Acai : Fruit from Amazon “อาซาอิ” ความลับจากอะเมซอน

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561  11,190 Views
นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 220 เดือนพฤศจิกายน 2561

เชื่อเถอะว่าชื่อของ “อาซาอิเบอร์รี” (Acai Berry) คงต้องเคยผ่านเข้าหูใครหลายคน เพราะเบอร์รีสุดฮิตได้กลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมอันคุ้นชินของอาหารเสริม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ไปจนถึงครีมนวดผม อีกทั้งยังกลายเป็นผลไม้ที่บรรดาคนรักสุขภาพชื่นชอบ ว่าแต่ว่าเบอร์รีชนิดนี้มีดีอะไรกันล่ะ

อาซาอิเบอร์รี

Ah-Sigh-EE : โฉมหน้าอาซาอิ
แม้เจ้าเบอร์รีผลเล็กจะอยู่ในตระกูลปาล์ม แต่หน้าตาที่แท้จริงของอาซาอิ (หรือที่เขาบอกว่าต้องออกเสียงลากยาวว่า อา-ไซ-อี) น่าจะเป็นลูกครึ่งผสมระหว่างองุ่นและบลูเบอร์รี ตัวผลมีขนาดเล็กสีออกม่วงเข้ม ซึ่งซุกซ่อนเมล็ดขนาดใหญ่เอาไว้ ทำให้ส่วนที่กินได้จริงมีน้อยนิดเหลือเพียง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

นอกจากเนื้อที่มีอยู่ไม่มาก วิธีการได้มาก็ถือว่ายากขึ้นไปอีก เพราะเบอร์รีชนิดนี้อยู่รวมกันเป็นช่อบนต้นปาล์มที่เหยียดต้นสูงจากพื้นดินไม่ต่ำกว่า 60-80 ฟุต (อารมณ์คล้ายกับต้นตาลบ้านเรา) ในป่าอะเมซอนอันลึกลับ ณ ทวีปอเมริกาใต้ การเก็บเกี่ยวจึงต้องอาศัยแรงงานคนเดินเข้าป่าและปีนขึ้นไปตัดช่อเก็บอย่างระมัดระวัง เนื่องจากผลอาซาอิมีความบอบบางและเน่าเสียง่าย ทำให้หลังจากเก็บเกี่ยวคนงานจึงต้องทำการจัดเก็บและแช่แข็งทันทีก่อนออกจากอะเมซอนเสียด้วยซ้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผลช้ำและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล

รสชาติของอาซาอิจะค่อนข้างเปรี้ยวเช่นเดียวกับผลไม้จำพวกเบอร์รีชนิดอื่นๆ แต่จะมีความขมอมหวานคล้ายช็อกโกแลต นิยมกินเป็นผลสดหรือนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นทำให้อาซาอิที่จำหน่ายกันจึงอยู่ในรูปแบบของน้ำอาซาอิคั้นแช่แข็งหรือไม่ก็จะในรูปแบบผงที่เรียกกันว่า อาซาอิ พาวเดอร์ (Acai Powder) ที่ผ่านการทำให้แห้งด้วยวิธีการฟรีซดราย (Freeze Dried) หรือการทำให้เยือกแข็งแบบสุญญากาศเหมือนกับอาหารของนักบินอวกาศนั่นเอง
 

Superfood : คุณค่าอันเปี่ยมล้น
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้อาซาอิได้รับความสนใจก็มาจากคุณค่าทางโภชนาการที่มีมากมายมหาศาล จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด”

หากเปรียบเทียบกับเหล่าเบอร์รีด้วยกันแล้ว อาซาอิเบอร์รีนับว่ามาวินเลยทีเดียว เนื่องจากมีวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และใยอาหารในปริมาณที่สูงไม่ต่างจากเบอร์รีชนิดอื่นๆ และถ้าดูกันที่ค่าโอแรค (ORAC - Oxygen Radical Absorbance Capacity) อันเป็นค่าคะแนนที่ใช้วัดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารก็พบว่าอาซาอิมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผลไม้และผักชนิดอื่นๆ หรือมากกว่าองุ่นแดงถึง 10 เท่า ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเบอร์รีผลเล็กๆ จะกลายเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม

อีกทั้งในอาซาอิยังมีแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สารสำคัญซึ่งมีส่วนช่วยในระบบภูมิคุ้มกันและลดการระคายเคืองที่มากกว่าไวน์แดงถึง 10-30 เท่า ร่วมด้วยกรดโอเลอิก (Oleic Acid) กรดไขมันที่พบมากในน้ำมันมะกอกที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด และลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

อาซาอิเบอร์รี

Acai Bowl : ตำนานที่กลายเป็นจริง
จากแหล่งกำเนิดในป่าอะเมซอนสุดลึกลับและเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่บรรดานักรบในสมัยก่อนใช้กินเพิ่มพลัง แต่มาตอนนี้อาซาอิได้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างความมั่งคั่งให้กับชาวบราซิลอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

สาเหตุที่ทำให้อาซาอิฮิตติดตลาดขึ้นมาก็น่าจะมาจากการคิดค้นเมนูอาซาอิโบวล์ (Acai Bowl) ที่ทำให้อาซาอิเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จนกูเกิล (Google) เว็บไซต์สำหรับค้นหาชื่อดังยังบอกว่าคำว่าอาซาอิโบวล์ ได้กลายเป็นหนึ่งในคำที่คนทั่วไปค้นหาเพิ่มกันมากที่สุดในช่วง 2-3 ปีให้หลัง แต่สิ่งที่น่าขันยิ่งกว่าก็คือ อาซาอิเบอร์รีบดเสิร์ฟในชามพร้อมผลไม้สดและซีเรียลนั้นไม่ได้ถือกำเนิดที่บราซิลแหล่งของอาซาอิ แต่เป็นที่ฮาวายต่างหาก

กล่าวกันว่าสูตรความอร่อยเกิดขึ้นครั้งแรกบนเกาะสวรรค์ฮาวาย จากนั้นเมนูนี้จะเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายไปทางชายฝั่งตะวันตกตั้งแต่ลอสแอนเจลิสเรื่อยไปยังซานฟรานซิสโก และกระจายไปยังส่วนต่างๆ ของอเมริกา ก่อนจะเพิ่มรูปแบบเป็นมิลก์เชกและไอศกรีมแท่งขายตามงานแฟร์ฟู้ดทรัก แต่ถึงกระนั้นอาซาอิโบวล์ก็ยังครองใจมหาชน เพราะเพียงแค่ตักชิมก็ทั้งอร่อยครบและอิ่มท้อง

ซึ่งนั่นก็ทำให้อเมริกาครองแชมป์ผู้นำเข้าอาซาอิมากที่สุดในโลก เนื่องจากธุรกิจนี้สามารถทำกำไรได้สูงสุดถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐเลยแหละ
 

แหล่งข้อมูล


Tag: , Nice To Know, อาซาอิ, เบอร์รี่,

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed