หากเชื่อตามชื่อเรื่อง หลายคนคงคิดเหมือนแก้มแดงแหละว่า The Birth of Saké (2016) คงเป็นสารคดีที่พาเราไปรู้จักกรรมวิธีการทำสาเกเหล้าขาวของชาวญี่ปุ่นอย่างเหนือชั้น แต่พอดูจนจบสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้อยากจะนำเสนอจริงๆ กลับเป็น "ชีวิต" ของคนทำสาเกต่างหาก
เรื่องนี้เปิดประเด็นด้วยการพาเราไปทำความรู้จักกับโรงทำสาเกเล็กๆ ของตระกูลโยชิดะในจังหวัดอิชิคะวะที่สืบทอดการทำสาเกมานานกว่า 6 รุ่น หรือประมาณกว่า 140 ปีมาแล้ว ครึ่งชั่วโมงแรกของหนังเราจะได้เห็นวิธีการทำสาเกแบบละเอียดยิบ เริ่มตั้งแต่การขัด ล้าง ผึ่ง นึ่ง และหมักข้าวด้วยยีสต์กับน้ำในถังใบใหญ่ ก่อนที่ปฏิกิริยาทางเคมีจะทำงานด้วยการเปลี่ยนแป้งให้กลายเป็นแอลกอฮอล์อย่างช้าๆ
แน่นอนว่าจุดเด่นของเรื่องคือการทำให้เราได้ไปสัมผัสวิถีของคนทำสาเกอย่างแท้จริง กว่าจะได้สาเกแต่ละขวดไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อสาเกทุกหยดทุกหยาดล้วนเกิดจากจิตวิญญาณ การฝึกฝน และความชำนาญของประสาทสัมผัสทั้งห้า ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส การชิมรส การสังเกต และการดมกลิ่น เท่านั้นยังไม่พอพวกเขายังต้องแลกมาด้วยครึ่งหนึ่งของชีวิต เนื่องจากตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนเมษายนของปีถัดไป ทุกคนต้องจากครอบครัวเพื่อมาอาศัยกินนอนอยู่รวมกันที่โรงงาน เพราะการทำสาเกนั้นต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจแทบจะปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้เลย
พระเอกของเรื่องขอยกให้กับคนสองรุ่น คือโทจิชายวัยใกล้ 70 ที่ปรุงสาเกมาค่อนชีวิต และยาจังหนุ่มวัย 28 ปีที่กำลังสืบสานกิจการโรงทำสาเกแทนพ่อ ขณะเดียวกันความฝันของเขาก็คือ การเป็นนักปรุงสาเกมืออาชีพอีกด้วย เสน่ห์ของเรื่องเลยอยู่ที่การทำงานของคนสองวัยที่กำลังเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แก้มแดงชอบฉากที่ยาจังนำไวน์แดงเอาให้ทุกคนในโรงงานชิม แล้วให้เปรียบเทียบกับรสของสาเก แน่นอนว่าหลายคนคงรู้คำตอบ เพราะทุกคนต่างบอกว่าสาเกของเราต่างหากที่อร่อย ก่อนจะหัวเราะกันอย่างครื้นเครง
จะว่าไปแล้วเหล้าสาเกก็คงไม่ต่างจากของเก่าที่กำลังต้องต่อสู้กับกระแสของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ยิ่งเป็นเรื่องของความชอบเฉพาะบุคคลด้วยแล้ว การทำสาเกให้ถูกใจทุกคนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างที่ยาจังบอกว่า ถ้าจะให้เขาทำสาเกมีรสชาติเบาๆ ดื่มง่าย อย่างที่คนรุ่นใหม่ชอบ ของเก่าก็จะเสีย นักดื่มรุ่นเก่าก็จะตำหนิ หรือถ้าเราปรุงให้มีรสชาติแบบดั้งเดิม สาเกญี่ปุ่นก็อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะไม่เป็นที่นิยมและจางหายไปในวัฒนธรรมการดื่มของญี่ปุ่นก็เป็นได้
เมื่อเทียบดูแล้วชีวิตของคนในเรื่องก็ต้องดิ้นรนไม่แพ้กัน ซึ่งตัวหนังเองก็ทำออกมาในแนวตัดพ้อและสมจริง เมื่อเราได้เห็นความสวยงามของความรักที่มีต่อของเหลวใส ขณะเดียวกันเรากลับเห็นความหม่นหมองที่ซ่อนอยู่ในแววตาและทัศนคติที่แตกต่าง ร่วมด้วยเหตุผลอีกร้อยแปดถึงการมาอยู่รวมกัน และบางครั้งพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าที่นี่อาจจะเป็นที่พำนักสุดท้ายของชีวิต
ราวกับว่าทุกคนกำลังรอการตกตะกอนอยู่ในโรงสาเกแห่งนี้นั่นเอง
ภาพประกอบจาก : http://imdb.com
Tag:
, Food on Film, รีวิวหนัง, สาเก,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น