Special Guest ฉบับนี้เรามีนัดกับจูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์ พิธีกรและเซเลบริตีคนดังที่รันทุกวงการอีเวนต์ไทย โดยเฉพาะแบรนด์ดังระดับโลกที่เชื่อมือเธอคนนี้เท่านั้น แม้จะมีภารกิจรัดตัวแต่คุณจูนยังแบ่งเวลาให้กับการสรรหาของอร่อยแล้วบอกเล่าประสบการณ์สุดฟินลงในอินสตาแกรมของเธอ
ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งมัดใจผู้ชม ส่งผลให้มียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมใกล้แตะ 200k ล่าสุดคว้ารางวัลสุดยอดนักชิมแห่งปีจาก GrabThumbsUp Awards ประจำปี 2024 มาครอง ซึ่งถือเป็นรางวัลแรกในชีวิตโดยเธอได้เผยความในใจที่ใครฟังแล้วต้องยิ้มตาม “ตั้งแต่เล็กจนโตจูนยังไม่เคยได้รางวัลอะไรเลย ไม่ว่าจะเรียนดี กีฬาเด่น พอได้รางวัลนี้ดีใจมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่เราชื่นชอบ ทำแล้วมีความสุขมาก”
ส่วนเทคนิคพิชิตใจคนดูคุณจูนบอก “ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ อยากกินอะไร อยากทำอะไรก็ทำ กินไปด้วยเล่าไปด้วย แต่จะไม่บอกว่าอร่อยหรือไม่อร่อย บอกแค่ว่าจูนชอบเมนูนี้ เพราะชอบรสชาติแบบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล เล่าไปเรื่อยๆ สนุกๆ เหมือนเป็นสมุดบันทึกที่พอมาเปิดย้อนดูแล้วมีความสุข”
วันนี้ชื่อจูน-สาวิตรีขึ้นแท่นนักกินตัวยงในแวดวงฟู้ดดี้ของไทยไปแล้ว โดยเฉพาะสไตล์การรีวิวที่จริงใจโดยเน้นร้านที่มีรสชาติจัดจ้านถึงเครื่อง เมนูแปลกแค่ไหนก็พร้อมชิม (ยกเว้นว่ากินแล้วต้องไม่แพ้) ในเส้นทางนักกินทุกวันนี้ของคุณจูนยังไม่ค่อยเน้นเก็บดาว (มิชลิน) เหมือนในอดีต “ตอนเรียนจบใหม่ๆ จูนจะตื่นเต้นกับการเก็บดาว โดยเฉพาะเวลาที่เชฟเล่าว่าวัตถุดิบนี้พิเศษอย่างไร แต่เมื่อได้ลิ้มลองประสบการณ์มากขึ้น ไปบ่อยขึ้น เราก็เริ่มตื่นเต้นกับสตอรีนั้นน้อยลง ประกอบกับรู้ถึงความส่วนตัวที่ชอบอาหารรสจัด ทุกวันนี้ก็ยังไปสัมผัสประสบการณ์อยู่บ้าง โดยเลือกร้านที่สนใจหรือบรรยากาศดี แต่ไม่ได้มุ่งมั่นกับการเก็บดาวอีกแล้ว”
ประสบการณ์ที่ทำให้ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติตนเอง “สมัยก่อนกินอาหารเกือบทุก 2 ชั่วโมง จนมาถึงช่วงโควิดที่ช่วยรีวิวให้กับร้านต่างๆ แล้วแพ้อาหารจนล้มป่วย โดยเฉพาะนมวัวกับไข่ขาว ทำให้ต้องลดปริมาณการกิน รวมถึงเลือกกินมากขึ้น เพราะเวลาที่แพ้ไม่ได้หมายความว่าเรากินอาหารชนิดนั้นไม่ได้เท่านั้น แต่มันยังไปกระตุ้นอาการให้รุนแรงขึ้นเมื่อเรากินอาหารที่มีฮีสตามีนสูง เช่น อะโวคาโด ผักโขม สับปะรด หรือมะละกอ ซึ่งอาหารเหล่านี้เราไม่ได้แพ้เลย จูนจะพยายามไม่ให้อยู่ในจุดที่แพ้มาก เลี่ยงได้ก็เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ จำเป็นต้องกินก็จะเว้นระยะหนึ่งวันถึงสองวัน
