นอกจากกลิ่นและรสของสมุนไพรจะช่วยให้อาหารจานโปรดหอมอร่อยได้อย่างน่าประทับใจแล้ว เรื่องของความสวยความงามสมุนไพรก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และนี่คือ 5 ไอเท็มที่เราอยากให้ลอง
★ เบซิล (Basil) ★
เมื่อเอ่ยถึงเบซิลคงต้องบอกว่ามีมากมายหลายพันธุ์ แต่ที่เราคุ้นกันที่สุดคงไม่พ้นกะเพราและโหระพาที่มาพร้อมกลิ่นหอมๆ แสนชื่นใจ เพราะแท้จริงแล้วเหล่าเบซิลก็อยู่ในตระกูลเดียวกับมินต์หอมซาบซ่า
เบซิลนับเป็นหนึ่งในยอดผักที่เหล่านักโภชนาการล้วนบอกตรงกันว่าดี เพราะภายใต้ใบเล็กใบน้อยนั้นอุดมไปด้วยสารที่มีสรรพคุณช่วยแก้อักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และลดการเกิดสิว ซึ่งว่ากันว่าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าใช้สารจำพวกแอลกอฮอล์เสียอีก นอกจากนี้เบซิลยังช่วยชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล แถมยังพรั่งพร้อมด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เบตาแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตา เหล็กบำรุงเลือด แคลเซียมบำรุงกระดูก โดยเฉพาะวิตามินซีที่มีมากกว่าพืชสมุนไพรอื่นๆ เมื่อเทียบในอัตราส่วนที่เท่ากัน
เอาเป็นว่าผัดกะเพราครั้งต่อไปอย่าเขี่ยทิ้งอย่างเด็ดขาด!
★ โรสแมรี่ (Rosemary) ★
ถ้าเทียบกับกลิ่นหอมซาบซ่าของเบซิล กลิ่นของโรสแมรี่คงจะละมุนลงมาอีกนิด ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังดมไม้สนหอมๆ
เชื่อกันว่ากลิ่นของโรสแมรี่จะทำให้เรารู้สึกสงบร่มเย็นและเสริมสร้างความจำได้อย่างดีเยี่ยม นักเรียนในสมัยก่อนจึงมักนำก้านโรสแมรี่มาทัดหูเพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ระหว่างการอ่านหนังสือ นอกจากนี้น้ำมันหอมระเหยจากโรสแมรี่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้สารพัดอย่าง เริ่มตั้งแต่ใช้หยดลงในอ่างอาบน้ำเพื่อลดกลิ่นเหงื่อและกลิ่นตัว หรือนำมาหยดเพิ่มในแชมพูก็ช่วยแก้ไขปัญหาอาการคันหนังศีรษะและขจัดรังแคไปพร้อมกัน
แต่ถ้าใครยังไม่มีน้ำมันหอมระเหยก็สามารถนำก้านโรสแมรี่สดมาขยี้แล้วใส่ลงในน้ำที่อาบก็ถือว่าไม่ผิดกติกา
★ กุหลาบ (Rose) ★
นอกจากดอกกุหลาบจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักแล้ว กลีบดอกสีสวยก็ยังเต็มไปด้วยสารอาหารแบบครอบจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินบี และวิตามินเค รวมไปถึงแร่ธาตุต่างๆ อย่างแคลเซียม โพแทสเซียม ทองแดง และไอโอดีน
ด้วยเหตุนี้กุหลาบจึงเป็นไอเท็มแห่งความงามแบบไร้ข้อสงสัย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและสามารถต้านแบคทีเรียอัดแน่นอยู่ในนั้น โดยสรรพคุณหลักๆ คือสามารถลดรอยแดงและการเกิดสิวได้เห็นผล ซึ่งวิธีการสกัดน้ำมันจากดอกกุหลาบก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่นำกลีบกุหลาบ 7-8 กลีบมาแช่ในน้ำสะอาด 3-4 ช้อนโต๊ะ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นก็ขยี้กลีบกุหลาบ ก่อนจะเติมน้ำผึ้งลงไปอีก 3 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน พอกใบหน้า ทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
และที่สำคัญกลิ่นหอมๆ ของดอกกุหลาบยังช่วยให้เราผ่อนคลายอีกด้วย
★ คาโมมายล์ (Chamomile) ★
เมื่อพูดถึงคาโมมายล์ภาพของดอกไม้เล็กๆ สีขาวน่ารัก เกสรสีเหลืองอ่อนก็ปรากฏอยู่ในใจ จุดเด่นของคาโมมายล์คงไม่พ้นรสหวานละมุนกลิ่นคล้ายแอปเปิลและเป็นสมุนไพรตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ
จากสรรพคุณทางยาที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก คลายความเหนื่อยล้า และสามารถลดภาวะอาการนอนไม่หลับ ทำให้ดอกไม้ชนิดนี้อยู่ในรูปแบบของชาสมุนไพรที่นิยมจิบกันก่อนนอน แต่ก่อนที่ใครจะทิ้งถุงชาไปเสียก่อน ถุงชาที่ว่าสามารถนำมาขัดผิวหน้าให้กระจ่างใส ขณะที่น้ำชาก็นำมาล้างหน้าได้เช่นกัน เนื่องจากคาโมมายล์มีสารที่ชื่อว่าอัลฟาบิซาโบลอล (Alpha-Bisabolol) ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา สามารถลดอาการอักเสบของผิวหนังและป้องกันการเกิดสิวได้ดีเยี่ยม
ส่วนหนุ่มๆ ที่เคยประสบปัญหาบาดแผลจากการโกนหนวดอยู่เป็นประจำ ก็สามารถใช้ถุงชาคาโมมายล์ที่แช่เย็นแล้วไปประคบบริเวณที่เป็นรอยแดงก็สามารถรักษาอาการแสบๆ คันๆ ได้ชะงัด
★ ลาเวนเดอร์ (Lavender) ★
ดอกไม้สีม่วงอ่อนที่ชูช่อกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก นอกจากจะนำมาใช้ตกแต่งของหวานได้อย่างลงตัวแล้ว ลาเวนเดอร์ยังเหมาะสำหรับมาเบลนด์กับชาอีกต่างหากไม่ต่างจากคาโมมายล์
เชื่อกันว่าการดื่มชาลาเวนเดอร์จะช่วยให้คลายเครียด กระปรี้กระเปร่า นอนหลับสบาย ส่วนกลิ่นหอมละมุนยังทำให้ลมหายใจเราสดชื่นแบบไม่ต้องพึ่งน้ำยาบ้วนปาก สำหรับตอนเช้าหากใครต้องการให้ผิวหน้าสดชื่นก็สามารถทำโทนเนอร์จากลาเวนเดอร์ใช้เองได้ง่ายๆ เพียงแค่ต้มน้ำ 100 มิลลิลิตรในหม้อ พอน้ำเดือดให้ปิดไฟ ก่อนนำช่อลาเวนเดอร์ใส่ลงไป ปิดฝาทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วจึงค่อยรินแต่น้ำใส่ลงในขวดแช่เย็นไว้ นำมาเทลงบนสำลีเช็ดหลังล้างหน้าตอนเช้า
รับประกันความใสปิ๊ง
Tag:
, ความงาม, สมุนไพร,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น