หลังจากแก้ว Boutique ร้านขนมไทยสุดครีเอตจากกาญจนบุรีของ 4 ทายาทร้านแก้ว ร้านของฝากเก่าแก่แห่งเมืองกาญจน์อย่างลูกแก้ว-เจกิตาน์, พลอย-พิรดา, เพชร-เมธัส ชัยมงคลานนท์ และแวน-วิวรรณ ล้อศิริ พาขนมไทยหน้าตาเก๋ไก๋มาเปิด Pop-Up Store ในกรุงเทพฯ จนคนรอต่อคิวยาวแบบทำขายแทบไม่ทันไปแล้ว

ในวันอากาศดี ทีม G&C ขับรถไปถึงร้านแก้ว Boutique แลนด์มาร์กใหม่ใกล้มอเตอร์เวย์ของจังหวัดกาญจนบุรีบนพื้นที่ 12 ไร่ เรามีนัดกับคุณแวนและคุณเพชรที่รออยู่ตั้งแต่เช้า นอกจากสีเขียวร่มรื่นของต้นไม้พร้อมวิวภูเขา ที่ร้านยังดึงดูดสายตาด้วยงานดีไซน์ที่เล่นกับความโค้งมนและพลิ้วไหวล้อไปกับแม่น้ำแคว อีกทั้งยังให้ความรู้สึกละมุนละไมเหมือนรสชาติขนมไทยสูตรของทางร้าน ด้านในแบ่งออกเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านไอศกรีมเจลาโต รวมถึงโซนของฝากที่มีการทำขนมสดให้เราได้ชมกันใกล้ๆ


“แก้ว” ที่มาจาก “มะขามกวนแก้ว”
หลายคนเดาว่าชื่อ “แก้ว” น่าจะมาจากชื่อเจ้าของร้าน แต่ที่จริงแล้วมาจากขนมสร้างชื่ออย่างมะขามกวนแก้ว มะขามกวนในซองใส่หลากสีซึ่งเป็นสินค้าแรกที่คุณเมธา ชัยมงคลานนท์ ผู้ก่อตั้งร้านได้ลองทำไปตั้งโต๊ะขายในงานประจำปีที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จากนั้นจึงต่อยอดเป็นร้านของฝากที่รวบรวมของดีในจังหวัดมาไว้ในที่เดียว ปัจจุบันอยู่คู่เมืองกาญจน์มาเกือบ 40 ปีแล้ว


คุณแวนและคุณเพชรบอกกับเราว่าคลุกคลีอยู่ที่ร้านแก้วตั้งแต่เด็ก การแตกไลน์ธุรกิจครอบครัวมาสู่ร้านแก้ว Boutique ซึ่งเข้าถึงลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น แม้จะท้าทายอย่างที่สุดแต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกำลัง

เมนูที่ทำให้แก้ว Boutique เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วคือขนมไทยรสชาติละมุนละไมอย่างขนมชั้นนุ่มหนึบที่นำเสนอในรูปแบบแปลกใหม่ โดยเฉพาะรสชาไทยที่ตัดเป็นชิ้นบางหน่อย จนใครๆ ก็เรียกว่าเป็นขนมชั้นปลาแซลมอน รวมถึงเมนูที่คนรอต่อคิวยาวเหยียดอย่างขนมทองม้วนสดกรอบไส้สังขยาใบเตยที่นำขนมทองม้วนสดและทองม้วนกรอบมาอยู่ด้วยกัน สอดไส้สังขยาใบเตยเยิ้มๆ พร้อมด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน คุณแวนเชื่อว่าขนมสดที่ส่งกลิ่นหอมชวนหิวเหล่านี้จะดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ให้รู้จักแก้ว Boutique มากขึ้น


“เราอยากนำการทำขนมสดซึ่งเป็นไฮไลต์ของเราไปแนะนำให้คนกรุงเทพฯ ได้รู้จักด้วย เราเชื่อมาตั้งแต่ร้านแก้วเดิมแล้วว่าการทำขนมสดๆ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมไปด้วย ระหว่างยืนรอก็จะได้ทั้งกลิ่นหอมและเห็นวิธีการทุกขั้นตอนซึ่งจะทำให้เขารู้สึกอยากกิน ต่างจากการวางขนมขายธรรมดาค่ะ”


คุณเพชรเสริมว่าแม้จะเป็นทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ แต่ทุกคนเห็นตรงกันว่าขนมไทยนั้นมีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์เด่นชัด สู้กับขนมตะวันตกได้แบบไม่น้อยหน้ากัน “เพราะกว่าจะออกมาเป็นขนมไทยแต่ละชิ้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงอยากทำให้ขนมไทยมีมูลค่ามากขึ้นทั้งหน้าตาและการนำเสนอ โดยยังอิงสูตรการทำขนมแบบดั้งเดิมเอาไว้ เหมือนคอนเซ็ปต์การทำขนมของเราคือ Original not Ordinary ครับ”

วัตถุดิบที่ใช้ทำขนมของที่ร้านจึงสำคัญมาก สองพี่น้องเล่าว่าต้องใช้กะทิสดเท่านั้น ส่วนมะพร้าวอ่อนหอมมันได้จากสวนอัมพวา และใช้น้ำใบเตยคั้นสดจากใบเตยหอมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเย็น อีกทั้งขยันคิดรสชาติใหม่ๆ ออกมาเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ โดยเฉพาะ Seasonal Menu อย่างทองม้วนสดกรอบเรดเวลเวตที่ทั้งนุ่มและกรอบ หอมกลิ่นโกโก้ เข้ากับไส้คัสตาร์ดหวานละมุน ตบท้ายด้วยรสเปรี้ยวนิดๆ จากครีมชีส และทาโก้ชาไทย ขนมไทยในรูปแบบทาโก้ ด้านนอกเป็นทองม้วนกรอบกะทิสด ส่วนด้านในเป็นขนมชั้นชาไทยนุ่มหนึบ เพิ่มความฟินด้วยไส้สังขยาชาไทย และมะพร้าวอ่อนรสเค็มนิดๆ ตัดรสกัน ซึ่งประสบความสำเร็จเกินคาด


ก่อนที่ทั้งคู่จะพาเราเดินชอปปิงต่อด้านใน คุณเพชรแอบกระซิบว่าช่วงสงกรานต์นี้กำลังจะมีเมนูใหม่ที่เข้ากับหน้าร้อน โดยนำความอร่อยของ “ข้าวหลาม” มาเป็นแรงบันดาลใจในการคิดเมนูด้วย
ส่วนจะทำออกมาน่ากินและรสชาติเหมือนข้าวหลามขนาดไหน รอติดตามจากแก้ว Boutique ได้เลย
ข้อมูล
- พิกัด : 89 หมู่ที่ 13 อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
- โทร : 06-5445-8385
Tag:
Special Guest, กาญจนบุรี, ขนมไทย, ของฝาก, ร้านขนมไทย
ความคิดเห็น