ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองเป็นนักเดินทางที่รักอิสระและชอบการผจญภัย เป็นคนที่ชอบการถ่ายภาพจริงจัง หรือเป็นคนที่ชอบแสวงหาดินแดนแปลกใหม่ในโลก แต่คุณยังไม่เคยเดินทางไปปากีสถาน (Pakistan) เลยละก็ ขอบอกว่าคุณพลาดครั้งใหญ่แล้ว เพราะประเทศนี้ไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณเท่านั้น ทว่ายังมีถนนสาย “คาราโครัมไฮเวย์” ที่นักผจญภัยทั่วโลกใฝ่ฝันถึง และเรากำลังจะพาคุณไป ณ บัดนี้
ผืนน้ำสีเขียวอมฟ้าเทอร์คอยส์ล้อมด้วยขุนเขาตระหง่านของทะเลสาบอัตตาบัด
คนไทยส่วนใหญ่รู้จักปากีสถานน้อยมาก นี่จึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมแต่ละปีมีคนไทยไปปากีสถานแค่ 900 กว่าคน คนปากีสถานอาจจะไว้หนวดเครายาวตามธรรมเนียมนิยมของศาสนาอิสลาม แต่เมื่อได้สัมผัสแล้วจะพบว่าเขาใจดี ยิ้มแย้ม ชอบพูดคุย แถมมีน้ำใจไมตรีช่วยเหลือตลอดเวลา น่ารักมากๆ
ธารน้ำแข็งบาทูร่าเป็นธารน้ำแข็งยาวอันดับ 5 ของโลก นอกเขตขั้วโลก
ทริปนี้เราเน้นนั่งรถเที่ยวไปบนถนนสูงที่สุดในโลกเส้นทางหนึ่ง เรียกว่า “ถนนสายคาราโครัมไฮเวย์” (Karakoram Highway) ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” เพราะพาดผ่านบนความสูงเกือบ 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สร้างขนานไปกับเส้นทางสายไหมโบราณ (Ancient Silk Road)เชื่อมโลกตะวันออกจากจีนไปตะวันตกที่กรุงโรม คาราโครัมไฮเวย์สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของปากีสถาน-จีน ยาว 1,300 กิโลเมตร ส่วนที่อยู่ในปากีสถานยาว 887 กิโลเมตร และในจีนยาว 413 กิโลเมตร กว่าจะสร้างเสร็จก็ต้องสังเวยชีวิตคนงานไปหลายร้อยคน เหตุเพราะหินถล่มทับบ้าง หนาวตายบ้าง และเป็นโรคแพ้ความสูงตายบ้าง จึงมีอนุสาวรีย์รำลึกอยู่ข้างทางด้วย
แม้จะเป็นถนนแค่สองเลนแต่คาราโครัมย์ไฮเวย์ก็มีสภาพถนนดีเยี่ยม
สะพานไม้เก่าเมืองกิลกิตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนชอบไปถ่ายภาพกัน
ผมบินจากไทยไปกรุงอิสลามาบัด (Islamabad) เมืองหลวงของปากีสถาน แล้วต่อเครื่องบินใบพัด ขึ้นเหนือสู่แคว้นกิลกิต-บัลติสถาน (Gilgit-Baltistan) อันเป็นเสมือนประตูสู่ถนนสายคาราโครัมไฮเวย์ กิลกิตคือเมืองหลวงของแคว้นนี้ซึ่งเป็นเมืองใหญ่บนที่ราบสูงโอบขนาบด้วยเทือกเขาและแม่น้ำกิลกิต ผมค้างที่นี่หนึ่งคืนแล้วเริ่มต้นนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อกำลังแรงตรงสู่คาราโครัมไฮเวย์ที่รออยู่
บางช่วงของคาราโครัมไฮเวย์ผ่านเข้าไปในชุมชนที่แสนน่าอยู่
ผมวางแผนว่าจะนั่งรถจากกิลกิตไปด่านชายแดนจีนที่ยอดเขาคุนเจรัป (Khunjerab Pass) ซึ่งต่อเข้าไปในแคว้นซินเจียง ระยะทาง 140 กิโลเมตร แต่ไม่ได้เดินทางรวดเดียว เพราะหนทางจะเลาะเลียบแม่น้ำกิลกิตไปถึงเมืองคาริมาบัด เมืองกุลมิต และเมืองพัสสุตามลำดับ อากาศในช่วงปลายเดือนกันยายนหนาวเย็นขึ้นทุกทีๆ เพราะตอนนี้เราอยู่บนความสูงกว่า 2,700 เมตร และไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ คาราโครัมไฮเวย์มีสภาพดีเยี่ยมเกินความคาดหมาย แม้จะเป็นถนนสองเลนวิ่งสวนกัน แต่พื้นถนนเรียบดีมาก มีป้าย ที่กั้นทาง และเส้นจราจรชัดเจนมากอีกทั้งรถก็ไม่เยอะ การขับขี่ชมวิวจึงชิลสุดๆ เมื่อออกจากกิลกิตในยามเช้าตรู่หนทางเลาะเลียบกับแม่น้ำไปเรื่อยๆ ขนานไปกับเส้นทางสายไหมโบราณ จนถึงจุดที่ต้องแวะชม คือจุดที่สองทวีปชนกันจนเกิดเทือกเขาหิมาลัย จุดนี้เมื่อ 55 ล้านปีก่อนอนุทวีปอินเดียได้เคลื่อนเข้าชนทวีปยูเรเซีย จนเปลือกโลกยกตัวขึ้นกลายเป็นเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย เนปาล เอเวอเรสต์ รวมถึงยอดเขาสำคัญ 5 ยอดของปากีสถานคือ K2 (8,611 เมตร) Nanga Parbat (8,126 เมตร) Broad Peak (8,051 เมตร) Gasherbrum-I (8,068 เมตร) และ Gasherbrum-II (8,036 เมตร)
ยอดเขา Ladyfinger แหลมเฟี้ยวพุ่งทะยานขึ้นเสียบเมฆ
เทือกเขารูปทรงประหลาดเหมือนดาวอังคารที่เมืองพัสสุ
ถนนคาราโครัมไฮเวย์ในปากีสถานเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า China-Pakistan Friendship Highway ซึ่งรัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังจะเปิดการค้าเต็มรูปแบบจึงเริ่มมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ของจีนแล่นเพิ่มขึ้น เหตุนี้เองทำให้เราขับแซงได้ยากมาก เวลาในการเดินทางบางช่วงจึงเพิ่มขึ้นกว่าจะไปถึงจุดชมวิวราคาโปซี (Rakaposhi View Point) อันเป็นจุดครึ่งทางก็เลยเที่ยงไปมาก จากจุดที่นั่งหม่ำข้าวมองขึ้นไปบนยอดเขาน้ำแข็งสูง 7,788 เมตร นั่นคือยอดเขาราคาโปซีและธารน้ำแข็งที่ละลายลงมาให้ผู้คนได้ดื่มกินตลอดฤดูร้อน น่าตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน
สายน้ำหลากไหลจากการละลายของธารน้ำแข็งที่ Rakaposhi View Point
Khunjerab Pass เป็นจุดเชื่อมต่อคาราโครัมไฮเวย์ของปากีสถานเข้าสู่จีน
ในที่สุดก็ถึงเมืองคาริมาบัด (Karimabad) เขตฮุนซา (Hunza) จะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นเชียงใหม่ของปากีสถานก็ได้ เพราะอยู่บนที่สูงเกือบ 3,000 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดปี มีสวนแอปเปิล แอปริคอต และองุ่น ออกผลให้ชิม เมืองนี้ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาคาราโครัมที่เต็มไปด้วยยอดเขาหิมะ และยอดเขา Ladyfinger