“บ้านนวล” ร้านอาหารไทยที่สร้างปรากฏการณ์ไวรัลในโซเชียลว่าเป็นร้านที่จองยากที่สุดร้านหนึ่งในประเทศ ไม่เพียงคนไทยที่อยากลิ้มรสประสบการณ์แห่งรสชาติ แต่ยังมีชาวต่างชาติที่พยายามจองคิวร้านให้ได้ก่อนจองตั๋วเครื่องบินเสียอีก ได้ยินแบบนี้ทำเอาเราและสายกินทั้งหลายตื่นเต้น และอยากพิสูจน์ว่ารสชาติจะน่าทึ่งสมคำร่ำลือหรือไม่
เมื่อโอกาสมาถึงเราย่อมไม่ยอมพลาด นาทีแรกที่มายืนอยู่หน้าบ้านไม้ 2 ชั้นต้องบอกว่าค่อนข้างแปลกใจในความธรรมดา (มาก) เมื่อผลักบานประตูเข้าไปก็พบเพียงโต๊ะและเก้าอี้ที่จุได้ไม่เกิน 14 ที่นั่ง ตกแต่งเรียบง่าย หรือเรียกว่าไม่ได้ตกแต่งอะไรน่าจะถูกกว่า ทว่าสิ่งที่เห็นกลับถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นเป็นกันเอง ยิ่งได้พบกับรอยยิ้มของคุณทอมมี่-สิทธิศักดิ์ และคุณยุ-ยุวรัตน์ สาครสินธุ์ สองพี่น้องเจ้าของร้าน ตามมาด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของอาหารที่ลอยมาเตะจมูกก็ทำให้เรารู้สึกประทับใจตั้งแต่วินาทีนั้น
นอกจากจะได้กินอาหารไทยสไตล์ “มัมคุก” ที่คุณยุ (พี่สาว) ตั้งใจปรุงแล้ว เรายังถือโอกาสพูดคุยกับคุณทอมมี่ (น้องชาย) ถึงความเป็นมาที่ทำให้ร้านนี้กลายเป็นไวรัลร้อนแรงในโลกโซเชียล
“จุดเริ่มต้นของบ้านนวลคือการต่อยอดจากครัวนกยูงที่เน้นทำเฉพาะอาหารกล่องส่งตามแนวรถไฟฟ้า อาหารก็เป็นสูตรที่คุณย่าคุณยายและคนในครอบครัวเคยทำให้กินตั้งแต่เล็กจนโต สมัยก่อนบ้านเราอยู่ใกล้ตลาดจึงมีโอกาสตามคุณย่าไปตลาดบ่อยๆ ทำให้รู้วิธีเลือกซื้อ รวมถึงขั้นตอนการเตรียมและการปรุง เราซึมซับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กๆ พอมาทำอาหารขายเราก็ยังเลือกที่จะไปซื้อของที่ตลาดสดทุกเช้า รู้สึกสนุกและทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่เดินตามคุณย่า ท่านจะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าตลอดทางเหมือนกับเราในตอนนี้เลย
“หลังจากทำอาหารกล่องขายมาได้สักระยะจนมีลูกค้าประจำก็เริ่มอยากทำร้านอาหาร เรา 2 คนก็มานั่งคิดคอนเซ็ปต์ จนได้ข้อสรุปว่าจะทำร้านเล็กๆ ในใจตอนนั้นคิดว่ามีแค่โต๊ะเดียวก็พอ แต่สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือ ‘ใช้วัตถุดิบดีในราคาที่เหมะสม’ และ ‘อยากให้เหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อน’ มากกว่าบรรยากาศของร้านอาหาร ผมเดินหาทำเลมาเรื่อยๆ จนมาพบบ้านหลังนี้ซึ่งไม่ใช่ทำเลที่ดีเลย เพราะอยู่ลึกและไม่มีที่จอดรถ แต่ก็ตัดสินใจเลือกที่นี่เพราะชอบบ้านและบรรยากาศโดยรอบที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไร หลังเปิดขายได้ 3 เดือน วันหนึ่งมีลูกค้ามาบอกว่าอยากกินเมนูนี้ ทำให้กินหน่อยได้ไหม เราก็ปิ๊งไอเดียเลยว่าอยากให้ลูกค้าได้กินในสิ่งที่เขาอยากกินจริงๆ ดีกว่า ด้วยความที่เรามีที่นั่งจำกัดเลยต้องแบ่งเป็น 2 รอบ คือรอบกลางวันและรอบเย็นโดยเปิดให้จองเวลาและสั่งอาหารล่วงหน้า วิธีนี้ทำให้ลูกค้าได้กินในสิ่งที่อยากกินจริงๆ และเราก็บริหารจัดการร้านได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องสต๊อกวัตถุดิบ ซื้อเท่าที่ใช้ ทำให้ร้านเราไม่มีของเสียเลย”
ด้วยจุดเด่นของรสชาติอาหารสไตล์มัมคุกที่หนักเครื่องถึงรสและขั้นตอนการจองคิวที่ต้องใช้เวลา สร้างกระแสบอกปากต่อปาก หรือ Viral Marketing ทำให้ชื่อบ้านนวลติดอันดับจองยากที่สุดร้านหนึ่งในประเทศ คุณทอมมี่พูดถึงเรื่องนี้ว่า “อยากให้ลูกค้าใจเย็น อย่างที่เห็นว่าร้านเล็กมาก ไม่สามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่านี้ และเรายังอยากทำร้านเล็กๆ อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก จึงยังไม่คิดขยายร้านอย่างที่หลายคนมักตั้งคำถาม ส่วนเรื่องของรสชาติเราไม่ได้เคลมว่าอาหารของเราอร่อยที่สุด ลิ้นแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าถูกปากชอบรสชาตินี้ก็กลับมา ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่ทุกเมนูเราทำเหมือนทำกินเองที่บ้าน หรือทำให้เพื่อนที่มาเที่ยวบ้านได้กิน
“ทุกวันนี้เราพี่น้องก็ยังแบ่งหน้าที่กันทำเหมือนเดิม พี่ยุจะทำอาหาร ครัวเป็นของเธอ (หัวเราะ) ส่วนผมจะดูแลลูกค้าด้านนอก อาหารของเราเน้นเสิร์ฟจานใหญ่ให้กินได้เต็มอิ่ม เราจะแนะนำให้ลูกค้าสั่งอาหารให้เพียงพอกับความต้องการ เพราะหมดแล้วอาจหมดเลย เราไม่ได้สต๊อกวัตถุดิบไว้ บางทีลูกค้าสั่งเพิ่มเราต้องรีบขอโทษ และบอกว่าวัตถุดิบหมดแล้วจริงๆ แต่ถ้ากินไม่หมดก็เอาใส่ปิ่นโตกลับบ้านได้เลย ส่วนเครื่องดื่มเรามีแต่น้ำเปล่าซึ่งเราจะบอกลูกค้าก่อนเสมอ ถ้าอยากดื่มอย่างอื่นจะซื้อติดไม้ติดมือเข้ามาด้วยก็ได้”
ตลอดการสนทนากับคุณทอมมี่ต้องบอกว่าเพลินจนลืมเวลา ได้มุมคิดดีๆ และเชื่อว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่มีฝันแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ แม้จะเป็นฝันเล็กๆ แต่ถ้าทำด้วยความมุ่งมั่นอย่างน้อยก็ได้ความสุขใจเหมือนกับพี่น้องสาครสินธุ์
ส่วนรางวัลอื่นๆ อาทิ 30 Top Tables 2019, เชลล์ชวนชิม 10 ร้านแรกประจำปี 2019 และ Wongnai Awards ต้องถือเป็นกำลังใจและกำไรชีวิตแล้วล่ะ
อ่านเพิ่มเติม : บ้านนวล อาหารไทยสไตล์ Mom Cooking อบอุ่นเหมือนกินข้าวบ้าน
Tag:
, Interview, ร้านอาหารไทย,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น