งานประจำในการอัปเดตเทรนด์ของเรามาอีกแล้วเช่นเคย สำหรับเทรนด์ในปีนี้คงต้องบอกว่าไม่ได้หวือหวามากเท่ากับปีก่อนๆ หากแต่เป็นการคิดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเทรนด์รักษ์โลกที่มีการปรับให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับอาหารเด็กที่ผู้ใหญ่กำลังเริ่มให้ความสำคัญ ส่วนอาหารตำรับดาวเด่นในปีนี้เห็นทีต้องยกให้กับอาหารตำรับแอฟริกันเขาล่ะ
★ Zero Waste Cooking : ปรุงอาหารไม่ให้เหลือทิ้ง ★
เริ่มกันด้วยแนวคิดแบบรักษ์โลกที่ในปีนี้คิดว่าน่าจะถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารอย่างเข้มข้น หลังจากมีการพูดถึงกันมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีให้หลัง เพราะไม่น่าเชื่อว่าอุตสาหกรรมอาหารก็เป็นตัวที่ก่อให้เกิดโลกร้อนไม่ต่างกัน โดยมีรายงานว่ามีผลิตภัณฑ์อาหารสดจำพวกเนื้อและสัตว์ปีกถูกทิ้งมากกว่า 570,000 ตันในแต่ละปี ทำให้คาดการณ์กันว่าปัญหานี้จะถูกนำมาคิดกันจริงจัง โดยเฉพาะตัวผู้บริโภคที่เริ่มหันมาสนใจกับปัญหานี้ก็น่าจะทำให้เหล่าผู้ผลิตริเริ่มที่จะทำอะไรใหม่ในการจัดสรรทรัพยากรและอาหารที่เหลือทิ้งให้เกิดประโยชน์กว่าเดิมนั่นเอง
★ West African Cuisine : อร่อยตามตำรับแอฟริกัน ★
สิ่งที่ทำให้อาหารตำรับแอฟริกันถูกหยิบยกขึ้นไม่ใช่แค่เพียงรสชาติจากเครื่องเทศเท่านั้น เพราะหากใครยังไม่รู้เราคงต้องบอกว่าอาหารเพื่อสุขภาพหลายๆ ชนิดมีถิ่นกำเนิดจากฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกานี่เอง ซึ่งนั่นก็สอดคล้องกับความต้องการของเหล่าเชฟมิชลินสตาร์ที่พยายามจะสรรหาพืชพรรณเก่าแก่และหายากออกมานำเสนอ ทำให้ในปีหน้าวัตถุดิบจากดินแดนแอฟริกาจึงน่าจับตามองอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะ “โฟนิโอ” (Fonio) ธัญพืชเมล็ดเล็กที่มีลักษณะเป็นต้นหญ้าคล้ายข้าว แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกินกันเพราะเมล็ดที่เล็กจนเกินงาม แต่มาสมัยหลังโฟนิโอก็ได้รับความสนใจจนเป็นดาวเด่นของร้านดัง เนื่องจากเป็นธัญพืชที่โตไว เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวในเวลาเพียง 6-8 สัปดาห์ จึงดีต่อโลกเพราะใช้ทรัพยากรน้อย ที่สำคัญยังแปลกใหม่ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายไม่ต่างจากข้าว พ่วงด้วยรสอร่อยและย่อยง่าย
★ Rethinking the Kid’s Menu : เมนูใหม่ๆ สำหรับเด็ก ★
คงต้องบอกว่าแนวคิดนี้มาจากผู้ใหญ่นั่นเอง จากการที่ช่างเลือกมากขึ้นทำให้อาหารเด็กถูกพิจารณาให้มีสารอาหารและหน้าตาที่สวยงามขึ้น เพราะสุขภาพที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก อาหารเด็กอย่างไส้กรอก นักเก็ต และมักกะโรนีจะถูกเพิ่มด้วยความอร่อยของปลาแซลมอน ไก่ออร์แกนิก และผักหลากชนิด ที่มากไปกว่านั้นเหล่าเด็กน้อยเองก็รู้เรื่องอาหารดีมากขึ้นจากการเข้าถึงสื่อต่างๆ ทำให้เห็นว่าพวกเขาสามารถทำอาหารได้เองและปรุงรสชาติของตัวเองได้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปิดเมนูตามร้านอาหารแล้วจะพบว่าอาหารชุดสำหรับเด็กมีให้เลือกกันอย่างสนุก เพราะความอร่อยของเด็กจะไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป
★ The Non-Alcoholic Drinks : ปราศจากแอลกอฮอล์ ★
ดูเหมือนว่าเทรนด์นี้ยังคงแรงไม่มีตก หลังจากที่ปีนี้และปีก่อนหน้าเราได้เห็นเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ออกมาให้ลองกัน ซึ่งผู้สันทัดกรณีล้วนบอกว่าเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์จะกลายมาเป็นเครื่องดื่มกระแสหลักในปีหน้านี้แทนที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มักจะถูกใช้เป็นตัวดึงลูกค้า หรือที่เรียกกันว่า “แฮปปี้ฮาวร์” (Happy Hours) ตามร้านอาหารต่างๆ ถึงขนาดฟันธงว่าม็อกเทล (Mocktail) จะได้รับความนิยมมากกว่าค็อกเทล (Cocktail) เสียอีก บรรดาเหล้า จิน และบรั่นดีหลากสีที่นำมาใช้ผสมเครื่องดื่มก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำอัดแก๊ส (Sparkling Waters) และน้ำเชื่อมหมักจากผลไม้ที่จะมารังสรรค์เครื่องดื่มสีสวยแสนอร่อยแต่กินเท่าไรก็ไม่เมา
★ Not-So-Simple Sugars : หวานแบบไม่ธรรมดา ★
ปิดท้ายกันที่ขนมหวานที่คาดกันว่าในปีหน้าขนมหวานหน้าตาเรียบง่ายน่าจะครองใจผู้คนได้มากกว่า แต่ส่วนผสมข้างในจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของรสชาติหวานๆ ที่ก่อนหน้านี้เราจะคุ้นเคยกับความหวานจากธรรมชาติอย่างน้ำผึ้ง น้ำตาลอ้อย ไปจนถึงเมเปิลไซรัป แต่มาตอนนี้ความหวานจะถูกตีความให้หลากหลายขึ้น ซึ่งแหล่งที่มาของความหวานที่น่าจับตาก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากบรรดาผลไม้ที่จะมาช่วยเสริมรส ไม่ว่าจะเป็นทับทิม มะพร้าว มันหวาน อินทผลัม เรื่อยไปจนถึงหล่อฮังก๊วย (Monk Fruit) ที่ว่ากันว่าความหวานของผลไม้เหล่านี้น่าจะมาสร้างสีสันอย่างแน่นอน
เตรียมดูกันได้เลย!
แหล่งข้อมูล
Tag:
, เทรนด์อาหาร,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น