หลายคนคงเคยเห็นต้นกล้วยและดอกของกล้วยซึ่งก็คือหัวปลีหรือปลีกล้วย (Banana Flower หรือ Banana Blossom) หลายคนเคยเห็นใส่มากับผัดไทย แต่ไม่เคยลองกินและหยิบทิ้งทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าหัวปลีนั้นกินได้และมีประโยชน์กับสุขภาพอย่างมาก
สมัยก่อนคนไทยจะนำหัวปลีมาปรุงอาหารสำหรับบำรุงน้ำนมของแม่ที่เพิ่งคลอดลูกเพื่อให้มีน้ำนมเพิ่มขึ้นและยังให้สารอาหารสูง บำรุงเลือด เพราะหัวปลีมีธาตุเหล็ก ป้องกันโลหิตจาง โดยเฉพาะคุณแม่ที่สูญเสียเลือดระหว่างคลอด หรือผู้หญิงที่มีประจำเดือนนานซึ่งจะเสียเลือดมากกว่าปกติ การกินหัวปลีจะช่วยบำรุงเลือด ลดอาการหน้ามืดและเวียนศีรษะได้
มีงานวิจัยเกี่ยวกับหัวปลีกับการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลให้คงที่ ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย เนื่องจากมีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระสูง และเนื่องด้วยการมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงนักวิจัยยังสนใจเรื่องของคุณสมบัติในการต้านเชื้อจุลชีพ เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสด้วย
หัวปลียังช่วยให้คลายเครียด ลดความวิตกกังวลลง เพราะมีแร่ธาตุโพแทสเซียม ช่วยลดน้ำหนักเพราะมีใยอาหารสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าผลกล้วยทำให้อิ่มและเต็มอิ่ม นอกจากนี้น้ำปลีกล้วยยังช่วยแก้ร้อนใน และยังมีงานวิจัยเพิ่มเติมถึงคุณสมบัติของหัวปลีในการป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร โดยให้ดื่มน้ำหัวปลีก่อนมื้ออาหาร
คุณค่าทางโภชนาการของหัวปลี 100 กรัม
- พลังงาน 30 กรัม
- น้ำ 93 กรัม
- โปรตีน 2 กรัม
- ไขมัน 0.2 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม
- ใยอาหาร 1 กรัม
- แคลเซียม 40 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม
- เหล็ก 2 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 601 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 290 I.U.
- เบตา-แคโรทีน 193 Ug
- วิตามินซี 28 มิลลิกรัม
- สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มฟีนอลิกรวม ฟลาโวนอยด์ แทนนิน และซาโปนิน
ในกลุ่มของผู้ที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ได้นำหัวปลีมาแปรรูปเป็นเนื้อสัตว์เทียม เพราะมีโปรตีนสูงและมีเนื้อสัมผัสคล้ายกับเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะนำมาทำเนื้อปลาเทียม ผู้ที่เป็นมังสวิรัติจะนิยมมาก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มประเทศทางยุโรป
เมนูอาหารจากหัวปลี
- ยำหัวปลี
- ต้มข่าหัวปลี
- ทอดมันหัวปลี
- ลาบหัวปลี
- ผัดกะเพราไก่ใส่หัวปลี
- แกงเลียงหัวปลี
- น้ำสกัดเย็นหัวปลี
Tag:
, Food for life, หัวปลี,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น