ที่มีลักษณะเป็นแท่งหินแหลมเฟี้ยวเด่นกว่ายอดเขาทั้งหมดที่เห็น ในเมืองนี้นอกจากจะมีป้อมโบราณอายุ 500-700 ปี ชื่อป้อมอัลติท (Altit Fort) และป้อมบัลติท (Baltit Fort) ให้ชมแล้ว ยังมีหมู่บ้านอายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งถือเป็นชุมชนแรกในแคว้นกิลกิต-บัลติสถาน ส่วนหนึ่งเป็นคนผิวขาว ตาสีฟ้า หน้าคมเหมือนคนยุโรป เพราะเป็นลูกหลานของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่กรีฑาทัพไปตีชมพูทวีป เมื่อ 326 ปีก่อนคริสตกาลโน้น และบางหมู่บ้านก็ยังใช้น้ำประปาภูเขาจากคลองส่งน้ำโบราณาอายุหลายร้อยปี ที่ต่อมาจากการละลายของธารน้ำแข็งบนยอดเขาสูง นับเป็นการกินอยู่พึ่งพิงธรรมชาติจริงๆ ครับ
ตลาดเมืองกิลกิตเต็มไปด้วยพืชผักผลไม้และรอยยิ้มของผู้คน
ลายสลักรูปตัวไอเบ็กซ์เขาโง้งที่หินศักดิ์สิทธิ์เมืองฮุนซา
ระหว่างทางจากเมืองคาริมาบัตต่อไปเมืองกุลมิต (Gulmit) และเมืองพัสสุ (Passu) เราจะพบ “หินศักดิ์สิทธิ์” (Holy Rock) ซึ่งมีลายสลักหินยุคศตวรรษที่ 1 เป็นรูปฝูงแพะภูเขาไอเบ็กซ์ (Ibex) นี่คือจุดที่ผู้จาริกชาวพุทธเคยหยุดพัก ขณะเดินทางแสวงบุญไปตามเส้นทางสายไหมโบราณสู่เมืองตักศิลา โดยจากจุดนี้ถ้าเราขับรถข้ามแม่น้ำฮุนซาไป แล้วขับรถเลียบแม่น้ำเนเกอร์ (Nagar River) อีก 2 ชั่วโมง ก็จะถึงจุดชมวิวธารน้ำแข็งโฮเปอร์ (Hoper Glacier) เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก คือเคลื่อนตัวได้ระยะทางกว่า 110 ฟุต ในเวลาแค่ 3 เดือน และเราสามารถเข้าถึงมันได้อย่างง่ายดาย
Eagle’s Nest Hotel คือรีสอร์ตดีที่สุดในเมืองคาริมาบัดต้องไปพักให้ได้
หนทางช่วงต่อไปจะผ่าน “อุโมงค์อัตตาบัด” (Attabad Tunnels) เป็นอุโมงค์ยาวที่สุดของปากีสถานคือยาวถึง 7 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ต่อกัน 5 ช่วง เพราะบริเวณนี้เคยเกิดหินถล่มทับถนนเสียหายบ่อยมาก เขาจึงเจาะอุโมงค์วิ่งลอดซะเลย พอพ้นอุโมงค์ออกมาก็ร้องว้าว เจอกับทะเลสาบมหึมาสีเขียวอมฟ้าเทอร์คอยส์ “ทะเลสาบอัตตาบัด” (Attabad Lake) เกิดจากการสร้างเขื่อนและมียอดเขาทรงแหลมเฟี้ยวโอบล้อมอยู่ มันสะท้อนลงบนผิวน้ำยามแดดส่องกระจ่างตา แถมมีกิจกรรมล่องเรือเที่ยวด้วย แต่เราเวลาน้อยต้องรีบไปก่อน
ปากทางเข้า Attabad Tunnel เป็นอุโมงค์ยาวที่สุดในปากีสถาน
ขับรถผ่านอุโมงค์คาริมาบัดรู้สึกตื่นเต้นดี เพราะข้างในแทบมืดสนิท
ใครชอบกิจกรรมทางน้ำจะไปเล่นเจ็ตสกีที่ทะเลสาบอัตตาบัดก็ได้นะ
