ตอนเด็กๆ เราเรียนวิชาศิลปะอาจจะเคยได้ยินศิลปะประเภทหนึ่งซึ่งอยู่ในยุโรป นั่นคือ โมเสก ศิลปะของอิตาลีอันเก่าแก่มากกว่า 2,000 ปี ที่ใช้กระเบื้องสีสันสวยงามมาวางเรียงต่อกัน ฟังดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วกระเบื้องที่ว่ามีขนาดเล็กมาก ต้องอาศัยความประณีตสูง ถ้ายังนึกไม่ออก ลองมา “มองโมเสก” กันที่นิทรรศการนี้
นิทรรศการ Mosaico Italian code of a timeless art มองโมเสก ถอดรหัสหัตถศิลป์จากดินแดนอิตาเลีย จะทำให้เห็นผลงานโมเสกจากเมืองต่างๆ ในอิตาลีถึง 8 เมือง โดยบางงานอยู่ในคอลเลกชันฟาร์เนซีน่า (Farnesina) ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานใหญ่กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของรัฐบาลอิตาลี เนื้อหาทั้งหมดจะถูกบรรยายผ่านอุปกรณ์ซึ่งรับได้บริเวณทางเข้า คู่กับการชมจอ LED ขนาดใหญ่อย่างน่าอัศจรรย์
โซนแรก โรม (Rome) - นำเสนอผลงานโมเสกบอกเล่าความเกรียงไกรของอาณาจักรโรมัน ถูกขุดค้นพบได้จากพิพิธภัณฑ์คาปิโตลินี (Capitolini) ต่อด้วยโมเสกบริเวณผนัง และหลังคาของนัมหาวิหารนักบุญหญิงปรัสเซเด (Prassede) มหาวิหารนักบุญคอสมา (Cosma) และนักบุญหญิงดามิอาโน (Damiano)
ปอมเปอี (Pompei) – ก่อนปอมเปอีจะจมอยู่ใต้ดิน โมเสกของที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน อย่างในคฤหาสน์ของฟอน (Faun) ก็มีภาพการประจัญบานที่เมืองซิสซุ (Sissu) เล่าเรื่องการต่อสู้กันระหว่างอเล็กซานเดอร์มหาราชของโรมัน และดารีอุสมหาราช (Darius) ของเปอร์เซีย สร้างสรรค์ขึ้นมาจากกระเบื้องเป็นล้านชิ้น
โซนต่อมา อากวิเลอา (Aquileia) - ณ เมือง แห่งนี้ มีงานโมเสกซึ่งขึ้นชื่อว่าขนาดใหญ่ที่สุดของตะวันตก โดยอยู่บริเวณพื้นของมหาวิหารอัสสัมชัญของพระแม่มารีย์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก อย่างชีวประวัติท่านโยนา ผู้เป็นศาสดาพยากรณ์ / อสูรกายใต้น้ำ / สัตว์ต่างๆ ตามความเชื่อของคาทอลิก
โซนที่ 3 ราเวนนา (Ravenna) - โซนนี้เราจะได้เห็นศิลปะไบเซนไทน์ควบคู่กับโมเสกสีทองหรูหราซึ่งให้ในการออกแบบสุสานกัลลา ปลาชิเดีย (Galla Placidia) มหาวิหารนักบุญวิตาเล (Vitale) และมหาวิหารนักบุญอาโปลลีนาเร (Apollinare) แห่งเมืองกลัสเซ (Classe)
นอกจากนี้ยังมีภาพโมเสกขบวนเสด็จฯ ของจักรพรรดิจุสตินิอานุส (Justinianus) และจักรพรรดินีเทออดอรา (Theodora) ซ่อนความหมายแฝงเกี่ยวกับศาสนาและการเมือง
ไม่ไกลจากกันจะเจอโซนที่ 4 ปาแลร์โม (Palermo) / มอนเรอาเล (Monreale) - ชมโมเสกจากโบสถ์กัปเปลลา ปาลาติน่า (Cappella Palatina) อาสนวิหารแห่งมอนเรอาเล (Monreale) และโบสถ์มาร์โตรานา (Martorana) จะหยิบยกเรื่องจากพระคัมภีร์ เช่น ความเชื่อที่ว่าพระเจ้าสร้างโลกและมนุษย์ การช่วยไถ่บาป มาเล่า
ในขณะเดียวกัน นิทรรศการก็นำเสนอถึงยุคที่อิตาลีมีชาวคริสต์ อิสลาม และยิว อยู่ร่วมกันอย่างไม่มีปัญหา ถึงแม้จะพูดกันหลายภาษา อาทิ ภาษาอารบิค กรีก ฮิบรู และละติน
โซนสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด โซนที่ 5 ปิอาซซ่า อาร์เมรีนา (Piazza Armerina) - โมเสกในวิลล่าโรมานา เดล คาซาเล (Romana del Casale) จะไม่เน้นเล่าเรื่องศาสนา แต่จะเป็นภาพการใช้ชีวิตประจำวัน การล่าสัตว์ ภาพวีรบุรุษ มีภาพเทพบ้าง ผลงานที่โด่งดังคือภาพ “Bikini Girls” ซึ่งเป็นภาพผู้หญิงใส่ชุดคล้ายบิกินีในสมัยนี้
โซนสุดท้าย บาย่า (Baia) - บนจอฉายภาพการสำรวจใต้น้ำบริเวณอุทยานโบราณคดีใต้น้ำ เมืองบาย่า ที่ไม่ใช่การหาสัตว์ทะเลต่างๆ แต่เป็นการส่องโมเสกบนท่าจอเรือที่จมไปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3
ความงดงามหาชมยากแบบนี้ ได้เปิดให้เข้าชมฟรีที่มิวเซียมสยาม (Museum Siam) ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม – 25 มิถุนายน 2567
Tag:
งานศิลปะ, นิทรรศการ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น