นมอัลมอนด์กับประโยชน์ต่อสุขภาพ

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562  122,875 Views
นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 223 เดือนกุมภาพันธ์ 2562

อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่แพ้นมวัว หรือกลุ่มผู้ที่กินมังสวิรัต หรือแม้แต่ผู้ที่กลัวการได้รับสารตกค้างหรือฮอร์โมนที่อาจได้มาจากนมของสัตว์ คือนมที่มาจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว และที่กำลังเป็นกระแสสุขภาพในปัจจุบันคือ Almond Milk หรือนมอัลมอนด์ หลายคนชอบในรสชาติ เชื่อว่ามีสารอาหารสูง และดื่มเพราะต้องการลดความอ้วน แต่ว่านมอัลมอนด์จะดีจริงหรือแค่เป็นกระแส เราต้องมาดูกันว่ามีงานวิจัยที่สนับสนุนถึงผลทางสุขภาพอย่างไรบ้าง

นมอัลมอนด์คือกระบวนการนำถั่วอัลมอนด์มาแช่น้ำไว้ข้ามคืนเพื่อให้เมล็ดอัลมอนด์เกิดการพองตัวและน้ำซึมเข้าสู่ตัวเมล็ด ตามด้วยการนำอัลมอนด์ไปปั่นให้ละเอียดและบีบเฉพาะน้ำออกมาเป็นน้ำอัลมอนด์หรือนมอัลมอนด์ที่มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะ รวมถึงยังมีสารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม วิตามินอี วิตามินดี หลายคนอาจสงสัยว่ามีงานวิจัยที่กล่าวถึงประโยชน์ของนมอัลมอนด์หรือไม่ แล้วข้อควรระวังหรือใครบ้างที่ไม่สามารถดื่มนมอัลมอนด์ได้ และจะมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร

นมอัลมอนด์

★ ข้อมูลจากงานวิจัยเกี่ยวกับนมอัลมอนด์ 

นมอัลมอนด์ให้พลังงานต่ำกว่านมวัว หลายคนอาจสงสัยหรือสับสนว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะเมล็ดอัลมอนด์ให้พลังงานสูงเนื่องจากเป็นไขมัน แต่สำหรับนมอัลมอนด์ที่มีกระบวนการนำไปแช่น้ำจะทำให้พลังงานในนมอัลมอนด์ต่ำ ดังนั้นนมอัลมอนด์จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมพลังงาน ลดน้ำหนัก  หรือผู้ที่ต้องการดื่มเครื่องดื่มแต่ไม่ให้พลังงานสูง

นมอัลมอนด์ 1 แก้ว (240 cc) โดยไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานจะให้พลังงานประมาณ 30-50 แคลอรี ขณะที่นมวัวปกติให้พลังงานประมาณ 150 แคลอรี นั่นหมายความว่านมอัลมอนด์จะมีพลังงานน้อยกว่านมวัวปกติประมาณ 60 % ผู้ที่ต้องการจำกัดพลังงานมากๆ เพื่อลดน้ำหนักหากลองดื่มนมอัลมอนด์ร่วมกับการออกกำลังกายจะช่วยลดน้ำหนักลงได้ โดยมีงานวิจัยที่ทดลองให้ผู้ที่จำกัดพลังงานแล้วทดแทนด้วยการดื่มนมอัลมอนด์สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าผู้ที่ลดน้ำหนักโดยไม่ดื่มนมอัลมอนด์ โดยงานวิจัยได้ใช้นมอัลมอนด์ทดแทนเครื่องดื่มและนมที่มีความหวาน 1-3 แก้วต่อวัน ซึ่งสามารถช่วยลดพลังงานที่ร่างกายจะได้รับจากเครื่องดื่มอื่น 200-300 แคลอรี

★ คุณสมบัติที่โดดเด่นของนมอัลมอนด์ 

มีน้ำตาลต่ำ เนื่องจากทำมาจากถั่วอัลมอนด์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มถั่วเปลือกแข็งและมีปริมาณน้ำตาลต่ำมาก นมอัลมอนด์ 1 แก้วมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตประมาณ 1-2 กรัม ซึ่งนับว่าต่ำมาก ในขณะที่นมปกติ 1 แก้วมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 13-15 กรัม ซึ่งคือน้ำตาลนม แต่สำหรับนมอัลมอนด์ที่ขายอยู่อาจมีการเติมน้ำตาล 5-15 กรัม ซึ่งผู้บริโภคควรสังเกตดูด้วย เพราะอาจได้รับน้ำตาลสูงได้ เมื่อระดับน้ำตาลในนมอัลมอนด์ต่ำจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

