ครั้งนี้แก้มแดงขอลองย้ายจากฝั่งภาพยนตร์และซีรีส์มาที่รายการคุกกิงโชว์ (Cooking Show) กันดูบ้าง หลังจากที่ได้ยินมาว่า The Final Table (2018) รายการเรียลลิตี้แข่งขันทำอาหารล่าสุดจากเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เป็นอีกหนึ่งรายการที่ได้รับกระแสในทางบวกแบบสุดๆ
เพียงแค่รูปแบบรายการก็น่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจกันแล้ว เพราะผู้เข้าแข่งขันไม่ใช่เชฟมือสมัครเล่นเหมือนในรายการอื่นๆ หากแต่เป็นบุคคลที่ผ่านการฝึกฝนและโลดแล่นในวงการอาหารมาอย่างยาวนาน เราจึงได้เห็นผู้แข่งขันที่เป็นตั้งแต่เชฟเจ้าของดาวมิชลินสตาร์ เจ้าของร้านอาหาร ไปจนถึงฟู้ดสไตลิสต์ จากทั่วโลกจำนวน 12 ทีม ทีมละ 2 คน ซึ่งในแต่ละตอนผู้เข้าแข่งขันจะต้องฝ่าด่านทำอาหารที่จะมีโจทย์เป็นจานเด็ดประจำชาติของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก สเปน สหราชอาณาจักร บราซิล อินเดีย สหรัฐอเมริกา อิตาลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ก่อนจะมาขมวดปมในตอนสุดท้ายที่จะแยกคู่ให้เหลือผู้ชนะเพียง 1 เดียว ด้วยโจทย์สุดหินเพื่อมาเคียงคู่กับเชฟชื่อดังอันเป็นตัวแทนของแต่ละประเทศ
ส่วนกรรมการที่มาตัดสินก็เรียกว่าสร้างสีสันอย่างดีทีเดียว เมื่อมีทั้งเซเลบริตี คนดัง และนักวิจารณ์อาหารที่จะมาตัดสินในรอบแรก (อย่างแก้มแดงก็มีแอบกรี๊ดตอนที่ได้เห็นตำนานฟุตบอลชาวอิตาเลียนอย่างอเลสซานโด เดล ปิเอโร่) เพื่อหา 3 ทีมที่ดีน้อยที่สุดมาแข่งขันหลีกหนีการคัดออกในรอบจานสุดท้ายหรือไฟนอลเพลต (Final Plate) ด้วยการทำตามโจทย์วัตถุดิบที่คัดเลือกโดยเชฟคนดังซึ่งเป็นตัวแทนของชาตินั้นๆ มาตัดสินในตอนท้าย
แน่นอนว่าจุดเด่นของ The Final Table คงต้องบอกว่าอยู่ที่การคงไว้ซึ่งความเป็นเชฟมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใครที่อยากเห็นไอเดียในการสร้างสรรค์อาหารขอบอกว่ารายการนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ขณะเดียวกันการรักษาความสมดุลของดราม่าและการแข่งขันก็เป็นได้อย่างพอเหมาะ เพราะเราจะไม่ได้เห็นฉากหัวเสียใส่อารมณ์หรือร้องไห้ฟูมฟายอย่างที่เจอกันบ่อยๆ แต่เราจะได้เจอเรื่องราวชีวิตอันน่าทึ่ง สายตาความมุ่งมั่น มิตรภาพที่น่ารักระหว่างเชฟ ไปจนถึงความรู้เรื่องอาหารของแต่ละชาติที่นำเสนอออกมาได้อย่างกลมกล่อม ร่วมด้วยมุมภาพและการจัดสไตล์อาหารที่ทำออกมาได้สวยงามราวกับเป็นศิลปะ ร่วมด้วยภาพมุมสูงของการแข่งขันที่ทำให้เห็นการทำงานเป็นทีมของเชฟ ราวกับว่าพวกเขาคือนักดนตรีที่กำลังถ่ายทอดบทเพลงแห่งความอร่อย
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลต์อย่างแท้จริงคงต้องยกให้กับวัตถุดิบที่เชฟแต่ละประเทศเลือกชูขึ้นมา เพราะหลายครั้งที่เรามักเจอการผลิตซ้ำด้วยการชูโรงวัตถุดิบราคาแพงระยับ แต่ที่นี่กลับเลือกใช้วัตถุดิบที่เรียบง่าย อาทิ ต้นกระบองเพชรเม็กซิกัน (Opuntia) มันสำปะหลัง ไปจนถึงฟักทอง ซึ่งนั่นทำให้เราพอเดาได้ว่าอาหารในอนาคตก็น่าจะเป็นในแนวทางนี้ที่น่าจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายขึ้นและมีความยั่งยืนขึ้น
สิ่งที่ท้าทายของเชฟก็คือการทำให้ความเรียบง่ายตรงหน้างามสง่าได้อย่างไร
ภาพประกอบจาก
Tag:
, Food on Film, รีวิวหนัง,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น