“คำกล่าวที่ว่าแพ้อะไรก็ให้กินจนกว่าจะชนะ จูนอยากประชาสัมพันธ์ว่าอย่าทำ คุณหมอบอกว่าอาการแพ้เปรียบได้กับมีไฟไหม้อยู่ในบ้าน ถ้ากินอาหารที่มีประโยชน์ก็เหมือนเอาน้ำไปดับ แต่ถ้ายังกินอาหารที่แพ้ไปเรื่อยๆ ก็เหมือนเอาน้ำมันไปราดให้รุนแรงมากขึ้น”
ส่วนคำถามที่หลายคนอยากรู้ เคล็ดลับหุ่นสวยสุขภาพดีในแบบจูน-สาวิตรีคืออะไร เธอตอบว่า “จูนเป็นคนระวังเรื่องอาหาร กินอิ่มแล้วจะหยุด ไม่ดื้อกินต่อเพราะเสียดาย ถ้าจานใหญ่มากจะกันไว้แล้วขอห่อกลับบ้าน บางทีก็บอกให้ร้านคิดราคาเท่าเดิมแต่ขอให้ลดปริมาณลง เพราะไม่อยากให้เกิด Food Waste นอกจากนี้คือแบ่งเวลาออกกำลังกาย แต่ไม่ฝืนตัวเอง สังเกตว่าช่วงไหนออกกำลังกายหุ่นจะดีขึ้น แต่พอหยุดปุ๊บพุงมาปั๊บ ใครไม่ชอบออกกำลังกายอยากให้ลองหากิจกรรมที่เหมาะกับตัวเอง อย่าทำตามเพื่อน เพราะความชอบไม่เหมือนกัน ร่างกายไม่เหมือนกัน ชอบเฮฮาก็ทำกิจกรรมกลุ่ม ไม่ชอบก็ทำคนเดียวอย่างเล่นโยคะ ถ้าทำไม่ได้เลยให้เดิน 10 นาทีหลังอาหาร ทำทุกครั้งหลังอาหาร 3 มื้อก็ 30 นาทีแล้ว
“ทุกคนมีวิจารณญาณอยู่แล้วว่าอะไรดีหรือไม่ดี วิธีของจูนคือมองหาว่าสิ่งไหนสำคัญที่สุดในชีวิตเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เช่น อยากหุ่นดี อยากมีชีวิตยืนยาวอยู่กับครอบครัว อยากท่องเที่ยว เราก็จะพยายามทำสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ถึงเป้าหมาย สิ่งแวดล้อมนี้คือลุกขึ้นมาทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีใครบังคับเราได้ อยู่ที่ใจเราอยากทำหรือไม่ เหมือนตอนที่เราชอบใคร ต่อให้งานยุ่งแค่ไหนก็ไปหาได้”
ก่อนจบบทสนทนาคุณจูนทิ้งท้ายด้วย 5 ร้านที่อยากแชร์จานโปรดซึ่งคุณจูนต้องกลับไปกินเป็นประจำ ได้แก่ คำพูน ส้มตำลาวใส่มะกอก สั่งคู่กับผัดหมี่โคราช อีกา รวมอาหารจากเหนือจรดใต้ที่คนไทยและชาวต่างชาติห้ามพลาด ศาลาเตี๋ยวเรือ ตอบโจทย์คนรักเส้น บวกกับน้ำซุปเข้มข้น อร่อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม เจ๊ปุ๊ย บะหมี่แห้งลูกชิ้น กับน้ำซุปต้มยำรสจัดจ้าน และก๊ำหล่งคิทเช่น อีหมี่หม้อดิน เส้นเหนียวหนึบจากฮ่องกง พร้อมซอสสูตรพิเศษ รสเด็ดไม่เหมือนใคร
ยังมีร้านอร่อยให้ตามรอยอีกหลายร้าน กดติดตามได้ที่ @junesawitri
Tag:
Special Guest, อินฟลูเอนเซอร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น