คราวนี้ขอเปลี่ยนแนวมาละเลียดชิมซีรีส์ทางฝั่งออสเตรเลียอย่าง Please Like Me. (2013-2016) กันดูบ้าง สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้นั้นไม่ใช่แค่เพียงรางวัลมากมายที่มาการันตี หากยังเป็นชื่อของอาหารที่ถูกใช้นำมาเป็นชื่อตลอดทั้ง 4 ซีซั่น
โดยเรื่องหลักจะเล่าเรื่องของจอช หนุ่มที่เริ่มต้นอายุ 20 ปีด้วยการโดนแฟนสาวบอกเลิก ด้วยเหตุผลที่บอกว่าเขาเป็นเกย์! ขณะที่แม่บังเกิดเกล้าก็ถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากกินยานอนหลับเกินขนาดพร้อมแอลกอฮอล์อันเป็นผลพวงจากอาการของโรคซึมเศร้า ส่วนพ่อที่แยกทางไปก็กำลังประสบปัญหากับครอบครัวใหม่ และนั่นก็ทำให้จอชต้องรับมือกับทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน เช่นเดียวกับความรู้สึกที่จอชเองต้องยอมรับเป็นครั้งแรกว่าเขาเป็น “โฮโมเซ็กชวล” (Homosexual)
แม้ซีซั่นแรกจะฉายมาก่อนหน้าถึง 5 ปี แต่พอมาดูตอนนี้ปลายปี 2018 ก็กลับรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้เก่าแต่อย่างใด อีกทั้งยังดูจะเข้ากับบริบททางสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพศหรือเรื่องของโรคซึมเศร้าก็ยังคงเป็นประเด็นที่ยังสามารถถกเถียงได้อย่างไม่จบไม่สิ้น และถึงจะเป็นประเทศออสเตรเลียเองที่คนภายนอกมองว่าประเทศนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมไม่แพ้อเมริกา เอาเข้าจริงเรื่องแบบนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่เปิดเผยและยังกระดากที่จะเอ่ยถึง
เรื่องนี้ก็เลยเป็นตัวแทนของกระบอกเสียงในการสร้างความเข้าใจให้กับคนทั่วไปได้อย่างแนบเนียนและไม่ยัดเยียด ด้วยการนำเสนอเรื่องน่าอายปัญหาที่หลายคนไม่อยากเอ่ยถึงได้อย่างน่ารักน่าหยิกจนอดยิ้มตามไม่ได้ เรียกว่าได้เกร็ดความรู้กันไปตั้งแต่ความเข้าใจที่ใครหลายคนมองว่าคนรักร่วมเพศต้องเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน หรือไม่ก็ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงได้ ไปจนถึงการไม่ได้ทำกิจกรรมแบบแมนๆ ก็เลยทำให้เกิดการเบี่ยงเบน ซึ่งตัวหนังก็พยายามบอกว่าทั้งหมดนั้นอาจไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด และเราก็ไม่สามารถไปกำหนดความชอบของใครได้เลย
ขณะที่เรื่องของโรคซึมเศร้าก็คงไม่พ้นอาศัยความเข้าใจในตัวผู้ป่วยมากๆ เพราะไม่มีอะไรที่จะแข็งแกร่งไปกว่าสถาบันครอบครัวอีกแล้ว (เราแอบชอบความประดักประเดิดระหว่างจอชกับแม่ที่พากันไปหาจิตแพทย์ครั้งแรก) ส่วนชื่อของอาหารที่ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อตอนก็มาจากอาหารที่จอชทำให้แม่ชิมในแต่ละตอน ไม่ว่าจะเป็นเฟรนช์โทสต์ไปจนถึงทาร์ต โดยประเด็นนี้นี่แหละที่กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ชี้ให้เห็นถึงความเบี่ยงเบนของจอช
แต่สำหรับเราแล้วนี่คือวิธีบอกรักวิธีหนึ่งของจอช เพราะจอชไม่ได้ทำอาหารให้แม่ของตัวเองเท่านั้น หากแต่ยังทำให้เพื่อนพ้องน้องพี่จนท้องอิ่มกันทุกคน เราจึงไม่แปลกใจที่สุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ตอนสุดท้ายของเรื่องมักจะจบลงที่โต๊ะอาหาร
ภาพประกอบจาก : https://www.imdb.com/title/tt2155025/
Tag:
, Food on Film, Please Like Me, ซีรีย์,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น