"หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน" เมืองหลากสีที่ได้รับกล่าวขานว่าเป็น “ซานโตรินีของเกาหลี”

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563  4,552 Views
นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 235 เดือนกุมภาพันธ์ 2563

หากใครที่กำลังมองหาสีสันของปีใหม่ มุมถ่ายรูปสวยๆ และยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้เขยิบออกห่างจากกรุงโซลแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตมาอีกนิด แล้วลงใต้มายังปูซาน (Busan) ก่อนจะมุ่งหน้าค้นหาหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) เมืองหลากสีที่ได้รับการกล่าวขานว่า “ซานโตรินีของเกาหลี” (Korea's Santorini)

★ Unusual History : ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครเหมือน 

แม้ฉากหน้าของหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอนจะเต็มไปด้วยสีสันสดใสจนเราอยากหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแทบทุกมุม แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังของอิฐทุกก้อน สีสันทุกสี ล้วนเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่แฝงไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

แรกเริ่มเดิมทีบริเวณพื้นที่ริมชายหาดติดภูเขาแห่งนี้ไม่ได้มีคนอาศัยอยู่มากอย่างที่เห็น เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านชาวประมงเพียง 20 ครัวเรือนเท่านั้น แต่พอภายหลังปี ค.ศ. 1950 หรือในช่วงสงครามเกาหลีที่กองทัพเกาหลีเหนือยกพลเข้าสู่เกาหลีใต้แล้วรุกคืบเข้ายึดพื้นที่แทบทั้งหมด หลงเหลือไว้เพียงบริเวณคาบสมุทร ซึ่งก็คือเมืองปูซานที่กองทัพเกาหลีเหนือไม่สามารถเข้าครอบครองได้ และนั่นก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งรองรับของผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาล เพราะเพียงเวลาแค่ปีเดียวคือปี ค.ศ. 1951 มีประชากรชาวเกาหลีพลัดถิ่นได้หลั่งไหลเข้าสู่ปูซานกว่า 500,000 คน จากที่มีอยู่เดิม 882,000 คน และนั่นน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ปูซานกลายเป็นเมืองใหญ่โดยปริยาย

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

ส่วนบริเวณที่เป็นหมู่บ้านคัมชอนก็เป็นพื้นที่ที่ไกลจากตัวเมืองมาก หากแต่กว้างขวาง ทำให้พื้นที่ค่อยๆ ถูกจับจอง ก่อนสร้างเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวมากกว่า 800 ครัวเรือน โดยสร้างกระท่อมไม้ไล่เรียงขึ้นไปตามเนินเขา ซึ่งวัสดุที่ใช้สร้างบ้านเป็นวัสดุง่ายๆ อย่างโครงเหล็กติดด้วยไม้อัด บ้างก็เป็นกระดาษลังลูกฟูกเก่าๆ โดยมีหินทับไว้บริเวณหลังคาเพื่อกันแดดกันฝน ในเวลาต่อมาหมู่บ้านแห่งนี้ก็ขยับขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นบ้านไม้ ก่อนที่ในช่วงปี ค.ศ. 1980-1990 ทั้งหมดก็ได้กลายเป็นบ้านที่สร้างด้วยอิฐและมี 2 ชั้น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นจุดนี้ก็กลายเป็นชุมชนแออัดที่นับวันจะชำรุดทรุดโทรมลงทุกที

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

ด้วยเหตุนี้ในปี ค.ศ. 2009 รัฐบาลเกาหลีโดยกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (Ministry of Culture, Sports and Tourism) ก็ได้แปลงโฉมพื้นที่แห่งนี้โดยใช้ชื่อว่า Dreaming of Busan Machu Picchu เพื่อสร้างให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและศูนย์รวมศิลปะผลงานของศิลปินนั่นเอง

★ Art Saves the Village : ศิลปะชุบชีวิตหมู่บ้าน 

หากจะบอกว่าศิลปะได้ชุบชีวิตของหมู่บ้านนี้ขึ้นมาอีกครั้งก็คงไม่ผิดนัก เพราะขณะที่คนในชุมชนเริ่มอพยพและย้ายออกไปบางส่วน รัฐบาลก็ได้ว่าจ้างศิลปินนับ 10 ชีวิตมาทำนุบำรุงพื้นที่แห่งนี้ด้วยการแต่งแต้มสีสันตามกำแพงและผลงานทางศิลปะให้เราได้หยุดชมดูความสดใส ราวกับเราเดินทะลุเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

