แม้ซีรีส์เกาหลีสุดฮิตเรื่อง Crash Landing On You (2020) จะจบลงไปแล้วพร้อมกับเรื่องราวความรักสุดประทับใจ ควบคู่ไปกับการตีแผ่จินตนาการเกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือที่ใครหลายคนนึกไม่ออก แต่สิ่งที่ทำให้เรารักซีรีส์เรื่องนี้มากกว่านั้นกลับเป็น “อาหาร” ที่ทำให้เราอุ่นไปถึงหัวใจไม่แพ้กับคำว่า “สหาย” ที่กลายเป็นคำพูดติดปากในหนังเรื่องนี้
ชื่อเรื่อง Crash Landing On You นับว่าตั้งขึ้นมาได้อย่างน่ารัก โดยเล่าเรื่องราวของยุนเซรี (ซนเยจิน) นักธุรกิจสาวที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างสูงสุด จน (เกือบ) ได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดกิจการต่อจากพ่อ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ต้องพลิกผันเมื่อเครื่องร่อนของเธอประสบอุบัติเหตุก่อนจะตกลงที่ประเทศเกาหลีเหนือได้แบบพอดิบพอดี และนั่นก็ทำให้เธอได้พบกับผู้กองรีจองฮยอก (ฮยอนบิน) ทหารเกาหลีเหนือผู้เคร่งครัดที่จับพลัดจับผลู (ด้วยความเต็มใจ) มาช่วยเธอกลับบ้าน
ด้วยเหตุนี้ฉากหลังของเรื่องจึงอยู่ที่ประเทศเกาหลีเหนือดินแดนเร้นลับ ซึ่งตัวซีรีส์ก็นำเสนอความเป็นไปของประเทศนี้ได้อย่างน่ารักด้วยหมู่บ้านทหารใกล้ชายแดนที่มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย แต่ภายใต้ความเรียบง่ายที่ว่านั้นก็สะท้อนออกมาด้วยว่าทำไมสิ่งที่พวกเขาพบจึงถูกมองเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นไฟที่ดับอยู่บ่อยครั้งจนต้องจุดเทียน หรือบางคนต้องแอบปั่นไฟเตรียมแบตเตอรี่เอง หรือจะเป็นการคมนาคมที่ดูแสนจะลำบาก ไปจนถึงตู้เย็นที่ต้องกลายมาเป็นตู้เก็บหนังสือ ร่วมด้วยหม้อหุงข้าวพูดได้ที่ถูกห้ามใช้เพราะเป็นการเอาเปรียบสหายคนอื่น
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเรากลับได้เห็นภูมิปัญญาของชาวเกาหลีแบบดั้งเดิม อย่างฉากที่ผู้หญิงในหมู่บ้านต้องมารวมตัวกันทำกิมจิ ก่อนจะแบ่งสันปันส่วนให้กับคนในหมู่บ้าน ซึ่งวิธีเก็บกิมจิก็คือทุกบ้านมีถ้ำขุดไว้ใต้ดินใช้แทนตู้เย็น หรือวิธีการเก็บเนื้อที่ใช้กระดาษห่อเอาเกลือเคลือบเพื่อรักษาความเย็น เรื่อยไปจนถึงวิธีปิกนิกแบบชาวเกาหลีเหนือที่พกพาหมูทั้งตัวไปด้วยกันเลยเพราะกลัวว่าเนื้อจะไม่สด หรือจะเป็นปาร์ตี้ฉบับแม่บ้านแดนโสมขาวที่ทุกบ้านจะต้องนำอาหารมาร่วมแจมกับเจ้าของงาน
ขณะที่อาหารทุกจานที่นำเสนอล้วนดูละเมียดละไม เริ่มตั้งแต่รามยอน (บะหมี่เกาหลี) แบบโฮมเมดที่ผู้กองรีจองฮยอกนวดแป้งและใช้เครื่องทำพาสตาตัดเส้นเองกับมือ ก่อนจะหั่นผักทำน้ำซุปในหม้อสังกะสีใบน้อยเพื่อให้ร้อนไว หรือจะเป็นตอนที่ผู้กองหนุ่มคั่วและบดกาแฟเอง แล้วดริปกาแฟด้วยเครื่องชงที่ได้จากเมืองนอก แต่ทีเด็ดคงต้องยกให้กับวิธีการกินเมนูปิ้งย่างที่เอาถ่านใส่ในถังแล้วเอาตะแกรงวางแล้วย่างกันตรงนั้น หรือวิธีการกินซีฟู้ดที่โยนเข้ากองไฟที่ยุนเซรีบอกว่าเธอจะต้องกินซีฟู้ดกับไวน์โซวีญงบล็อง (Sauvignon Blanc) เท่านั้น แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอกลับอร่อยกับโซจูที่เธอได้ดื่มผ่านเปลือกหอยมากกว่า
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือความอร่อยของอาหารไม่จำเป็นต้องขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่แพงที่สุด หรือใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดเสมอไป เมื่อบางครั้งความอร่อยยังอยู่ที่บรรยากาศรอบๆ ตัวด้วย เพราะสิ่งหนึ่งที่ยุนเซรีเรียนรู้ (ไปพร้อมๆ กับเรา) ก็คือมื้ออาหารที่แพงระดับมิชลินที่เธอกินเพื่อเจรจาทางธุรกิจก็อร่อยไม่เท่ากับอาหารราคาประหยัดฉบับโฮมเมดที่เธอได้นั่งล้อมวงกินกับเพื่อนแท้ถึงแม้จะเป็นแค่ข้าวพองจิ้มน้ำตาลก็เถอะ!
ส่วนคำถามว่าคนเกาหลีเหนือกินต่างกับคนเกาหลีใต้อย่างไรนั้น เราคงต้องบอกว่าไม่ต่างกันมากเพราะยังมีโซจู ไก่ทอดกับเบียร์ และรามยอนเป็นตัวเอกเหมือนเคย
ภาพประกอบจาก : https://metro.style
Tag:
, Food on Film, ซีรีย์เกาหลี,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น