การค้างที่เมืองกุลมิตหนึ่งคืนถือว่าคุ้ม เพราะจะได้ชม “สะพานแขวนฮุสไซนี่” (Hussaini Bridge) ข้ามทะเลสาบบอริท ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นสะพานแขวนที่อันตรายที่สุดในโลก เพราะขึงด้วยลวดสลิงธรรมดา ส่วนพื้นก็ใช้ท่อนไม้วางพาดห่างๆ กัน จึงมีช่องว่างให้หวาดเสียวตลอดการเดินไป ออกจากเมืองพัสสุแล้วคาราโครัมไฮเวย์ก็คดเคี้ยว วกวน สูงชัน ห้อมล้อมด้วยหุบเขากันดาร เห็นยอดเขาหิมะเคียงขนานไปตลอดเวลา ราวกับว่ามันกำลังเฝ้าดูการมาเยือนของคนไกลบ้านอย่างเรา
สวนผลไม้และเทือกเขาหิมะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมที่เมืองคาริมาบัด
ช่วงเดือนสิงหาคมแอปริคอตสดจะออกมาให้ชิมมากมาย
เมื่อผ่านเมืองซอสต์ (Sost) และด่านตรวจของอุทยานแห่งชาติคุนเจรัปไปแล้ว ก็เหลือหนทางอีก 87กิโลเมตรต้องฝ่าฟันความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 4,300 กว่าเมตร ภูเขามีแต่ความโล่งเลี่ยน สภาพภูมิประเทศสองข้างทางดูรกร้างว่างเปล่า คล้ายกับว่าเรากำลังอยู่บนดาวเคราะห์นอกโลกอากาศเย็นยะเยือก ห่มคลุมด้วยหมอกสลัวราง แลลึกลับ ภูเขาหิมะโดยรอบมีรูปทรงแหลมชูชันราวฟันเลื่อย ขนาดใหญ่โตมโหฬารและสูงมากจนท้องฟ้าแลต่ำเตี้ยไปเลย ไม่มีต้นไม้เหลือสักต้น มีแต่ความวังเวงจนเราได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น วิวที่เห็นนั้นงามราวภาพฝัน เห็นตัว Golden Marmot เป็นกระรอกดินขนาดใหญ่ขุดโพรงอยู่ใต้ดินแอบโผล่ขึ้นมาทักทายเรา จนกระทั่งไปถึงความสูง 4,735 เมตร ก็เห็นด่านชายแดนจีน Khunjerab Pass อยู่ข้างหน้าแล้ว ท่ามกลางหิมะโปรยบางๆ กับความเย็นจับขั้วหัวใจ
เหนื่อย หนาว หิว ไกล แต่คุ้ม งดงาม ตื่นตาตื่นใจ และประทับใจสุดๆ ผมบอกคุณได้แค่นี้ครับ...
Traveler’s Guide
- Best Season : เดือนตุลาคมใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุด และเดือนมีนาคม-เมษายนดอกไม้เบ่งบาน
- Getting There : จากไทยบินไปเมืองอิสลามาบัดใช้เวลา 4.20 ชั่วโมง จากนั้นบินภายในประเทศด้วยสายการบิน PIA ไปเมือง Gilgit ใช้เวลาบิน 50 นาทีแล้วเริ่มต้นนั่งรถยนต์ใน Karakoram Highway ถึงชายแดนจีนที่ Khunjerab Pass ระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5.30 ชั่วโมง
- Overnight : แนะนำ Silk Route Lodge Gulmit โทร. +92-5813-400100, 400101 ที่ Hunza แนะนำ Eagle’s Nest Hotel www.hunzaeaglenest.com.pk โทร. +92-5813-457583, 457074
- Cuisine : อาหารในเส้นทางนี้คล้ายอาหารอินเดียและไม่มีหมูเพราะเป็นประเทศอิสลาม
- Souvenirs : ผ้าทอ หินสี อัญมณีมีค่า แอปริคอตและเมล็ดแอปริคอตตากแห้ง น้ำผึ้ง ฯลฯ
- More Info : Prima Connection โทร. 0-2158-9158, 08-9885-8998 www.primaconnection.com
Tag:
, Far Away, ปากีสถาน,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น