กล่าวกันว่าในช่วงแรกนั้นชาวบ้านที่อยู่อาศัยในบริเวณไม่ค่อยเห็นด้วยกับโครงการของรัฐบาลสักเท่าไร เมื่อพวกเขารู้สึกว่าต้องถูกจ้องมองจากนักท่องเที่ยวราวกับพวกเขาเป็นสัตว์ตัวน้อยในสวนสัตว์ แต่พอโครงการได้พัฒนาไปเรื่อยๆ ผู้คนก็เริ่มถูกอกถูกใจ เพราะสารพัดสีที่เพิ่มเข้ามาไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกสบายตาและใจดีต่ออารมณ์มากขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังสร้างอาชีพให้พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คาเฟ่ ร้านอาหาร ไปจนถึงร้านขายของที่ระลึกเริ่มเปิดตัวขึ้นมา คราวนี้การประสานมือร่วมใจระหว่างประชาชนและภาครัฐก็เริ่มขึ้น เมื่อพวกเขาเริ่มออกมาทาสีพร้อมเพนต์ลวดลายต่างๆ บนกำแพงบ้านของตัวเองให้กลมกลืนกับบรรยากาศสุดน่ารักที่รายล้อมอยู่

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

ผลงานศิลปะหนึ่งที่จะเห็นอยู่รอบๆ หมู่บ้านเลยก็คือปลาหลากสีสันทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ บางตัวเป็นป้ายไม้ บางตัวเป็นรูปภาพวาดเพื่อสะท้อนความเป็นเมืองชายทะเล หลายเสียงบอกว่าถ้าหลงทางก็ให้ “เดินตามปลาไป” ซึ่งขอบอกว่าเราไม่หลงจริงด้วย เพราะเดินเป็นวงกลม (ฮา!) หรือจะเป็นดอกไม้เล็กๆ ที่ทำล้อขึ้นไประหว่างทางเดินขึ้นเนินเขา เรื่อยไปถึงนกเซรามิกสีสันสดใสที่เกาะอยู่บนหลังคาตามบ้านเรือน เสาไม้ ไปจนถึงม้านั่ง แต่ถ้าสังเกตให้ดีหัวของนกเหล่านี้ไม่ใช่นก หากแต่เป็นหัวคนต่างหาก

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

และเป็นหัวที่กำลัง “ยิ้ม” ให้เราอีกด้วย

★ The Little Prince : เจ้าชายน้อย 

นอกจากสีสันสุดสวย สิ่งที่ทำให้หมู่บ้านคัมชอนเป็นที่น่าจดจำมากที่สุดคงไม่พ้นรูปปั้น “เจ้าชายน้อย” ที่มาพร้อมเจ้าสุนัขจิ้งจอก วรรณกรรมเลื่องชื่อของอ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี (Antoine de Saint-Exupéry) ที่นั่งอยู่บนเนินเขาบนสุดริมรั้วและกำลังทอดสายตามองไปยังท้องทะเล

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

นั่นก็ทำให้เจ้าชายน้อยกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เราจะเห็นบรรดานักท่องเที่ยวต่อคิวกันเพื่อจะได้เก็บรูปสวยๆ กับเจ้าชายน้อย อีกทั้งเราจะเห็นภาพเพนต์ตามที่ต่างๆ ซึ่งรวมถึงร้านขนมเล็กๆ ที่ตั้งชื่อว่า Café Prince Pound Cake จุดเด่นของร้านต้องยกให้กับการตกแต่งที่เรียบง่าย พร้อมด้วยวิวที่ทำให้เราเห็นทั้งหมู่บ้านสุดลูกหูลูกตา แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับความอร่อยของนมที่บรรจุอยู่ในขวดเล็กๆ และเค้กอบใหม่ๆ หลากรสที่เสิร์ฟพร้อมซอสครีมนมข้นๆ ราดลงไป จนได้รสสัมผัสนุ่มๆ ที่ทั้งหอมและชุ่มฉ่ำ

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน

กินเท่าไรก็ไม่พอ

วิธีการเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Toseong Station (Busan Subway Line 1) ทางออก 6 แล้วต่อรถบัสสาย 1 สาย 2 และสาย 2-2 ลงป้ายโรงเรียนประถมคัมชอน (Gamcheon Elementary School)


Tag: , ท่องเที่ยว, เกาหลี,

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed