ในบรรดาเพลงคลาสสิกทั้งหมดของยุโรปและในโลกนี้ หนึ่งในเพลงที่โด่งดังและถูกเปิดฟังบ่อยที่สุดก็คือเพลง “On the Beautiful Blue Danube” ของโยฮันน์ชเตราสส์ ที่สอง (Johann Strauss II) คีตกวีชาวออสเตรียผู้ประพันธ์เพลงวอลซ์นี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ.​1866 หากใครเคยได้ฟังก็จะรู้สึกเลยว่าตลอดเพลงบรรเลงอันไพเราะตั้งแต่ต้นจนจบเราสามารถหลับตาปล่อยอารมณ์ไปกับทุกตัวโน้ตในท่วงทำนองที่ฟังเพลิน ฟังสบาย อีกทั้งสามารถจินตนาการถึงความงามของธรรมชาติ ปราสาทราชวัง ตัวเมืองโบราณ และวิถีชีวิตบนสองฟากฝั่งแม่น้ำดานูบซึ่งเป็นแม่น้ำยาวอันดับ 2 ของยุโรป (รองจากแม่น้ำวอลกา) ตลอดความยาวเกือบ 3,000 กิโลเมตรของดานูบหลากไหลผ่านถึง 10 ประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณความเป็น “ยูโรเปียน” มาหลายพันปีแล้ว และหนึ่งในประเทศที่ไหลผ่านก็คือ “ฮังการี” (Hungary) ประเทศที่ได้ฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ”

เมืองหลวงของฮังการี นครบูดาเปสต์ (Budapest)ตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำดานูบ เป็นมหานครโบราณอายุกว่าพันปีอันมีเสน่ห์ ด้วยความที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันและมีภูมิทัศน์น่าอภิรมย์สมเป็นเมืองที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คีตกวีและศิลปินหลายแขนงสร้างงานระดับโลกขึ้น บูดาเปสต์จึงอวลด้วยกลิ่นอายศิลปะและสถาปัตยกรรมโบราณทั้งในส่วนของบ้านช่องห้องหอ ร้านค้า ปราสาทราชวัง อาคารรัฐสภา โบสถ์วิหารทรงโกธิกแกลเลอรี โรงละครโอเปรา น้ำพุ จัตุรัสต่างๆรวมถึงการจัดวางผังเมืองที่เป็นเหมือนรัศมีแผ่ออกจากจุดศูนย์กลางแถวๆ Liberty Square ก็ยิ่งทำให้น่าเดินน่าเที่ยวท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ทอดน่องอย่างไม่เร่งร้อนชื่นชมอาคารสวยๆ ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนนั่งแคปซูลเวลากลับสู่ยุโรปยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมอันรุ่มรวยด้วยภูมิปัญญาและปรัชญาหลายแขนง

เมืองโบราณอันสวยสดงดงามเช่นนี้ย่อมสร้างแรงบันดาลใจและทำให้อยากเที่ยวชมอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งหนึ่งที่ทำให้บูดาเปสต์น่ามองมากๆ คือเขานำสายไฟฟ้าลงใต้ดินจนหมด ถนนหนทางดูเป็นระเบียบ ไม่มีข้าวของวางเกะกะรกตา แถมยังไม่มีป้ายโฆษณาเล็กใหญ่ผุดขึ้นมาเป็นทัศนะอุจาดเหมือนบางประเทศ จริงๆ แล้วนครบูดาเปสต์เป็นเมืองหลวงใหญ่อันดับ 6 ของยุโรป มีประชากรอยู่มากถึง 1.7 ล้านคน แต่ดูแล้วไม่แออัดเลย รถรายังไม่มาก และไม่ค่อยมีตึกสูงระฟ้าทรงแท่งสี่เหลี่ยมแบบสมัยใหม่ให้เห็น คงเพราะรัฐบาลเขาอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าแก่เอาไว้เป็นมรดกล้ำค่า และเป็นต้นทุนการท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองหลวงสวยที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปเลยทีเดียว

พูดไปพูดมาอาจจะหาว่าโม้ ทริปนี้เลยจะพาไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาด้วยการพาเที่ยวชมบูดาเปสต์ 1 วันสำหรับคนที่มีเวลาน้อยแต่ต้องการจะสัมผัสไฮไลต์ขอบอกว่าไม่ต้องเตรียมอะไรมากเลย แค่พาตัวกับหัวใจ (และตังค์ในกระเป๋านิดหน่อย) ก็พอ วิธีเดินทางท่องเที่ยวก็สะดวกง่ายดาย เพราะมีทั้งรถแท็กซี่ รถรางไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถบัส และเรือล่องเที่ยวแม่น้ำดานูบเป็นรอบๆ บริการตลอดวัน สำหรับการล่องเรือเที่ยว (Boat Tours & River Cruises) นั้นมีให้เลือกหลายแบบตามชอบใจ ระยะเวลาก็มีตั้งแต่ 1 ชั่วโมงไปถึงหลายชั่วโมง รับรองว่าแฮปปี้แน่ เรือบางบริษัทจะเป็นแบบให้นั่งชมวิวเฉยๆ บางบริษัทมีเบียร์และของว่างเสิร์ฟ แต่ถ้าเป็นล่องเรือยามเย็นDinner Cruiseจะมีเสิร์ฟอาหารเต็มคอร์สกันเลยครับ

เรามาเริ่มกันที่ “จัตุรัสวีรชน” (Heroes' Square)หรือ “HosokTere”หนึ่งในสถานที่ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมมากที่สุดในบูดาเปสต์ ตั้งอยู่บริเวณถนน Andrássy Avenue ย่าน Zugló ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 จัตุรัสวีรชนถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง เด่นด้วยสถาปัตยกรรมโรมันอยู่ตรงกลาง เป็นที่ตั้งของ “Millennium Monument”สร้างเมื่อปี ค.ศ.1894 เพื่อฉลองโอกาสครบ 1,000 ปีของประเทศฮังการีในปี ค.ศ.1896 (แต่สร้างเสร็จจริงๆปี ค.ศ.1929)สถาปัตยกรรมงามสง่านี้ออกเเบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Albert Schickedanzมีความสูงถึง36 เมตร ด้านบนเป็นรูปปั้นหัวหน้าทูตสวรรค์กาเบรียลถือมงกุฎและไม้กางเขนส่วนด้านล่างมีรูปปั้นสัญลักษณ์ของสงครามความสงบ งานและสวัสดิภาพ รวมถึงความรู้และความรุ่งเรือง เพื่อรำลึกถึงเจ้าชายอาร์พัดทรงม้า (Arpad) ผู้สามารถรวมเผ่าแมกยาร์ทั้ง 7จนก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นได้เมื่อปี ค.ศ.896เราจึงเห็นรูปปั้นหัวหน้าเผ่าแมกยาร์ทั้ง 7 บนหลังม้าเด่นสง่าอยู่รอบฐานทรงโค้งสลับคั่นด้วยเสาโรมันที่ดูแล้วให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่มั่นคง ส่วนรูปปั้นด้านหลังเป็นบุคคลสำคัญและกษัตริย์ในอดีต แล้วถ้าลองเดินไปด้านหลัง Millennium Monument เราจะเห็นอุโมงค์รถไฟใต้ดินแห่งแรกในยุโรปสร้างเมื่อปี ค.ศ.​1896 โดยใช้ชื่อว่า Budapest Metro นั่นเอง

รอบๆ จัตุรัสวีรชนมีภูมิทัศน์เป็นสวนสาธารณะที่น่าเดินทอดน่องสบายๆ ชมไม้ดอกไม้ใบให้เพลินตา เป็นสวนประจำเมืองชื่อว่า “Varosliget”(City Park) ซึ่งรวมอยู่ในส่วนหนึ่งของมรดกโลกด้วย โดยรอบยังมีสถานที่น่าเที่ยวซึ่งเดินถึงกันได้สบายทั้งพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ (Museum of Fine Arts) และพระราชวังศิลปะ (Palace of Art) สำหรับคนรักงานศิลป์ทุกแขนงสถาบันธาราบำบัด (Széchenyi Medicinal Baths and Swimming Pool) ซึ่งเป็นสปาเพื่อสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปสวนสัตว์และสวนพฤกษชาติ (Zoological and Botanical Garden) สำหรับคนที่ชอบดูดอกไม้พรรณไม้และสิงสาราสัตว์ต่างๆคอนเสิร์ตฮอลล์ (Petöfi Hall) ที่จัดแสดงดนตรีและมีโชว์ทางวัฒนธรรมอย่างสม่ำเสมอและอีกมากมาย เรียกว่ามาเที่ยวในย่านจัตุรัสวีรชนแล้วก็อยู่ที่นี่กันได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

