เรื่องราวของ “หอย” สัตว์ตัวน้อยภายใต้เปลือกหนาๆ แต่ใครจะรู้บ้างว่าภายใต้เปลือกนี้ก็เต็มไปด้วยความอร่อยและเรื่องราวที่น่าจดจำ
★ Spaghetti alle Vongole ★
แม้สปาเกตตีคาร์โบนาราจะฮอตฮิตติดลมบน แต่ใครจะรู้บ้างว่าสปาเกตตี อัลเล วองโกเล (Spaghetti alle Vongole) หรือสปาเกตตีผัดหอยลายก็นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ความอร่อยของชาวอิตาเลียน และเป็นเมนูที่ชาวเมืองเนเปิลส์นิยมกินเพื่อเฉลิมฉลองในวันคริสต์มาสอีฟ
ด้วยส่วนผสมเพียงแค่ 5 อย่าง ได้แก่ พาสตา หอยลาย น้ำมันมะกอก พริก และพาร์สลีย์ คลุกเคล้าให้เข้ากันก็เพียงพอแล้วที่จะดึงความหวานอร่อยของหอยออกมา ซึ่งเคล็ดลับนั้นว่ากันว่าต้องดูที่ต้นกำเนิดของหอยกันเลยทีเดียว เพราะวองโกเลแบบแท้ๆ จะเป็นหอยลายที่ได้มาจากทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) ทางชายฝั่งตะวันออกของอิตาลีอย่าง “ลูปิน” (Lupine) หอยลายตัวเล็กแต่ให้รสหวานแบบสุดๆ
ที่สำคัญการปรุงต้องใช้เวลาให้น้อยที่สุดด้วย เพราะยิ่งนานเท่าไรหอยจะยิ่งจืดนั่นเอง
★ Escargots au Beurre Persillé ★
คงต้องยกให้ “หอยทากอบเนย” หรือ “เอสคาโก โอ เบอร์ แปร์ซีเย” (Escargots au Beurre Persillé) ที่เรียกสั้นๆ ว่า “เอสคาโก” เป็นเมนูขึ้นชื่อที่สุดของโลก เพราะไม่ใช่หอยทากทุกตัวที่จะกินได้!
หอยทากอบเนยเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ชาวฝรั่งเศสมักรับประทานก่อนอาหารจานหลัก กล่าวกันว่าเมนูนี้มีที่มาจากแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) หรือเบอร์กันดี (Burgundy) ที่เราคุ้นหูกันนั่นเอง โดยปรุงมาจาก “เอสคาโก เดอ บูร์กอญ” (Escargots de Bourgogne) หอยทากดินจากแคว้นบูร์กอญที่ต้องผ่านการทำความสะอาดหลายขั้นตอน ก่อนจะนำเนยสดที่ผ่านการนวดและคลุกเคล้ากับพาร์สลีย์และกระเทียมสับละเอียดมาใส่ลงไปในเปลือกจนเต็ม แล้วจึงนำไปอบก็เป็นอันเสร็จพิธี
และเพื่อความอร่อยสูงสุดอย่าลืมเอาขนมปังมากินคู่กับเนยในเปลือกหอยทากด้วยนะ
★ Oysters Rockefeller ★
อาจเพราะเอสคาโกเป็นเมนูหายาก ทางฝั่งอเมริกาจึงไม่ยอมน้อยหน้าคิดเมนูขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็คือ “ออยสเตอร์ ร็อกกีเฟลเลอร์” (Oysters Rockefeller) หรือหอยนางรมอบชีสและผักโขม
กล่าวกันว่าเมนูนี้ถือกำเนิดเกิดขึ้นที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ในปี ค.ศ. 1899 ณ ร้านอาหารชื่อดังอย่างอองตวนส์ (Antoine’s Restaurant) โดยเชฟจูลส์ อัลเซียทอร์ (Jules Alciatore) ที่พยายามคิดค้นเอสคาโกในสไตล์ตัวเองด้วยการนำหอยนางรมของขึ้นชื่อจากอ่าวเม็กซิโกมาอบพร้อมกับเนยและผักโขม ซึ่งจานนี้ได้สร้างสถิติด้วยการถูกเสิร์ฟมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ล้านครั้ง!
ส่วนที่มาของชื่อนั้นยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่ล้วนกล่าวตรงกันว่าเมนูนี้ราคาสูงลิบกินแล้วดูรวยสมเป็นจอห์น ดี. ร็อกกีเฟลเลอร์ (John D. Rockefeller) มหาเศรษฐีคนดังในยุคนั้น อีกทั้งสีเขียวบนหอยนางรมก็เป็นสีเดียวกับแบงก์ดอลลาร์ไม่มีผิด
★ Clam Chowder ★
ขยับไปทางตอนเหนือของเขตนิวอิงแลนด์ ชาวอเมริกันก็มีอีกหนึ่งเมนูหอยที่สร้างชื่อโด่งดังไม่แพ้นั่นก็คือ “แคลม ชาวเดอร์” (Clam Chowder) หรือซุปครีมข้นหอยลาย
ความจริงแล้วเมนูนี้เรียกว่ามีหลากหลายสูตรให้เลือกลองกันตามแต่ละพื้นที่ แต่ตามความหมายโดยรวมจะหมายถึงซุปข้นที่ทำมาจากอาหารทะเล (โดยเฉพาะหอยตลับ หอยลาย และปลา) โดยมีส่วนผสมของนม มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ ผักชนิดต่างๆ และเนื้อหมูอีกเล็กน้อย ถ้าให้แบ่งแยกอย่างจริงจังจะมีเวอร์ชันดั้งเดิมของนิวอิงแลนด์ที่เป็นซุปครีมข้นสีขาวทำจากครีมและมันฝรั่งตามแบบฉบับฝรั่งเศส และกลายเป็นจานเด็ดของร้านเย โอลด์ ยูเนียน ออยสเตอร์ เฮาส์ (Ye Olde Union Oyster House) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1836 ขณะที่อีกเวอร์ชันจะเป็นของชาวนิวยอร์กที่เปลี่ยนโฉมซุปให้กลายเป็นสีแดงด้วยมะเขือเทศและเครื่องเทศ
นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันของชาวนิวเจอร์ซีย์ที่จะเป็นซุปข้นสีแดงเติมเบคอนกรอบลงไปด้วยนะ
แหล่งข้อมูล
Tag:
, Nice To Know, หอย,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น