หลังจากการเปรียบเทียบระหว่างอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีอย่าง "คากิโกริ" และ "บิงซู" ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด (ฮา!) ฉบับนี้เราเลยกลับมาอีกครั้งกับ "จัมปง" เพราะหันไปทางญี่ปุ่นก็มี หันไปทางเกาหลีก็ใช่!
Champon-จัมปงญี่ปุ่น
เมื่อพูดถึงต้นตำรับของอาหารเส้น แน่นอนว่าต้องมาจากประเทศจีนอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับ "จัมปง" ก็นับเป็นอาหารที่แตกแขนงมาจากอาหารจีนเช่นกัน
นะงะซะกิ (Nagasaki) คือชื่อเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของจัมปง ทำให้จัมปงมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “นะงะซะกิ จัมปง” แต่เดิมนั้นนะงะซะกินับเป็น 1 ใน 4 เมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ นะงะซะกิ (Nagasaki) ฟุกุโอกะ(Fukuoka) คาโงะชิมะ (Kagoshima) และฮอกไกโด (Hokkaido) สิ่งที่ทำให้นะงะซะกิมีเอกลักษณ์โดดเด่นก็มาจากการที่เมืองชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสและหมอสอนศาสนาที่มาตั้งรกราก ที่นี่จึงเสมือนเป็นศูนย์กลางอำนาจของชาวตะวันตกตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 อีกทั้งยังเป็นเมืองการค้า เป็นแหล่งพำนักของชาวต่างชาติ (โดยเฉพาะชาวดัตช์และชาวจีน) และเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางการศึกษา
กล่าวกันว่าจัมปงถูกคิดค้นครั้งแรกโดยเฮยจวิน ชิง (Heijun Ching) พ่อครัวชาวจีน แห่งร้านอาหารจีนชิไคโร (Shikairou) ที่ยังคงเปิดมาถึงปัจจุบันนี้ (ตามไปลองชิมกันได้) โดยเมนูนี้เกิดจากความใจดีของพ่อครัวที่อยากทำอาหารราคาประหยัดซึ่งทั้งอิ่มและเข้มข้นทางโภชนาการให้เหล่านักเรียนนักศึกษาได้ชิม จนออกมาเป็นบะหมี่เหลืองเส้นอวบในน้ำซุปกระดูกหมูเคี่ยว แต่ทีเด็ดอยู่ที่เครื่องเคราผัดร้อนๆ ตามสไตล์จีน อาทิ เนื้อหมูที่เน้นส่วนพุง หอย กุ้ง ปลาหมึก และสารพัดผัก ไม่ว่าจะเป็น แครอต กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วลันเตาหวาน หัวหอม หรือจะเติม “คามาโบโกะ” ลูกชิ้นทำจากปลาเนื้อขาวบด และของชอบเติมตามลงไปก็ได้ (ไม่ว่ากัน) ก่อนจะราดลงบนบะหมี่ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
จากนั้นเป็นต้นมาจัมปงก็โด่งดังเป็นพลุแตก ถึงขนาดสำนักข่าวท้องถิ่น นะงะซะกิ เคนคิโย (Nagasaki Kenkiyo) รายงานว่าในปี ค.ศ. 1907 ก็มีร้านอาหารเริ่มวางขายเมนูจัมปงมากกว่า 10 ร้าน ส่วนชื่อเมนูที่ว่า “จัมปง” นั้นยังคงเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบันว่าหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ทฤษฎีที่ยอมรับกันมากที่สุดบอกกันว่าคำว่า "จัมปง" มีความหมายว่า "การผสมผสาน" ในขณะที่บางส่วนกลับบอกว่าน่าจะมาจากภาษาจีนฝูเจี้ยนตามผู้คิดค้นมากกว่า ที่จะแปลได้ว่า “กินอาหาร” (to eat a meal) แต่ไม่ว่าจะแปลว่าอะไร ที่มั่นใจก็คือ...
เราอิ่มแน่นอน!
Jjamppong : จัมปงเกาหลี
หากหมี่เหลืองซอสสีดำในตำนานอย่าง "จาจังมยอน" (Jajangmyeon) เป็นอาหารประจำชาติเกาหลี อีกหนึ่งเมนูที่ต้องเข้าคู่กันมาเลยก็คือ "จัมปง" (Jjambbong หรือ Jjamppong) เขาล่ะ ถึงขนาดมีคำพูดเลยว่าถ้าให้เลือกกินระหว่าง 2 เมนูนี้ก็นับเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจเหลือหลาย
แม้สีสันจะดูต่างกับจัมปงญี่ปุ่นอย่างลิบลับ แต่ทั้งสองกลับมีชื่อเรียกที่เหมือนกันจนน่าสับสน ซึ่งนั่นก็น่าจะมาจากต้นกำเนิดของเมนูนี้ที่มาจากชาวจีนเช่นกัน และมีต้นกำเนิดอยู่แถวเมืองท่า โดยศูนย์กลางในสมัยนั้นจะอยู่ที่เมืองอินชอน (Incheon) ที่จะมีชาวจีน-เกาหลีอาศัยกันอยู่มาก ทั้งนี้ลักษณะเด่นของอาหารจีนในเกาหลีจะอยู่ที่รสชาติซึ่งคงความเกาหลีอยู่มาก อาจเป็นเพราะร้านอาหารจีนส่วนใหญ่ยังคงมีเจ้าของเป็นชาวเกาหลีนั่นเอง
เช่นเดียวกับ "จัมปง" ที่แรกเริ่มเดิมทีนั้นมีชื่อว่า "ฉาวหม่าเมี่ยน" (Chaomamian) ตำรับความอร่อยของชาวจีนในมณฑลซานตง ออกมาเป็นหมี่เหลืองในน้ำซุปกระดูกหมูรสเผ็ดจากเครื่องปรุงชูโรงอย่างโคชูการู (Gochugaru) หรือพริกแดงป่น ร่วมด้วยส่วนผสมแสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นหัวหอม กระเทียม แครอต กะหล่ำปลี ปลาหมึก หอยแมลงภู่ เนื้อหมู หรือจะเพิ่มซีฟู้ดอื่นตามชอบ
แต่แล้ววันหนึ่งฉาวหม่าเมี่ยนก็ถึงคราวเปลี่ยนชื่อ เมื่อกองทัพญี่ปุ่นได้บุกยึดเกาหลีระหว่างปี ค.ศ. 1910-1945 เหล่าทหารหาญก็ได้มาประสบพบเจอกับเมนูนี้ ก่อนจะเรียกด้วยเสียงอันดังว่าจัมปง! เพราะส่วนผสมมีความคล้ายคลึงกันอย่างที่สุด (หากมองด้วยตา) ด้วยเหตุนี้ชื่อเดิมจึงถูกเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ ฉาวหม่าเมี่ยนที่คุ้นกันก็เลยเป็นจัมปงไปโดยปริยาย
กลายเป็นแฝดคนละฝาที่ไม่ว่าจะรสไหนก็ถูกใจไปเสียหมด
แหล่งข้อมูล
https://en.wikipedia.org
http://japan-brand.jnto.go.jp
http://kr.monkeytravel.com
Tag:
, Nice To Know, จัมปง, จาจังมยอน, เมนูเส้น,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น