เมื่อเอ่ยถึงชื่อประเทศเกาหลีหลายคนคงจะนึกถึง ‘กิมจิ’ อาหารอร่อยประจำชาติ รวมถึงซีรีส์ที่ทำให้บางคน Crazy ต้องออกเดินทางตามรอย นั่นคือภาพจำที่เรารู้จักเกาหลีมานาน แต่จริงๆ แล้วประเทศนี้ยังมีเรื่องราวน่าสนใจให้เราไปค้นหาอีกเพียบ โดยเฉพาะเมื่อออกจากเมืองใหญ่ไปสู่แหล่งธรรมชาติและชนบทอันเงียบสงบแล้ว เราจะพบกับบรรยากาศที่แตกต่าง และเป็นมุมมองใหม่สำหรับเทรนด์การท่องเที่ยวเกาหลีเลยก็ว่าได้
นอนโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านเวอัม สัมผัสธรรมชาติชื่นใจสุดๆ
เทรนด์ใหม่ที่ว่ากำลังมาแรงแซงทุกองศาในเกาหลีขณะนี้เรียกว่า “การท่องเที่ยวหมู่บ้านชนบท” หรือ Village Experience Tourism ซึ่งในเมืองไทยเราก็กำลังรุ่งเช่นกัน แต่เรียกว่า “การท่องเที่ยวโดยชุมชน” (Community-based Tourism) ทำไมเทรนด์นี้มาแรง? คำตอบคือการเที่ยวเมืองใหญ่มันอิ่มตัวแล้วน่ะสิ ผู้คนรู้สึกเบื่อหน่าย เครียดกับงาน กับความวุ่นวายของสังคมเมือง การพาตัวและหัวใจออกไปรับลมธรรมชาติ สัมผัสทุ่งนาเขียวๆ ทะเลกว้างๆ ได้ชิมอาหารพื้นบ้าน ได้นอนค้างคืนในบ้านโบราณที่เรียกว่า Home Sharing หรือ Homestay จึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยเปิดโลกและผ่อนคลายสุดๆ นี่ล่ะคือที่มาของทริปสนุกๆ ของผมครั้งนี้
กิจกรรมเก็บใบชาอย่างมีความสุขในไร่ชาโพยาง ดาวอน
ผมบินตรงจากไทยไปลงที่เมืองปูซานพร้อมกับเพื่อนๆ ในสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) แล้วก็นั่งรถต่อไปเมืองโพยาง (Bohyang) จังหวัดเจลลา (Jeolla) เพื่อสัมผัสหมุดหมายแรกที่ตั้งใจคือ “หมู่บ้านไร่ชาโพยาง ดาวอน” (Bohyang Da Won Tea Farm Village) หนึ่งในไร่ชาชื่อดังที่สุดของเกาหลีมากว่า 5 ชั่วอายุคนแล้ว โดยเริ่มปลูกผลไม้และชามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1937 จนสามารถพาธุรกิจของตัวเองยกระดับโด่งดังไปทั่วโลกด้วยชื่อ Bohyang Tea
ไร่ชาโพยาง ดาวอน ทอดไกลห่มคลุมเนินเขาหลายลูก
บรรยากาศแรกที่มัดใจผมไว้คือภาพของไร่ชาเขียวๆ กว้างนับพันไร่ ครอบคลุมไปตามเนินเขาสุดลูกหูลูกตา ทำให้นึกถึงดอยแม่สลองที่เมืองไทยเลยนะเนี่ย กิจกรรมแรกเขาพาเราไปที่บ้านโบราณ เพื่อบรรยายสรุปประวัติของไร่ชา แล้วก็ได้เวลาสนุกคือออกไปเก็บชาด้วยตัวเอง สิ่งที่เขาแจกให้คือกระจาดใบเล็กๆ ทีนี้จะเก็บชาอย่างไรล่ะ? เขาก็สอนว่าให้ดูยอดชาที่มี 3 ใบตรงส่วนบนสุดของลำต้น โดยสองใบจะแผ่ออก แต่ใบที่สามจะมีลักษณะเป็นปลายแหลมคล้ายหอก เด็ดมาเลยทั้ง 3 ใบ เอาพอเต็มกระจาด เพื่อนำไปสู่กิจกรรมที่สอง คือ ‘การคั่วใบชา’ ผลที่ได้จะแตกต่างกัน ทั้งชาเขียว (Green Tea) และชาดำ (Black Tea) ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีและอุณหภูมิในการคั่ว วันนี้ผู้เชี่ยวชาญพาเราคั่วชาเขียว โดยนำยอดชาสดที่เพิ่งเก็บได้มาเทรวมกันใส่กระทะเหล็กใบใหญ่ที่อุณหภูมิราว 150 องศาเซลเซียส จากนั้นก็ใส่ถุงมือกันร้อน ช่วยกันใช้มือคั่ว คลุกเคล้าใบชาไปมาอย่างเป็นจังหวะ 3 สเต็ป ตั้งแต่เบาๆ นุ่มนวล ไปจนถึงเร็วและหนักหน่วงขึ้น จากนั้นก็นำมาแผ่บนโต๊ะ แล้วนวดคลุกเคล้าต่อไปจนใบชาเย็น เพิ่งรู้ว่ากว่าจะได้ชาเขียวหอมกรุ่นดีๆ สักจอกต้องใช้แรงเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ต่อไปจะไม่ต่อราคาแล้ว (ฮา!)
การเก็บใบชาที่ถูกต้องควรเก็บเฉพาะใบอ่อนที่ปลายยอดเท่านั้น
ชาเหรียญและชาก้อนเป็นการถนอมชาในรูปแบบต่างๆ ของยุคอดีต
อีกหนึ่งกิจกรรมสนุกๆ หลังอาหารค่ำที่ไร่ชาโพยาง ดาวอน คือ ‘พิธีชงชา’ (Tea Ceremony) ซึ่งต้องมี ‘ปรมาจารย์การชงชา’ หรือ Tea Master มาเป็นผู้นำ วันนี้คุณ Choi Yeong-Gi เจ้าของไร่ชาโพยาง ดาวอน ในเจนเนเรชันที่ 4 มาสาธิตการชงชาให้เราชมด้วยตนเองเลย โดยการชงชาแบบเกาหลีนั้นจะดูเกร็งๆ น้อยกว่าของญี่ปุ่น คือของเกาหลีเขาให้เราจับคู่นั่งตรงข้ามกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชง อีกฝ่ายเป็นผู้ดื่ม แล้วผลัดกัน โดยวิธีการรับส่งแก้วและยกขึ้นดื่มจะต้องกระทำอย่างช้าๆ และมีสเต็ปเฉพาะ เป็นทั้งการดื่ม ดม และทำสมาธิไปในตัว ขณะดื่มก็ต้องคิดแต่สิ่งดีๆ แบบ Positive Thinking ให้เราสัมผัสลึกล้ำทั้งรูป รส กลิ่น เสียง ของน้ำชาที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย พร้อมกับมีการเสิร์ฟขนมหวานชิ้นเล็กๆ ให้กินคู่กันด้วย
เข้าร่วมพิธีชงชาที่หมู่บ้านไร่ชาโพยาง ดาวอน
พิธีชงชาที่หมู่บ้านไร่ชาโพยาง ดาวอน ทำให้เข้าใจในคุณค่าของชาอย่างลึกซึ้ง
คุณ Choi Yeong-Gi เล่าให้ฟังว่าไร่ชาของเขามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา มิใช่แค่ต้องการขายให้คนเกาหลีได้ดื่มเองในประเทศเท่านั้น แต่บุกตลาดไปทั่วโลก เพื่อให้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมเกาหลีผ่านชาคุณภาพนี่ล่ะ ยิ่งกว่านั้นเขายังมีการคิดค้น “ชาทองคำ” (Golden Tea) สำเร็จเป็นเจ้าแรกด้วยคือเขาได้วิจัยจนสามารถใช้กระแสไฟฟ้าละลายทองคำก้อนให้กลายเป็น ‘น้ำทองคำ’ จากนั้นก็นำไปรดต้นชา ให้ต้นชาดูดน้ำทองคำเข้าไปเก็บไว้แล้วก็นำใบชานั้นมาผลิตเป็นชาทองคำ ขายราคากล่องละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตอนนี้มีออร์เดอร์จากทั่วโลก โดยเฉพาะจากผู้นำหลายประเทศ รวมถึงดาราเซเลบก็สั่งชาทองคำไปดื่ม เพราะผลวิจัยพบว่าเมื่อร่างกายเรามีทองคำสะสมอยู่ถึงปริมาณหนึ่งร่างกายจะสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้โดยเองอัตโนมัติ! โห ฟังแล้วตาโต
ชารสเลิศของหมู่บ้านไร่ชาโพยาง ดาวอน ตอนนี้โด่งดังไปทั่วเกาหลีแล้ว
โบกมือลาไร่ชา นั่งรถยนต์ต่อไปยังหมุดหมายที่สอง คือ “หมู่บ้านเวอัม” (Way Am Folk Village) เมืองอาซาน (Asan) จังหวัดชุงชองนัม (Chungcheongnam) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลเพียงระยะรถวิ่งแค่ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น หมู่บ้านเวอัมปัจจุบันมีชื่อเสียงมากในแง่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในลักษณะ “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” หรือ Living Museum เพราะเขาสามารถปลุกชีวิตหมู่บ้านชนบทอายุ 500 ปี ที่มีอาชีพหลักทำเกษตรกรรม ทำไร่ ทำนา ปลูกผัก ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชุมชนได้อย่างสนุกสนาน เพราะมีการสนับสนุนงบส่วนหนึ่งจากรัฐบาลกลาง และชาวบ้านก็สามัคคี สร้างกิจกรรมสนุกๆ ให้นักท่องเที่ยว ผู้มาเยือน อีกทั้งมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ ความสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโฮมสเตย์ของหมู่บ้านเวอัม ถือว่าโดดเด่นจริงๆ เพราะเราจะได้เข้าไปนอนค้างคืนในบ้านไม้โบราณอายุเป็นร้อยๆ ปี ที่มีเจ้าของบ้านอาศัยอยู่ และเขาแบ่งห้องให้เรานอน แบ่งครัวให้เราทำกับข้าว ซึ่งแม้จะพูดคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะชาวบ้านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทว่าน่าแปลกที่ภาษากายของเราช่วยให้สื่อสารกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ความเก่าแก่และร่มรื่นของหมู่บ้านเวอัมใช้เป็นฉากถ่ายละครหลายเรื่อง
ความสดชื่นเปี่ยมสีสันในฤดูร้อนที่หมู่บ้านเวอัม
หมู่บ้านเวอัมมีขนาดไม่ใหญ่โต แต่ตั้งอยู่ในโลเคชันสวยงามสุดๆ ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่กลางทุ่งนา ในหุบเขาที่มีเทือกทิวเขาสองแนวโอบล้อมเป็นฉากหลังอย่างกับภาพวาดคือภูเขากวางด็อก (Gwangdeok Mountain) และภูเขาซุลวา (Sulhwa Mountain) แถมยังเที่ยวได้ 4 ฤดู ในความงามต่างกัน โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนหมู่บ้านเวอัมจะมีชีวิตชีวาสุดๆ มีสีสันคัลเลอร์ฟูลของดอกไม้นานาชนิด เคียงคู่ผืนนาสีเขียว บึงบัวบาน และกิจกรรมท่องเที่ยวอันคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นการเดินถ่ายภาพในหมู่บ้าน ที่ไม่ได้เป็นหมู่บ้านสร้างใหม่แบบปลอมๆ ทว่าเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมของแท้ 500 ปีที่ได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างดีเยี่ยม ทั้งต้นเมเปิล แนวกำแพงหินเคียงคู่ดอกไม้ ป่าสน ลำธาร หรือแม้แต่นาข้าวของที่นี่ก็น่าเก็บภาพไว้ถึงขนาดที่รัฐบาลเกาหลีประกาศให้ 3 สิ่งในหมู่บ้านนี้เป็นมรดกสำคัญของชาติ (National Important Folk Material) คือ บ้านโบราณ แนวกำแพงหินโบราณยาว 3 กิโลเมตร และทางน้ำแบบโบราณ ว้าว!
กังหันน้ำโบราณได้รับการอนุรักษ์ไว้ที่หมู่บ้านเวอัม
เสาไม้แกะสลักเป็นรูปต่างๆ เพิ่มสีสันและความน่าค้นหาให้หมู่บ้านเวอัม
กิจกรรมสนุกๆ มีตั้งแต่การโม่ถั่วเหลืองทำเต้าหู้ซึ่งจะนำมาเสิร์ฟเป็นอาหารมื้อเย็นของเรานั่นเอง มีกิจกรรม DIY ประดิษฐ์พัดแบบเกาหลีด้วยตัวเอง โดยเขาจะให้เราสร้างสรรค์ลวดลายบนพัด เพื่อให้นำกลับบ้านเป็นของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทำกิมจิ แต่งกายชุดฮันบกถ่ายภาพสวยๆ มีเล่นเกมพื้นบ้านต่างๆ อย่างการปาเป้า เตะตะกร้ออะไรทำนองนี้ และก็อีกมากมาย เรียกว่าในหนึ่งวันเราสามารถซึมซับจิตวิญญาณความเป็นเกาหลีเดิมแท้ได้อย่างรวดเร็ว จนบางคนหลงรักเลย แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการนอนค้างในบ้านไม้โบราณ เหมือนที่เคยเห็นในซีรีส์เกาหลี โดยบ้านของเกาหลีนั้นจะสร้างด้วยไม้ มุงหลังคาด้วยฟาง ห้องมีขนาดเล็ก เพดานต่ำ พื้นห้องปูเสื่อ มีเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น เรียกว่ากินอยู่แบบพอเพียงจริงๆ ชอบมากครับ
บ้านโบราณมรดกแห่งชาติเกาหลีที่หมู่บ้านเวอัม
เครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันยุคอดีต ณ หมู่บ้านเวอัม
นี่คือเกาหลีในมุมที่แตกต่าง มันทำให้ผมค้นพบนิยามของคำว่า ‘ความสุขบนความเรียบง่าย’ เพราะจริงๆ แล้วชีวิตเราอาจไม่ต้องการอะไรซับซ้อนเลย ขอเพียงแค่มีสถานที่ที่เป็นมิตร คนที่เข้าใจ อาหารสุขภาพ อากาศบริสุทธิ์ และวิวสวยๆ ให้เราได้ตื่นมาเห็นทุกวัน เท่านี้ก็ Happy แล้วล่ะจ้า
ฝึกทำเต้าหู้ที่หมู่บ้านเวอัม แล้วนำมากินกันอย่างเอร็ดอร่อยในมื้อเย็น
Traveler’s Guide
- Season : อากาศดีที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน ดอกไม้บานเยอะ (มีนาคม-มิถุนายน) ส่วนฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มเย็นจัด (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีสดใสสวยงาม
- Overnight & Cuisine : ที่ไร่ชาโพยาง ดาวอน สามารถค้างคืนได้ แต่มีห้องพักจำกัด รับได้เฉพาะคณะเล็กๆ และไม่มีอาหารบริการ ต้องขับรถออกไป 15 นาที เพื่อกินในเมืองโพยาง ส่วนที่หมู่บ้านเวอัมมีที่พักเป็นบ้านโบราณจำนวนมาก หนึ่งหลังพักได้ 3-10 คน มีบริการอาหารบุฟเฟต์เกาหลีทั้ง 3 มื้อ กินได้ไม่อั้น
- More Info : ไร่ชาโพยาง ดาวอน http://bohyang.com โทร. 061-852-0626, หมู่บ้านเวอัม www.oeam.co.kr โทร. 041-541-0848 และสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) โทร. 08-3250-9343
Tag:
, Far Away, ท่องเที่ยว, เกาหลี,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น