หลังจากได้ยินว่าย่านชานเมืองอย่าง “มีนบุรี” มีที่เที่ยวใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น แน่นอนว่าคน (ที่ใครๆ ล้วนบอกว่า) บ้านไกลแต่ใกล้ “มิโนะบุรี” (Minoburi) อย่างเราจึงไม่พลาดรีบลองมาสำรวจรอบๆ พลางลัดเลาะให้ทั่วว่ามีอะไรให้เที่ยวเล่นกันบ้าง
★ Minoburi : มิโนะบุรี = มีนบุรี ★
หากได้ยินชื่อเพียงผิวเผินเชื่อว่าหลายคนคงพลางนึกว่าคอมมูนิตีแห่งนี้ต้องมีกลิ่นอายญี่ปุ่นอย่างที่เขาฮิตๆ กันอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้มาเห็นจริงๆ เรากลับได้พบกับบ้านหลายหลังหลากสีสุดน่ารัก ซึ่งคนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดคงไม่พ้นพี่ป่อง-ปฐมา หรุ่นรักวิทย์ สถาปนิกแห่ง CASE Studio ผู้ออกแบบและเจ้าของโครงการเล่าให้เราฟังว่าแท้จริงแล้วนั้น “มิโนะบุรี” ก็เหมือนกับแผนการการปลดเกษียณของตัวเองที่สุดท้ายแล้วทุกอย่างมาลงตัวอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่แวดล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนและครอบครัวอย่างแท้จริง
“ด้วยความที่เราอยู่ตรงนี้มานาน เห็นว่าตรงนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย มีหมู่บ้านและโรงเรียนเต็มไปหมด แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีพื้นที่ใช้สอยสำหรับเด็ก เด็กๆ จะกินจะเรียนพิเศษก็ทำที่ห้างกันหมด ซึ่งเราก็ไม่ได้แอนตี้ห้างนะ เพียงแต่รู้สึกว่าเราอยากนำลานกิจกรรมที่มีอยู่ในเมืองมาให้เด็กๆ แถวนี้บ้าง ทุกอย่างก็เลยค่อยๆ เกิดเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เห็นกัน ตอนนี้เราเลยมีทั้งสนามบาส มีเรือนมะลิหรือลานอเนกประสงค์ที่เอาไว้จัดกิจกรรมและแสดงผลงาน มีเรือนสำหรับเด็ก ร้านอาหาร คาเฟ่ แปลงผัก และสวนดอกไม้”
นอกเหนือจากความสนุกที่รวมอยู่อย่างครบครันแล้ว ความเก๋ยังอยู่ที่วัสดุต่างๆ ที่ใช้ เพราะไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเหล็ก สุขภัณฑ์ ประตู ไปจนถึงหน้าต่างล้วนแต่เป็นของเหลือใช้ก่อนที่จะยกมาทำใหม่ให้สวยใส
★ Welcome to My Playground : ลานเล่นสนุก ★
จากความตั้งใจแรกที่อยากให้ที่นี่เป็นพื้นที่เอื้อประโยชน์สำหรับเด็ก มิโนะบุรีจึงมีแลนด์มาร์กเป็นสนามบาสสีพาสเทล โดดเด่นด้วยสีน้ำเงิน สีแดง และสีเหลืองอย่างที่เห็น พี่ป่องบอกว่าที่เลือกใช้สีน้ำเงินเป็นหลักก็เพราะเป็นสีที่สามารถทนแดดทนฝนได้ดีกว่าสีอื่น เพราะอยากให้สนามบาสแห่งนี้อยู่ไปนานๆ
สำหรับใครที่อยากมาเล่นบาสก็มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานเล็กน้อย โดยเด็กนักเรียนอยู่ที่ 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท สามารถเข้าไปเล่นได้ตลอดทั้งวัน หรือถ้าอยากจองแบบฟูลคอร์ตก็สามารถติดต่อสอบถามกันมาได้ ส่วนผู้ปกครองที่มีเด็กเล็กๆ ก็ไม่ต้องน้อยใจกันไป เพราะยังมีเรือนหลังเล็กที่ชื่อว่า “มินิมิโนะ” ที่ภายในอัดแน่นจัดเต็มไปด้วยของเล่นเด็กรอต้อนรับทุกคน ซึ่งข้างในจะมีบ้านหลังเล็กๆ ให้น้องๆ ได้เข้าไปเล่นพลางแสดงบทบาทสมมติเป็นเจ้าของร้านขายขนม เป็นเชฟ ไปจนถึงเป็นคุณครู ที่สำคัญยังมีสีเทียนและชอล์กให้ได้ขีดเขียนโดยไม่ปิดกั้นจำกัดจินตนาการกันอีกด้วย