คราวนี้ข้ามแม่น้ำดานูบไปอีกฝั่งของเมืองเพื่อชื่นชม “โบสถ์แมทเธียส”(Matthias Church)หนึ่งในโบสถ์สำคัญที่สุดของบูดาเปสต์ อีกทั้งยังเป็นโบสถ์ใหญ่อันดับ2 ของอาณาจักรบูดา(Buda) ซึ่งเป็นอาณาจักรฮังกาเรียนโบราณด้วย เราจะได้ตื่นตากับสถาปัตยกรรมนีโอ-โกธิกสร้างด้วยหินสีขาว มีหอระฆังยอดแหลมตกแต่งด้วยลายจำหลักอย่างวิจิตร รวมถึงกระเบื้องหลังคาเรียงต่อกันเป็นลายเก๋โบสถ์แมทเธียสมีความเก่าแก่มาก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.​1015 โดยกษัตริย์ King Saint Stephenแต่ภายหลังโบสถ์ถูกกองทัพมองโกลทำลายเมื่อปี ค.ศ.1241 จึงต้องสร้างใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 13 และได้รับชื่อใหม่ตามพระนามของกษัตริย์แมทเธียส ผู้ทรงมีพระราชบัญชาให้บูรณะหอคอยฝั่งทิศใต้ในศตวรรษที่ 19 นอกจากตัวสถาปัตยกรรมทางศาสนาอันงดงามจับตาจนถ่ายรูปกันได้เพลินแล้ว โบสถ์แมทเธียสยังใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ อาทิ กษัตริย์ฟรานซ์โจเซฟที่ 1 แห่งฮังการี (Franz Joseph I of Hungary) เป็นต้น ที่นี่จึงอวลด้วยกลิ่นอายความศรัทธาอยู่ในทุกอณูเนื้อ

ใกล้ๆ กับโบสถ์แมทเธียสเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระเจ้าสตีเฟนที่ 1 ทรงม้า ผลงานประติมากรรมอันงดงามจากศตวรรษที่ 11 และเพียงข้ามถนนมาไม่กี่อึดใจเราก็จะถึง “ป้อมชาวประมง”(Fisherman's Bastion) ซึ่งฟังชื่ออาจรู้สึกธรรมดา แต่ต้องบอกเลยว่าเมื่อขึ้นไปบนป้อมโบราณสูงตระหง่านนี้แล้วจะกลายเป็นจุดชมวิวเหนือบูดาเปสต์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งเลยเพราะจะมองเห็นแม่น้ำดานูบกับตัวอาคารสำคัญๆได้สุดสายตาแบบพาโนรามา โดยเฉพาะอาคารรัฐสภาบูดาเปสต์ซึ่งถือว่าเป็นตึกรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก อีกทั้งมองเห็นสะพาน รวมถึงเรือสำราญที่พานักท่องเที่ยวล่องชมสองฝั่งเมืองไปตามแม่น้ำดานูบอย่างเนิบช้า

ป้อมชาวประมงสร้างขึ้นบนฐานเก่าของปราสาทบูดา (Buda Castle) อันเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่มรดกโลก ตัวป้อมสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1895-1902 โดยกลุ่มชาวประมงผู้พิทักษ์ปราสาทแห่งนี้เรียกว่าพวก “Halász” ตัวป้อมสร้างด้วยหินในสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โรมัน มีหอคอย 7 หอ เป็นสัญลักษณ์ของผู้นำแมกยาร์7 ท่านที่รวมอาณาจักรฮังการีสำเร็จ จุดเด่นอีกอย่างของป้อมคือมีระเบียงทางเดินด้านหนึ่งขนานไปกับแม่น้ำดานูบ ยาวถึง140 เมตร ทำให้เราขึ้นไปเลือกหามุมถ่ายภาพเก๋ๆ หรือยืนเหม่อมองทัศนียภาพมหานครโบราณตรงหน้าได้อย่างเต็มอิ่ม

นี่เที่ยวแค่วันเดียวยังสนุกขนาดนี้ ขอบอกเลยว่ายังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนร้อยในความงามและเรื่องราวของบูดาเปสต์และฮังการีที่มีภูมิหลังยาวนานเหลือเกิน...

ถ้ายุโรปคือดินแดนที่คุณใฝ่ฝันอยากไปเยือนก็ต้องใส่ชื่อฮังการีไว้ในลิสต์ท่องเที่ยวคราวต่อไปของคุณด้วยนะครับ

Traveler’s Guide

• Getting There : เที่ยวบินส่วนใหญ่จากไทยไปบูดาเปสต์ ฮังการี ต้องเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้ง เช่น สายการบิน KLM ใช้เวลา 16 ชั่วโมง 50 นาที แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่อัมสเตอร์ดัมอีก 2 ชั่วโมง 35 นาที เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสายการบินให้เลือก เช่น Swiss Airlines, Air France, Austrian Airlines ฯลฯ
• Overnight :แนะนำโรงแรมPark Inn Radisson Budapest (จองได้ที่ www.radissonhotels.com)
• More Info :http://abouthungary.hu/tourism/, www.budapest.com

Tag: , Far Away, ท่องเที่ยว,