มีวิตามินอีสูง ในอัลมอนด์มีวิตามินอีตามธรรมชาติอยู่ 30 กรัม อัลมอนด์มีวิตามินอีอยู่ประมาณ 40 % ของความต้องการวิตามินอีในแต่ละวัน ดังนั้นอัลมอนด์จึงเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารจากธรรมชาติที่มีวิตามินอีสูง นมอัลมอนด์ 1 แก้วมีวิตามินอีอยู่ประมาณ 20-50 % ของวิตามินอีที่ต้องการในแต่ละวัน ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละกระบวนการทำ และแตกต่างจากนมหรือเครื่องดื่มอื่นที่มีปริมาณวิตามินอีต่ำ

วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบของร่างกายและลดระดับความเครียดของร่างกาย ช่วยปกป้องสารอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม และวิตามินอียังดีต่อผิวพรรณและสายตา

นมอัลมอนด์

จากงานวิจัยพบว่าวิตามินอีช่วยป้องกันและลดกลไกการเกิดความเสื่อมจากโรคสมองเสื่อมได้ เป็นแหล่งที่ดีของแคลเซียม โดยปกติเมื่อนึกถึงแหล่งที่มาของแคลเซียมส่วนใหญ่จะนึกถึงนมและผลิตภัณฑ์จากนม ในนม 1 แก้วจะมีแคลเซียมตามที่ร่างกายต้องการอยู่ประมาณ 25-30 % ส่วนในนมอัลมอนด์ 1 แก้วก็จะมีแคลเซียมตามความต้องการของร่างกายอยู่ประมาณ 7 % ซึ่งอาจจะน้อยกว่าในนมวัวปกติแต่ก็ยังเป็นแหล่งของแคลเซียม

แคลเซียมมีประโยชน์ต่อกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกผุ กระดูกพรุน ช่วยในการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ เส้นประสาทต่างๆ หากยังรู้สึกว่านมอัลมอนด์มีแคลเซียมไม่สูงพอต่อความต้องการของร่างกายอาจเสริมด้วยการกินผักใบเขียวเข้ม หรือกินร่วมกับเมล็ดธัญพืชอื่นๆ เพื่อให้ได้แคลเซียมสูงขึ้น

มีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งดีสำหรับการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด นอกจากนี้นมอัลมอนด์ไม่มีคอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัว ที่สำคัญคือมีกรดไขมันโอเมกา-3 และกรดไขมันโอเมกา-6 ที่ช่วยลดการเกิดคอเลสเตอรอลและลดการอักเสบของร่างกาย ปราศจากน้ำตาลแล็กโทส หลายคนมีปัญหาในการย่อยน้ำตาลแล็กโทสจากการได้รับน้ำตาลแล็กโทสแล้วร่างกายไม่มีหรือมีแล็กเทสที่เป็นเอนไซม์ในการย่อยน้ำตาลแล็กโทสไม่เพียงพอ ซึ่งตามมาด้วยปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย โดยมักพบหลังจากการดื่มนมวัว สามารถนำนมอัลมอนด์ไปปรุงประกอบอาหารได้หลากหลาย

นอกจากนี้ยังนำไปทำเครื่องดื่มและขนมหวานได้โดยปรุงผ่านความร้อนได้อย่างปลอดภัย แต่สารอาหารบางตัวอาจลดลง เช่น สารพฤกษเคมี และยังนำไปใส่ในซีเรียล ข้าวโอ๊ตในอาหารเช้า เครื่องดื่มชา กาแฟ ช็อกโกแลต ผสมในสมูทตี ทำขนมกลุ่มมัฟฟิน แพนเค้ก ซุป ซอส และไอศกรีม

★ ข้อควรรู้สำหรับเด็กเล็ก 

นมอัลมอนด์ยังไม่ใช่นมที่ใช้แทนที่นมแม่หรือนมวัวเนื่องจากสารอาหารที่ได้ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต นมอัลดมอนด์มีทั้งชนิดสกัดเย็นและชนิดกล่อง UHT ซึ่งมีรสชาติและคุณค่าสารอาหารที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกชนิดที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยและมีคุณภาพเพื่อป้องกันเชื้อที่อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือติดเชื้อทางเดินอาหารได้

สำหรับผู้ที่แพ้ถั่วไม่ควรบริโภคนมอัลมอนด์ และควรปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อความปลอดภัย


Tag: , Food for life, นมอัลมอนด์,

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed