เรียกว่าเป็นรายการที่ได้ใจผู้ชมอย่างรวดเร็วสำหรับ Restaurants on the Edge (2019) เพราะหลังจากที่เพิ่งจ่อฉายลงในเน็ตฟลิกซ์ไปหมาดๆ เมื่อตอนต้นปี ล่าสุดซีซันที่ 2 ของรายการนี้ก็คลอดมาให้ชมกันแบบติดๆ
ความน่าสนใจของรายการต้องยกให้กับคอนเซ็ปต์สุดเก๋ โดยพาทุกคนไปชมการแปลงโฉมร้านอาหารที่กำลังทรุดโทรมให้สดใสและใหม่ขึ้นมาอีกครั้งด้วยผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้าน ได้แก่ เจ้าของธุรกิจอาหาร นักออกแบบ และเชฟเจ้าของตำราอาหารชื่อดัง ซึ่งมาให้คำปรึกษาตั้งแต่การจัดการเรื่องเงิน วัตถุดิบ เมนูอาหาร ไปจนถึงบรรยากาศของร้าน
แน่นอนว่างานนี้นอกจากทุกคนจะได้เจอกับอาหารแสนอร่อยที่มาพร้อมสูตรให้ไปทำตามและวิธีการบริหารร้านอาหารอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว เรายังได้สัมผัสบรรยากาศจากร้านอาหารทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ทวีปอเมริกา แอฟริกา เรื่อยมาจนถึงเอเชียให้เราดูอย่างสนุก เช่นเดียวกับเทรนด์การทำร้านอาหาร ร่วมด้วยการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของร้านที่เราได้เรียนรู้และดูสนุกไปพร้อมๆ กัน
“Restaurants you want to take pictures of, that’s the key to success.” หรือแปลได้ว่า “ร้านอาหารที่สามารถชวนให้คนหยิบกล้องมาถ่ายรูปได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปได้ก้าวหนึ่ง” ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคงต้องยกให้กับซีซัน 1 ตอน 1 ที่พาเราไปร้านอาหารในเกาะมอลตา ประเทศเล็กๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของนักฟุตบอลทีมชาติที่ฝากชีวิตไว้กับร้านอาหารร้านเดียวในชีวิตของเขาที่กิจการไม่ดีเอาเสียเลย ซึ่งส่วนหนึ่งเขาก็ยอมรับว่าเป็นเพราะเขาที่ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจมากนัก
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามก็คอยให้กำลังใจ พร้อมกับบอกวิธีการแก้ปัญหาในแต่ละจุด เริ่มตั้งแต่การตกแต่งที่ดูไม่เนี้ยบและมีของวางระเกะระกะจนเกินไป ทำให้ร้านไม่น่าสนใจ เพราะเรื่อง “ความประทับใจแรก” เป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งตามไปดูเมนูอาหารของที่นี่ก็ค่อนข้างย้อนแย้ง เพราะมอลตาเป็นประเทศติดทะเลแต่กลับขายอาหารทะเล! และเป็นอาหารทะเลจากฝรั่งเศสที่ราคาค่อนข้างสูง หาใช่อาหารท้องถิ่นที่สามารถซื้อหาได้ง่ายกว่าและสามารถลดราคาต้นทุนได้มากกว่า
จริงอยู่ที่การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ แต่กลายเป็นว่าทุกตอนเอาแต่จะเน้นย้ำคำนี้จนเราขอแอบหักคะแนน เมื่อการให้คำปรึกษากลายเป็นเหมือนการบอกทุกร้านว่ายังท้องถิ่นไม่พอ! (ขอแอบขัดใจกับตอนที่ไปดูร้านอาหารในฮ่องกง) ร่วมกับการช่วยลดต้นทุนในด้านต่างๆ ทำให้บางครั้งเราก็แอบรู้สึกอึดอัดอยู่หน่อยๆ ว่าความตั้งใจเดิมที่เป็นแรงบันดาลใจจริงของร้านมันยังคงอยู่ไหม? เพราะการไปพลิกโฉมกลับกลายไปเปลี่ยนความตั้งใจเดิมจนเกือบทั้งหมด
ที่สำคัญถ้าสังเกตให้ดีๆ รายการนี้จะเป็นการกอบกู้ร้านอาหารร้านนั้นไม่ให้ “เจ๊ง” เสียมากกว่าการที่จะทำให้ร้านอาหารนั้น “เจ๋ง” ไปในแนวทางที่ควรจริงๆ
อาจจะต้องมาลุ้นกันต่อในซีซัน 2 แล้วล่ะ
ภาพประกอบจาก : www.netflix.com
Tag:
, Food on Film, Netflix,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น