล แลเห็นแม่น้ำโขงอยู่ลิบๆ ตลอดแนวทางขึ้นมีต้นลั่นทมหรือจำปาลาวดอกสีขาวสะพรั่งร่วงอยู่บนพื้นเหมือนพรมสวยๆ ระหว่างทางมีจุดพักเป็นเพิงเล็กๆ ของชาวบ้าน ขายเครื่องดื่มแก้คอแห้ง พร้อมกับให้เราซื้อพานพุ่มหมากเบ็งหรือบายศรีใบตองมีดอกไม้ประดับสำหรับนำไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนปราสาท ต้องเล่าตรงนี้ว่าแรกสร้างปราสาทวัดพูเป็นเทวสถานฮินดูของศิวะเทพ แต่ภายหลังเมื่อขอมเสื่อมอำนาจลง ศาสนาพุทธนิกายมหายานก็เข้ามาแทน ปราสาทวัดพูจึงกลายสภาพจาก ‘เทวาลัย’ เป็น ‘วัด’ ทุกวันนี้ในปราสาทด้านบนสุดจึงมีพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่แทนศิวลึงค์ซึ่งถูกย้ายลงไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์แล้ว
ตัวปราสาทวัดพูไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารอะไรมาก ทว่างดงามด้วยแผนผังโลเคชันที่ตั้งบนภูสูงใหญ่ หันหน้าสู่ทิศตะวันออกทางลำน้ำโขง ยามเช้าเมื่อดวงตะวันสาดแสงเข้าหาตัวปราสาทจึงงดงามมาก นอกจากนี้รอบปราสาทยังมีลายจำหลักหินนูนสูงเป็นรูปทวารบาลและนางอัปสราซึ่งยังมีสภาพดี เห็นลวดลายได้แจ่มชัด ตามทับหลังเหนือประตูทางเข้า 4 ทิศยังมีรูปจำหลักหินเป็นภาพการกวนเกษียรสมุทรและอื่นๆ จากตัวปราสาทถ้าเดินอ้อมด้านหลังลัดเลาะป่าโปร่งไป 200-300 เมตรก็จะถึงชะง่อนผาหินสูงตระหง่าน ใต้เชิงผานั้นมีทางน้ำพุโบราณไหลรินออกมาไม่เคยเหือดแห้งนับพันปีแล้ว เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จากศิวะเทพ ผมลองดื่มมาแล้วครับ วักล้างหน้าล้างตาด้วย เรียกว่ารับพลังจากธรรมชาติเต็มที่เลย รู้สึกสดชื่นดีจริง
และที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์บนภูลูกนี้ก็คือ “หินบูชายัญ” สมัยอาณาจักรเจนละบก ลักษณะเป็นก้อนหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ วางนอนพังพาบอยู่กับพื้นดิน ด้านบนสลักเป็นรูปจระเข้ สมัยก่อนเขาใช้เป็นที่นำหญิงสาวพรหมจรรย์มานอนลงแล้วตัดหัวออก! เพื่อนำโลหิตไปบูชาเทพ! ฟังดูโหดร้าย แต่นั่นก็เป็นความเชื่อของคนเมื่อหลายพันปีก่อน เราอย่าไปตัดสินเขาเลยนะครับ
ไกด์เล่าให้ฟังตอนท้ายก่อนจากลาปราสาทวัดพูว่ามีทางเดินต่อไปอีกประมาณ 240 กิโลเมตรจากวัดพูสู่นครวัดในเขมรได้ เป็นเส้นทางเดินโบราณ ซึ่งทุกวันนี้ตลอดทางยังปรากฏร่องรอยซากสิ่งก่อสร้างของจุดแวะพัก รวมถึง “อโรคยาศาลา” หรือ “อโรคยาศาล” (โรงพยาบาลชุมชน) ให้นักแรมทางในอดีตด้วย หากมีเวลาผมคงต้องตามรอยเส้นทางอดีตนี้ไปให้ได้ในอนาคต
ได้เวลากลับเข้าไปนอนเล่นในเมืองปากเซแล้ว ทริปนี้เดินขึ้นภูเขาจนปวดน่อง แต่ก็สนุกและท้าทายดี ได้ย้อนอดีตหลายพันปีกับร่องรอยความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมในลาวใต้...
ถ้าไม่ไปเห็นกับตาก็คงจะไม่เชื่อเลยนะครับ
Traveler’s Guide
- Season : อากาศดีสุดช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน นอกนั้นจะเป็นฤดูมรสุมมีฝนบ้าง
- Getting There : จากไทยเริ่มที่จังหวัดอุบลราชธานีเข้าลาวทางด่านชายแดนช่องเม็ก (อย่าลืมนำพาสปอร์ตไปด้วย) จากนั้นนั่งรถต่อไปประมาณ 2 ชั่วโมงถึงเมืองปากเซ (เมืองหลวงของแขวงจำปาสัก) แล้วนั่งรถแท็กซี่จากปากเซสู่ปราสาทวัดพูระยะทาง 45 กิโลเมตร หรือจะนั่งเรือไปก็ได้ มีทั้งเรือที่ล่องไปโดยตรงสำหรับคนที่ซื้อแพ็กเกจเที่ยว One Day Trip และเรือสำราญล่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน แวะปราสาทวัดพู (ติดต่อบริษัท Mekong Cruises เว็บไซต์ www.vatphou.com, www.mekong-cruises.com)
- Visit Hours : ปราสาทวัดพูเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 50,000 กีบลาว
- Overnight : ที่เมืองปากเซแนะนำโรงแรม Pakse Hotel & Restaurant (www.hotelpakse.com)
- Souvenirs : ผ้าทอเสื้อผ้าชนเผ่า เครื่องจักสาน เครื่องเงิน กาแฟและชาคุณภาพดีจากที่ราบสูงโบโลเวน
- More Info : www.vatphou-champassak.com
Tag:
, Far Away, ท่องเที่ยว,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น