เมื่อเทศกาลปีใหม่มาถึงใครๆ ก็มักจะส่งความสุขกันด้วยขนมเค้กและคุกกี้ ขนมหวานที่ดูสวยสดใสหอม หวาน อร่อย ซึ่งแอบมีพลังงานมากจนหลายคนลืมไป
หลายคนคงพอจะรู้ว่าถ้ากินน้ำตาลมากเกินไปร่างกายก็จะสะสมเป็นไขมันทำให้อ้วน อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคจากความอ้วนได้ แต่ก็มักจะอดไม่ได้เพราะรสหวานช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าได้อย่างดี ขนมหวานไม่ใช่แต่เด็กๆ เท่านั้นที่ชื่นชอบ ผู้สูงอายุก็มักจะชอบกินขนมหวานด้วย นักโภชนาการบอกว่าเมื่อคนเราอายุมากขึ้นต่อมรับรสต่างๆ จะลดลงถึง 2 ใน 3 ของต่อมรับรสทั้งหมด และรสหวานเป็นรสชาติที่เด่นชัดซึ่งผู้สูงอายุยังรับรสได้มากที่สุด ผู้สูงอายุจึงชอบกินหวานซึ่งขัดกับสุขภาพที่ต้องลดรสหวานลง และถ้าเราจะทำเค้กโดยใส่น้ำตาลน้อยและให้ได้รสหวานจากผลไม้จะได้ไหม?
ร้าน Minibar Café ได้คิดสูตรเค้ก Fresh Berries & Dates Loaf ที่ใช้น้ำตาลน้อย โดยใช้กล้วยหอมและสับปะรดมาเป็นส่วนผสมหลักเพื่อให้รสหวานและมีไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพ และยังทำให้เนื้อเค้กแน่นอยู่ตัว ใช้น้ำมันพืชแทนเนยสด เพิ่มเบอร์รีที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้สายตาดีเพิ่มเข้ามา
เบอร์รียังตกแต่งอยู่บนหน้าเค้กเพื่อให้รสเปรี้ยวอมหวานที่สดชื่นขณะกินเค้ก และเพิ่มรสหวานโดยใช้อินทผลัมตกแต่งบนหน้าเค้ก เจ้าของสูตรบอกว่าที่เลือกใช้อินทผลัมเพราะเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ มีใยอาหารทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำที่มีผลดีต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และอาจใช้แต่งหน้าให้มากขึ้นเพื่อให้มีรสหวานแทนซอสเบอร์รีก็ได้
ด้านโภชนาการ ผศ. ดร. นัฐพล ตั้งสุภูมิ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ความเห็นว่า “เค้กนี้เป็นแหล่งของโปรตีนและใยอาหาร โปรตีนได้จากแป้งสาลีและไข่ ใยอาหารได้จากผลไม้ต่างๆ และวอลนัต ซึ่งโปรตีนและใยอาหารเป็นสารอาหารที่ผู้สูงอายุมักจะได้รับไม่ค่อยเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะเคี้ยวเนื้อสัตว์และผักผลไม้ได้น้อยลง และยังเป็นแหล่งของวิตามินเอและฟอสฟอรัส มีวิตามินอีสูง มีโซเดียมต่ำมาก จึงเหมาะกับผู้สูงอายุที่มีภาวะความดันโลหิตสูงที่ต้องจำกัดปริมาณโซเดียม แต่ถ้าเป็นโรคไตซึ่งต้องควบคุมปริมาณฟอสฟอรัสก็อาจจะต้องลดวอลนัตในสูตรลง หรือเปลี่ยนไปใช้ไข่ขาวแทนไข่ทั้งฟอง เพราะวอลนัตและไข่แดงมีฟอสฟอรัสสูง
“ถึงไขมันจะไม่น้อยแต่ก็มีไขมันอิ่มตัวแค่ 2 กรัม ที่เหลือเป็นไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว 3 กรัมและไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 4 กรัม ซึ่งเป็นไขมันดีที่ได้จากน้ำมันรำข้าวและวอลนัต นอกจากนี้เค้กนี้ยังใช้น้ำมันรำข้าว ไม่ได้ใช้ไขมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนจึงไม่มีไขมันทรานส์ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำมันรำข้าว บลูเบอร์รี ราสป์เบอร์รี และวอลนัต”
แต่อาจารย์ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “เค้กนี้มีปริมาณน้ำตาลอาจจะมากไปหน่อย คือ 1 ชิ้นมีปริมาณน้ำตาลถึง 8 ช้อนชา ซึ่งนักโภชนาการแนะนำให้กินไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม แต่ก็สามารถลดความหวานลงได้จากซอสเบอร์รีโดยใช้น้ำผึ้งแทนซึ่งจะทำให้ลดปริมาณน้ำตาลลงได้ เพราะน้ำตาลในน้ำผึ้งเป็นน้ำตาลฟรักโทสซึ่งหวานกว่าน้ำตาลทรายถึง 2 เท่า และถ้าใช้แป้งโฮลวีตแทนแป้งสาลีขัดขาวก็จะเพิ่มใยอาหารได้ด้วย แถมยังลดค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic) ของเค้กได้อีก ทำให้ผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานกินได้อย่างสบายใจขึ้น และยังทำให้เค้กมีปริมาณพลังงานลดลงด้วย”
เค้กนอกจากจะอร่อย กินแล้วควรต้องสุขภาพดีด้วย
★ Fresh Berries & Dates Loaf ★
ส่วนผสม : แป้งสาลีอเนกประสงค์ 300 กรัม น้ำมันรำข้าว 50 มิลลิลิตร กล้วยหอม 300 กรัม สับปะรดสับละเอียด 300 กรัม น้ำตาลทราย 50 กรัม ไข่ไก่ 3 ฟอง บลูเบอร์รี 100 กรัม ราสป์เบอร์รี 100 กรัม วอลนัตสับละเอียด 20 กรัม
วิธีทำ : ตีกล้วยหอมจนเนื้อเหนียว ใส่น้ำตาล ตีต่อ 5 นาที ใส่ไข่ทีละฟองจนหมด ตีต่อ 3 นาที ลดความเร็วแล้วค่อยๆ ใส่แป้งพร้อมผลไม้และวอลนัตจนหมด นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสนาน 30 นาที
ส่วนผสมและวิธีทำ Frosting Icing : ราสป์เบอร์รี 20 กรัม น้ำตาลไอซิง 100 กรัม ปั่นราสป์เบอร์รีแล้วกรองเฉพาะน้ำ ผสมน้ำตาลไอซิง ตั้งไฟอ่อนจนน้ำตาลละลาย ราดบนเค้ก
ส่วนผสมตกแต่ง : ราสป์เบอร์รีสด บลูเบอร์รีสด อินทผลัมหั่นชิ้นเล็ก ตกแต่งให้สวยงามพร้อมโรสแมรี่
ขอขอบคุณ :
- ผศ. ดร. นัฐพล ตั้งสุภูมิ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
- ร้าน Minibar Café โทร. 09-7161-9926 FB : MinibarCafe
Tag:
, Aging Gracefully, เค้ก,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น