อ่อนล้า ไม่มีแรง อาหารอะไรช่วยได้บ้าง

วันที่ 2 สิงหาคม 2561  57,802 Views
นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 216 เดือนกรกฎาคม 2561

หลายครั้งที่เราทำงานหนักติดต่อกันหลายๆ วัน หรือช่วงที่พักผ่อนไม่เพียงพอ จนทำให้รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีแรง อยากจะนอนตลอดเวลา ไม่สดชื่น ดังนั้นอาหารอาจเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยแก้อาการอ่อนล้าไม่มีแรงได้

ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ พิสตาชิโอ วอลนัต พีแคน บราซิลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไพน์นัต กลุ่มของถั่วเปลือกแข็งมีสารอาหารสูง ให้พลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มของไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
ข้อแนะนำ วิธีกินให้กินแบบดิบไม่ผ่านความร้อน หรือไม่โรยเกลือ หรือไม่เคลือบน้ำตาล หากกลัวเรื่องไม่ย่อยและเกิดแก๊สในทางเดินอาหารให้นำถั่วเปลือกแข็งดิบแช่น้ำตอนกลางคืนแล้วแช่ไว้ในตู้เย็น นำมากินในตอนเช้าจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้

อาหารที่ช่วยให้มีแรง

โยเกิร์ต โยเกิร์ตมาจากการหมักที่แตกต่างกัน ได้จากนมวัว นมแพะ นมควาย หรือแม้แต่กลุ่มโยเกิร์ตที่หมักจากพืช เช่น ถั่วเหลือง น้ำนมข้าว น้ำนมอัลมอนด์ โยเกิร์ตมีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะจุลินทรีย์ที่ดี จุลินทรีย์จะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เพิ่มระบบภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เมื่อร่างกายแข็งแรงก็จะรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงไม่อ่อนเพลียง่าย

นอกจากนี้จุลินทรีย์จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นก็จะยิ่งส่งเสริมให้ร่างกายลดความตึงเครียดและรู้สึกสดชื่น อีกทั้งในโยเกิร์ตยังมีแคลเซียมและวิตามินดีที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นด้วย
ข้อแนะนำ ให้กินโยเกิร์ตในช่วงเช้าของวันเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารและขับของเสียออกนอกร่างกาย ทำให้ขับถ่ายในตอนเช้าได้ง่ายขึ้น

อาหารที่ช่วยให้มีแรง

ปลาแซลมอน เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่งที่มีกรดไขมันจำเป็นโอเมกา-3 จากการศึกษาวิจัยระบุถึงคุณประโยชน์ของกรดไขมันโอเมกา-3 ต่อการลดการอักเสบของร่างกาย และลดระดับคอเลสเตอรอลตัวที่ไม่ดี รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปลาแซลมอนยังให้โปรตีนสูง วิตามินบี 6 ไนอะซิน และไรโบฟลาวิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารมาเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ดีขึ้น
ข้อแนะนำ กินปลาแซลมอนในช่วงกลางวันจะช่วยให้มีพลังงานตลอดทั้งช่วงบ่าย และลดความง่วงเนื่องจากช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

อาหารที่ช่วยให้มีแรง

เห็ด เป็นพืชกลุ่มหนึ่งที่ให้สารอาหารในกลุ่มแร่ธาตุเหล็กสูง เมื่อร่างกายได้รับแร่ธาตุเหล็กก็จะช่วยให้ร่างกายนำเอาออกซิเจนไปใช้ได้ทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานขึ้นมา ถ้าร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอก็จะมีความรู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยง่าย เครียด
ข้อแนะนำ ควรทำความสะอาดเห็ดด้วยการล้างผ่านน้ำ แต่ไม่ควรแช่น้ำไว้นาน หรือแช่น้ำยาล้างผัก หรือด่างทับทิม หรือเกลือ เพราะจะทำให้ซึมเข้าไปในเห็ดได้

อาหารที่ช่วยให้มีแรง

ผักโขม เป็นผักอีกชนิดที่มีปริมาณแร่ธาตุเหล็กสูง ร่วมกับมีแร่ธาตุแมกนีเซียมและแร่ธาตุโพแทสเซียม แร่ธาตุแมกนีเซียมจะช่วยในกระบวนการสังเคราะห์พลังงานของร่างกาย และยังช่วยร่วมกับโพแทสเซียมในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร งานวิจัยยังระบุว่าผู้ที่กินผักโขมเป็นประจำจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงด้วย
ข้อแนะนำ ผักโขมสามารถกินได้ดีทั้งชนิดสดและนำไปปรุงประกอบอาหารแล้ว สามารถใส่ในสมูทตี้ปั่นได้ก็จะได้เครื่องดื่มที่อร่อยและดีต่อสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่ง

แตงโม เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีน้ำมาก มีวิตามินและแร่ธาตุมาก เช่น วิตามินเอ วิตามินซี เหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และมีสารพฤกษเคมีไลโคปีน เบตา-แคโรทีน และซิทรูลีนที่ช่วยให้เกิดความสดชื่น ลดความร้อน ทำให้เกิดความสุข และรู้สึกมีพลัง
ข้อแนะนำ ในช่วงที่อากาศร้อนหรือช่วงที่อยากของหวานให้ลองกินแตงโมหรือน้ำแตงโมจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น และลดความอยากอาหารในกลุ่มของขนมหวานได้

ไข่ งานวิจัยมากมายศึกษาเรื่องคุณประโยชน์ของไข่และสนับสนุนให้กินไข่วันละ 1 ฟอง แต่หากมีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลก็ควรลดลงให้เหลือสัปดาห์ละ 3-5 ฟอง ไข่เป็นอาหารที่ให้โปรตีนที่ดีต่อร่างกายสูง มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน โปรตีนในไข่จะช่วยซ่อมแซมร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย ทำให้รู้สึกมีแรง
ข้อแนะนำ ควรกินไข่ที่ผ่านการปรุงสุก เพราะในไข่ดิบจะมีสารอะวิดินซึ่งจะไปขัดขวางการดูดซึมไบโอตินและอาจปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆ เช่น ซัลโมเนลลา

อาหารที่ช่วยให้มีแรง

มันหวาน เป็นอาหารในกลุ่มของคาร์โบไฮเดรตที่มีใยอาหาร รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ สูง มีทั้งแร่ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี วิตามินดี เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย ลดความเหนื่อยล้า
ข้อแนะนำ มันหวานสามารถปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายทั้งคาวและหวาน เช่น มันบด มันเผา มันต้ม หรือนึ่งกินธรรมดาก็อร่อยมีประโยชน์

อาหารที่ช่วยให้มีแรง

น้ำเปล่า หลายครั้งที่เรารู้สึกอ่อนล้าไม่มีแรงเนื่องจากร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ การทำงานของระบบต่างๆ ไม่สมดุล จากการวิจัยพบว่าผู้ที่สูญเสียน้ำในร่างกายจะส่งผลให้รู้สึกไม่มีแรง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
ข้อแนะนำ ในแต่ละวันควรดื่มน้ำเปล่าให้ได้วันละ 8 แก้วขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หากอยู่ในที่อุณหภูมิร้อน หรือมีการออกกำลังกาย หรือเสียเหงื่อก็ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น


Tag: , Food for life,

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed