แม้จุดเริ่มต้นในห้องครัวของ “เชฟน้ำเชื่อม-วิชชุดา สัมพันธวรบุตร” เจ้าของธุรกิจ Chef’s Table และ Healthy Food Delivery แบรนด์ RawMat จะเกิดจากความไม่ตั้งใจเพียงเพราะต้องการมาเรียนเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนสนิท หากเมื่อได้ลองเรียนรู้ ฝึกฝน และลงมือทำอาหารอย่างจริงจังที่ “เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต” จนเอาชนะใจและขีดจำกัดของตัวเองได้สำเร็จ จากการมาเพื่อทดลองเรียนรู้ก็กลายเป็นความหลงใหลและความรักในการทำอาหารอย่างแท้จริง
“เมื่อก่อนเป็นคนไม่ชอบเข้าครัวเลยค่ะ ตอนแรกตั้งใจมาเรียนแค่ขั้นพื้นฐาน แต่เรียนไปแล้วก็รู้สึกอยากเอาชนะตัวเอง เลยตัดสินใจเรียนต่อคอร์สที่ 2 ซึ่งก็ยากขึ้นไปเรื่อยๆ จนอาจารย์เชฟบอกว่าถ้าไปถึงคอร์สสุดท้ายหรือ Superior จะเป็นการเรียนเกี่ยวกับอาหารและการจัดจานแบบไฟน์ไดนิง ส่วนตัวเชื่อมเป็นคนชอบศิลปะอยู่แล้วก็อยากรู้ว่าศิลปะในการแต่งจาน จัดจานอาหาร เขาทำกันอย่างไร เลยตัดสินใจเรียนไปจนจบหลักสูตร
“พอเข้าครัวไปเรียนมันก็เป็นอย่างที่เราคิดคือโหดมาก (หัวเราะ) น้ำหนักลดไปถึง 4-5 กิโลกรัม ประสบการณ์ในครัวเหมือนอยู่ในรายการเรียลลิตี้โชว์ แล้วเราเป็นคนนิสัยละเอียดมาก จะทำทุกอย่างเหมือนเชฟเป๊ะๆ แต่พอเรียนถึงรู้ว่าไม่ใช่ทำตามแค่ในสิ่งที่เชฟบอก แต่ต้องบริหารจัดการเมนูนั้นๆ ให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ถึงเวลาก็ต้องส่ง ทุกอย่างต้องมีการจัดการ การวางแผนที่ดี อาหารก็ต้องออกมาสะอาดและหน้าตาสวยงาม”
นอกจากความมุ่งมั่นอดทนต่อปัญหาและอุปสรรคแสนทรหดในครัวแล้ว การเรียนหลักสูตรทำอาหารของที่นี่ยังช่วยเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบแปลกใหม่ไปจนถึงเทคนิคและเคล็ดลับในการทำอาหารต่างๆ มากมายให้กับเชฟสาวคนเก่งอีกด้วย
“หลายคนมักบอกว่าสูตรของเลอ กอร์ดอง เบลอ นั้นใช้ไม่ได้จริง เพราะเหมือนมีแต่เมนูที่ดูหรูหราอลังการ แต่เรากลับมองว่าเรียนแล้วเราได้รู้เทคนิคต่างๆ ที่สามารถเอามาดัดแปลงใช้กับอาหารได้ทุกประเภท หรืออย่างเช่นไก่ 1 ตัวมีทั้งเนื้ออก สะโพก ปีก และน่อง แต่ละส่วนมีวิธีทำให้อร่อยก็ไม่เหมือนกัน เราจะรู้วิธีทำให้อกไก่ออกมานุ่มอร่อย หรือเนื้อส่วนน่องสะโพกแค่เอาไปย่างให้เกรียมภายนอกแต่ยังคงเก็บความชุ่มฉ่ำไว้ภายใน
“หรืออย่างการเลือกใช้วัตถุดิบที่แปลกใหม่น่าสนใจ เช่น นกกระทายัดไส้ ซึ่งถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์เวลาทำเชฟเทเบิลของเรา ตอนเรียนเชฟสอนให้นำเอาเครื่องในออกมาให้หมด แล้วเอาไส้ที่ทำไว้ยัดกลับเข้าไปให้เป็นตัวนกหน้าตาเหมือนเดิมแล้วเสิร์ฟ ซึ่งคนกินจะแปลกใจ พอลองหั่นชิมก็กลายเป็นนกยัดไส้ หรือถ้าคิดถึงเห็ดยอดนิยมคนจะนึกถึงเห็ดทรัฟเฟิลก่อน แต่พอเรามาเรียนก็ได้รู้จักเห็ดแปลกๆ อย่างเห็ดมอเรล (Morel Mushroom) หรือเห็ดทรัมเป็ต (Black Chanterelle) ซึ่งเป็นเห็ดราคาแพงและหายากของชาวยุโรป ถ้าไม่เรียนเราก็ไม่รู้ว่ามันมีค่าขนาดนี้ ยิ่งพอมาทำเชฟเทเบิลก็ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา แม้กระทั่งการใช้องค์ประกอบสีสันในการจัดจาน การเลือกเครื่องเคียงให้เข้ากับเนื้อสัตว์เพื่อให้มีรสชาติสมดุลและเข้ากัน”
ไม่เพียงแค่อาหารสไตล์ฝรั่งเศสที่เธอทำได้ดีเท่านั้น ด้วยความที่เป็นสาวรักสุขภาพตัวยง เชฟน้ำเชื่อมยังได้นำความรักในการทำอาหารเพื่อสุขภาพมาสร้างสรรค์เป็น RawMat Box เมนูอร่อยจากซูเปอร์ฟู้ดที่พร้อมส่งตรงถึงบ้านทุกคนอีกด้วย
“เชื่อมเป็นคนชอบออกกำลังกายทั้งชกมวย วิ่ง เล่นพิลาทิส แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังชอบกินแบบตามใจปาก เริ่มต้นสามีเลยแนะนำว่าควรมีควินัวติดบ้าน เพราะควินัวเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ดีมาก กินแทนข้าวได้ ก็เริ่มจากเมนูสลัดควินัว จนกลายเป็นบริการเดลิเวอรีที่ใช้ซูเปอร์ฟู้ด เช่น ฟักทองไทย กระเจี๊ยบ หรือข้าวกล้องของโครงการหลวง เพราะเชื่อมเชื่อว่าเราควรมีการกินอาหารที่ดีควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่ชอบค่ะ”
เรียกว่าจากสิ่งไกลตัวกลายมาเป็นอาชีพที่รักในปัจจุบันได้อย่างลงตัว สาวๆ ที่อยากลองชิมฝีมือเชฟน้ำเชื่อมไปติดตามกันได้เลยที่ FB : Rawmat และ IG : rawmatbox
เอื้อเฟื้อสถานที่ : โรงเรียนสอนการประกอบอาหารเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต โทร. 0-2237-8877
Tag:
, Interview, เชฟน้ำเชื่อม วิชชุดา สัมพันธวรบุตร,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น