งานนี้ผู้ใหญ่อย่างเราจะแอบไปเล่นระลึกย้อนวัยก็ไม่ผิดกติกา
★ Back to Nature : ชมธรรมชาติ ★
นอกเหนือจากความสนุกสำหรับเด็กๆ แล้ว พื้นที่แห่งนี้ก็นับเป็นสวรรค์ของคนรักพืชผักเลยทีเดียว เมื่อมิโนะบุรีเขามีแปลงผักให้คนที่สนใจอยากปลูกผักกินเองแต่ไม่มีพื้นที่และเวลามาจับจองพื้นที่ของตัวเองกันได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้บริเวณข้างๆ สนามบาสเราจึงได้เห็นแปลงผักเรียงเป็นแถวยาว บางแปลงก็กำลังมีผักต้นเล็กๆ กำลังเติบโตอยู่ ส่วนแปลงที่ยังไม่มีเจ้าของมาลงแปลงปลูกนั้นก็กำลังถูกประคบประหงมบำรุงดินเป็นอย่างดีด้วยการปลูกปอเทืองเพื่อเพิ่มสารอาหาร ซึ่งเราขอบอกเลยว่าปอเทืองพืชหมุนเวียนที่เราได้ยินชื่อตอนสมัยเด็กในวิชาเกษตรนั้นกำลังออกดอกสีเหลืองสวยให้น่าแชะภาพเก็บอย่างที่สุด
ความดีงามยังไม่หมดแค่นั้น เพราะกระเถิบออกไปจากแปลงผักอีกนิดด้านหนึ่งจะมีสะพานให้เราเข้าสู่ทุ่งดอกโสนที่กำลังออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่งช่วงเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ถ้าใครมาไม่ทันดอกสีเหลืองก็ไม่ถือว่าพลาด เมื่อที่นี่คงความชอุ่มสวยงามจนทำให้เราคิดถึงป่าไผ่ในหนังจีนอย่างไรอย่างนั้น!
★ Feel Free with Food : อาหารและเครื่องดื่มอร่อย ★
หลังจากเดินเล่นจนทั่วอย่าลืมแวะชิมความอร่อยของอาหารใต้รสจัดจ้านจากร้าน “ละมุนลิ้น” ที่ขอบอกว่าชื่อเสียงของร้านนี้ดังไม่ใช่เล่น เพราะช่วงเย็นๆ จะมีลูกค้าจากแดนไกลแวะเวียนมาตลอด ยิ่งถ้าเป็นวันเสาร์และอาทิตย์ก็เรียกได้ว่าเนืองแน่น เมนูเด่นห้ามพลาดมีตั้งแต่หมูฮ้อง ใบเหลียงผัดไข่ ผัดสามเหม็น ไข่เจียวสะตอ และของหวานอย่างสาคูเปียกลำไยที่หวานหอมละมุนจนต้องยกนิ้วให้รัวๆ
แต่ถ้าชอบอิ่มหนักๆ ต้องตรงมาที่ “Steakshift & Jib Bar” นำทีมความอร่อยโดยคุณภิรักษ์ อนุรักษ์เยาวชน ช่างภาพสถาปัตยกรรมชื่อดังที่มาผูกผ้ากันเปื้อนเปิดเตาย่างเนื้อหอมๆ กันเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งคุณภาพเนื้อและการปรุงขอบอกว่าพิถีพิถันและเอาใจใส่เป็นพิเศษ แม้จะมาในมาดดุๆ หน่อยแต่ขอบอกเลยว่าอร่อยและดีมากๆ โดยเฉพาะน้ำจิ้มเนื้อสูตรเด็ดที่ทำเรารักเนื้อจนหมดหัวใจ ส่วนคอฟฟี่เลิฟเวอร์ก็อย่าลืมมาปิดท้ายนั่งชิลกันที่ “Nitro DP” คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดที่พกพารสชาติสดชื่นของกาแฟโคลด์บริวและชาไนโตรดื่มง่าย
รู้ตัวอีกทีก็ใช้เวลาอยู่ที่มิโนะบุรีทั้งวันแล้ว
Minoburi 210/9 ซอยประดับ (ระหว่างซอยรามคำแหง 192 และ 194) ถนนรามคำแหง เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
เปิดบริการ วันอังคาร-อาทิตย์ 10.00-22.00 น.
โทร. 08-1817-8248
FB : Minoburi
Tag:
, travel, คอมมูนิตี้, มีนบุรี,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น