“เกาะชวา” คือหนึ่งในเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่ตั้งของจาการ์ตาเมืองหลวงของอินโดนีเซีย เกาะนี้ไม่ธรรมดาเพราะตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) คือรอยแยกของเปลือกโลก ทำให้เกิดมีภูเขาไฟน้อยใหญ่ทั้งที่ดับแล้วและยังมีชีวิตอยู่หลายสิบลูก จนเกิดการท่องเที่ยวผจญภัยอันมีชื่อเสียง แต่หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อนเลยว่าเกาะชวายังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ระดับโลกไม่น้อยกว่า 9 แห่ง ซึ่งบริหารงานโดยเครือบริษัท จาวา ติเมอร์ ปาร์ค กรุ๊ป (Jawa Timur Park Group : JTP) เป็นเครือบริษัทเอกชนที่ทำงานร่วมกับภาครัฐในแง่ของการให้ความรู้คู่ความบันเทิงแก่ประชาชนทั่วไปในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ และอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ ขอบอกว่าพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งของเขานั้นแปลกแตกต่างไม่ธรรมดาเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ติดอันดับโลกหรอก ทริปนี้เราจะบินเหินฟ้าสู่เกาะชวาเพื่อเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สุดพิสดารกันครับ
ไม่รอช้าพาไปชมแห่งแรกกันเลยคือ “พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์” หรือ “The Bagong Adventure Museum Tubuh” ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการให้ความรู้เรื่องร่างกายมนุษย์แห่งแรกในอินโดนีเซีย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย จึงมีนักท่องเที่ยวและคนอินโดนีเซีย โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวและนักเรียนไปเที่ยวชมกันไม่ขาดสาย ด้วยว่าร่างกายของเรานั้นมีความมหัศจรรย์แอบซ่อนอยู่มากมายเหลือคณานับ เพราะตั้งแต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อุบัติขึ้นมาบนโลก แล้ววิวัฒนาการขึ้นจนมีรูปร่างหน้าตาเช่นปัจจุบัน ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์นั่นเองครับ
คุณเคยรู้หรือไม่ว่าผิวหนังของผู้ใหญ่ที่โตเต็มที่มีเนื้อที่ประมาณ 1.75 ตารางเมตร หากนำเส้นเลือดทั้งหมดในร่างกายเรามาต่อกันจะยาวเท่ากับพันรอบโลกได้ 2.5 รอบ ข้อความที่ส่งออกจากสมองของเราในรูปประจุไฟฟ้าเดินทางผ่านเส้นประสาทด้วยความเร็วกว่า 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูงบางรุ่นเสียอีก เลือดเดินทางไหลเวียนทั่วร่างกายเป็นระยะทางกว่า 19,000 กิโลเมตรในแต่ละวัน และหัวใจของเราเต้นไม่น้อยกว่า 3 พันล้านครั้งตลอดชั่วชีวิตแต่ละคน เป็นต้น นี่แค่ส่วนจิ๊บจ้อยที่จะค้นหาได้ในพิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์แห่งเกาะชวาครับ
พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์นี้สร้างขึ้นในเนื้อที่กว้างขวางกว่า 1.5 เฮกเตอร์ และเพื่อให้เที่ยวได้สนุก เข้าใจร่างกายมนุษย์อย่างลึกซึ้ง เขาจึงสร้างแต่ละห้องให้เหมือนกับเราเดินทางเข้าไปในร่างกายจริงๆ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในสมอง เส้นเลือด กระเพาะอาหาร ตับ กระดูก ฯลฯ คล้ายเราเป็นเซลล์ตัวหนึ่งที่วนเวียนผ่านเข้าไปในร่างกายและพานพบอวัยวะต่างๆ จากมุมมองภายในอันแสนมหัศจรรย์ เริ่มตั้งแต่ในก้อนมันสมอง เรื่อยไปจนถึงดวงตา ระบบไหลเวียนเลือด หัวใจ ปอด โครงสร้างกระดูก เส้นประสาท และอื่นๆ เราจะตื่นตากับแสงสีเสียงและโมเดลอวัยวะต่างๆ อันน่าตื่นใจ จนแทบไม่เชื่อเลยว่าทั้งหมดนั้นบรรจุอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “ร่างกาย” ของเราทุกคน หนึ่งในไฮไลต์ห้ามพลาดชมเด็ดขาดคือการนำศพมนุษย์จริงๆ (ซึ่งได้รับการบริจาคอย่างถูกกฎหมาย) มาทำให้ร่างแห้งลงและไม่เน่าเปื่อย เขาจะลอกผิวหนังออกหมดเพื่อเผยให้เห็นอวัยวะภายในทั้งหมด จากนั้นนำร่างนั้นมาจัดท่าทางอิริยาบถต่างๆ ประหนึ่งว่ายังมีชีวิตอยู่ โดยในห้องจัดแสดงนี้มีร่างไร้ชีวิตไร้ผิวหนังอยู่นับสิบๆ ร่าง และห้ามถ่ายภาพเด็ดขาด
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจรู้สึกกลัวขนลุกซู่ๆ แต่ก็นี่ล่ะครับสังขารจริงๆ ของเราทุกคนเป็นแบบนี้ ความสวยงามภายนอกมันคือภาพลวงตาทั้งนั้น สักวันมันก็จะหายวับไป เหลือไว้เพียงร่างกายเดิมแท้ตามธรรมชาติที่เห็นครับ ดูๆ ไปผมว่าคล้ายงานศิลปะมากกว่า เพราะผมรู้สึกว่า ร่างกายเรานี้คือศิลปะที่พระเจ้าสร้างขึ้น เช่นเดียวกับร่างไร้วิญญาณเหล่านี้ที่กลายเป็นงานศิลปะอันน่าขนลุก
แหม! แค่เที่ยวที่แรกก็สยองซะแล้ว ฮ่าๆ เอาล่ะที่เหลือไม่ได้น่ากลัวแล้ว ถัดไปเที่ยวแบบสบายๆ คือ “พิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์ซัตวา” หรือ “Museum Satwa and Secret Zoo” เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนอินโดนีเซียในปัจจุบัน เพราะไปเที่ยวที่เดียวคล้ายได้ชมสัตว์จากทั่วโลก เขานำสัตว์แปลกๆ จากทุกทวีปมาจัดแสดงไว้ ทั้งแบบปล่อยในกรงกลางแจ้งขนาดใหญ่ ต้องใช้เวลาเดินชมไม่น้อยกว่า 1-2 ชั่วโมง แถมยังมีพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาสุดเจ๋ง สร้างเป็นอาคารทรงโรมันมหึมา ภายในจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์จากทั่วโลก แต่ไม่ใช่ว่าจะสตัฟฟ์สัตว์ในหน้าตาท่าทางแข็งๆ ทื่อๆ ไร้ชีวิตนะครับ เขาพิถีพิถันกว่านั้นมากจนเราต้องอึ้งทึ่ง แต่ละโซนจัดแสดงแต่ละห้อง แต่ละตู้โชว์ ล้วนมีสัตว์สตัฟฟ์ในลีลาท่าทางประหนึ่งว่ามันยังมีชีวิตอยู่ เช่น ห้องจัดแสดงสัตว์ในทุ่งกว้างสะวันนาของทวีปแอฟริกา มีทั้งกลุ่มยีราฟคอยาวที่ยืนชูคอกินพืชอยู่อย่างสำราญ มีตู้จัดแสดงจำลองเหตุการณ์ ขณะที่สิงโตตัวผู้ตัวใหญ่เบ้อเริ่มล่าม้าลายได้สำเร็จ มันกำลังใช้ฟันกรามอันทรงพลังงับคอม้าลาย แล้วแสดงท่าทางว่ากำลังเดินลากเหยื่อเข้าไปกินในพงหญ้า ขณะที่สีหน้าดวงตาของม้าลายผู้โชคร้ายก็กำลังตื่นกลัวสุดขีด ณ วินาทีสุดท้ายของชีวิตกำลังมาถึง นอกจากนี้เขายังจัดจำลองบรรยากาศ ภูมิประเทศ พืชพรรณ ดอกไม้ นก ของสถานที่นั้นๆ ไว้ด้วยพร้อมกันเลย จึงเหมือนกับเราได้ชมฉากการล่าสัตว์ในทุ่งหญ้าแอฟริกาจริงๆ ด้วยตาตัวเอง การใส่ใจในรายละเอียดของแต่ละตู้จัดแสดงนี่เองทำให้เขามีชื่อเสียงระดับโลก
นอกจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่เป็นสัตว์สตัฟฟ์แล้วยังมีนก แมลง ผีเสื้อ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ตระกูลแพะภูเขาในเขตหนาวเย็น ปลา รวมถึงสัตว์โลกล้านปีอย่างโครงกระดูกไดโนเสาร์ก็มีให้ชมด้วย ไม่ว่าจะเป็นช้างแมมมอธในยุคน้ำแข็งเมื่อประมาณ 1 แสนปีที่แล้ว ก็ยกมาโชว์กันทั้งโครงอย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีโครงกระดูกทีเร็กซ์ไดโนเสาร์กินเนื้อดุร้ายที่เห็นกันชินตาในหนังเรื่องจูราสสิกปาร์ก นอกจากนี้ในส่วนของสัตว์จริงที่ยังมีชีวิตใครไม่เคยเห็นจิงโจ้เผือก นกเงือกหัวแรด ลิงทามาริน เสือจากัวร์ อีกัวน่ายักษ์ ลีเมอร์จากเกาะมาดากัสการ์ ตัวคาปิบารา (หรือหนูน้ำยักษ์) ตัวแพรรีด็อก และอื่นๆ อีกมากมายก็มาชมกันที่นี่ได้เลย รับรองจะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินไปพร้อมกัน โดยเฉพาะถ้าคุณมีลูกๆ ที่กำลังอยู่ในวัยกระตือรือร้นอยากเรียนรู้ก็ถือว่าเป็นการให้ความรู้นอกห้องเรียนที่ยอดเยี่ยมมากครับ
เดินทางมาถึงแห่งสุดท้ายอย่างเพลิดเพลินกับ “พิพิธภัณฑ์รถยนต์อังกุต” หรือ “Museum Angkut” ที่เป็นสวรรค์ของคนรักรถยนต์ทุกรูปแบบ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถรวบรวมรถยนต์แปลกๆ สวยๆ หายาก รถยนต์ระดับตำนาน หรือรถยนต์ยอดฮิตของมวลมนุษยชาติมารวมไว้ได้มากนับพันคัน จนการมาเที่ยวที่นี่ต้องมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
จากห้องจัดแสดงแรกจนถึงห้องสุดท้ายเราจะได้รับรู้ถึงพัฒนาการของรถยนต์จากยุคเริ่มแรกถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ยุครถม้า รถเครื่องจักรไอน้ำ มาจนถึงรถแข่งฟอร์มูลาวันสูตรหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีรถมอเตอร์ไซค์แปลกๆ ทั้งยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ไปจนรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกใจวัยรุ่นไม่เคยเปลี่ยนอย่างเวสป้า (Vespa) ซึ่งนิยมใช้สีแบบพาสเทลสุดคลาสสิก การจัดแสดงที่แตกต่างของพิพิธภัณฑ์นี้คือความสามารถในการสร้างและจัดจำลองบรรยากาศของเมืองหรือประเทศที่รถชนิดนั้น รุ่นนั้น ยุคสมัยนั้น ใช้งานกันอยู่จริงๆ อย่างรถมอเตอร์ไซค์เวสป้าก็มีภาพฉากหลังเป็นเมืองริมทะเลในประเทศอิตาลี รถมินิคูเปอร์กับเมืองจำลอง ซอกมุมหนึ่งในมหานครลอนดอนที่มีร้านรวงขายของแบบผู้ดีอังกฤษ พื้นถนนปูด้วยก้อนหิน รถฟอร์ดรุ่นเก๋ากึ๊กที่ออกแบบอย่างโค้งมนสวยงามตามหลักอากาศพลศาสตร์จอดอยู่ริมถนนบรอดเวย์กลางมหานครนิวยอร์ก ชวนให้นึกถึงหนังเจ้าพ่อยิงกันเลือดสาดเรื่องอัลคาโปน มาเฟียสัญชาติอิตาเลียนผู้โด่งดังที่สุดในอเมริกา นอกจากนี้ยังมีพระราชวังบักกิงแฮมจำลอง พร้อมด้วยรถเมล์ 2 ชั้นและรถแท็กซี่แบบอังกฤษแท้ให้ชมด้วย
ใครบอกว่าเที่ยวพิพิธภัณฑ์มันน่าเบื่อ ผมกล้าท้าเลยว่ามาชม 3 แห่งนี้จะต้องเปลี่ยนความคิดครับ เพราะพิพิธภัณฑ์แปลกแห่งชวาคือแหล่งท่องเที่ยวเกินความคาดหมายที่จะทำให้เราประทับใจได้แน่นอน
Traveler’s Guide
- When to go : อากาศดีที่สุดช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคม เพราะฟ้าใสฝนตกน้อยที่สุดบนเกาะชวา
- More info : www.jtp.id
Tag:
, พิพิธภัณฑ์, อินโดนีเซีย, เกาะชวา,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น