รู้กันดีอยู่แล้วว่าชีสเป็นอาหารที่แปรรูปมาจากน้ำนมของสัตว์ และนำมาใช้ทำอาหารหลากหลายเมนูตั้งแต่ของคาวไปจนถึงของหวาน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนจนเกิดเป็นคำว่า Cheese Lover แต่ก็ต้องยอมรับว่าชีสไม่ได้ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มโดยเฉพาะคนกินวีแกน ดังนั้นจึงเกิดผลิตภัณฑ์ Vegan Cheese ขึ้นมา วีแกนชีสมักทำมาจากถั่ว หรือส่วนผสมที่เป็นแพลนต์เบส สามารถทดแทนชีสธรรมดาได้ทั้งในเรื่องเนื้อสัมผัสและรสชาติ แถมยังมีให้เลือกหลากหลายไม่แพ้ชีสธรรมดา ทำให้คนกินวีแกนไม่ต้องบอกลาการกินชีสตลอดไป
ชีสวีแกนส่วนใหญ่มักทำมาจากส่วนประกอบหลักๆ 5 ประเภท
- ถั่วเหลืองและเต้าหู้
- ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพันธุ์ เช่น อัลมอนด์ แมกคาเดเมีย พิสตาชิโอ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน
- แป้ง เช่น แป้งข้าวโพด แป้งมัน แป้งสาลีอเนกประสงค์
- กะทิหรือน้ำมันมะพร้าว
- สารปรุงแต่งต่างๆ เช่น ผงมัสตาร์ด นิวทรีชันแนลยีสต์ (Nutritional Yeast) สมุนไพรแห้ง แอปเปิลไซเดอร์
รูปแบบของชีสวีแกนก็เหมือนชีสธรรมดาทั่วไป มีทั้งชีสก้อน ชีสขูดฝอย การนำไปใช้ก็อาจจะต่างกัน ชีสวีแกนชนิดแผ่นมักนำไปทำอาหารวีแกนหรือชีสบอร์ด ส่วนชีสวีแกนชนิดขูดฝอยมักจะใช้เป็นส่วนประกอบของทาโก้บ้าง ใส่บนหน้าพิซซาหรือลาซานญาบ้าง ถ้าเป็นซอฟต์ครีมชีสวีแกนก็นำไปทาขนมปัง ทำชีสดิปผักโขมอาร์ติโชก หรือชีสเค้กก็ใช้ชีสวีแกนแบบครีมชีสได้ จะเห็นว่าไม่ได้แตกต่างกับการใช้ชีสธรรมดาเลย เพราะฉะนั้นคนกินวีแกนสามารถเอนจอยมื้ออาหารที่มีชีสได้
บางคนอาจคิดว่าชีสวีแกนเป็นอาหารค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่จริงๆ แล้วทุกวันนี้มีชีสวีแกนหลายแบรนด์ เช่น Daiya, Violife, Follow Your Heart ส่วนของไทยเองก็มีเหมือนกัน เช่น Trumpkin, Green & Sunny, Wild Grains Bakery ฯลฯ หรือถ้าหาซื้อง่ายหน่อยก็จะเป็นชีสวีแกนชนิดแผ่นของ Imperial แบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคย
ชีสวีแกนช่วยรักษ์โลกได้จริงหรือ?
ไม่ว่าจะเป็นอาหารชนิดใดก็ตาม กระบวนการผลิตก็เป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่บรรยากาศ การผลิตชีสก็เช่นกัน จากงานวิจัยพบว่าถ้าเรากินชีสวันละ 30 กรัม เป็นเวลา 1 ปี จะเท่ากับเราปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ไปถึง 352 กิโลกรัม แต่ส่วนผสมของชีสวีแกนมักปล่อยปริมาณคาร์บอนฯ ต่ำกว่าอยู่แล้ว ถ้าเทียบการกินถั่ววันละ 1 กำ ครบ 1 ปี เราจะปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เพียงแค่ราวๆ 5 กิโลกรัม
นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว จริยธรรมต่อการเลี้ยงสัตว์ก็เป็นเรื่องที่คนกินวีแกนคำนึงถึงมาก เพราะการจะนำน้ำนมจากแม่วัวมาทำชีสได้นั้นจะต้องแยกแม่วัวกับลูกวัวออกจากกัน ไม่เช่นนั้นจะรีดนมยากจนทำให้แม่วัวบางตัวเกิดความเครียดสะสม ซึ่งชาววีแกนถือเป็นการทำร้ายสัตว์
แต่ก็ยังไม่มีใครยืนยันได้แน่ชัดว่าการกินชีสวีแกนดีต่อโลกมากกว่า เพราะผู้ผลิตบางรายก็ใช้ส่วนผสมที่ผ่านกระบวนการซึ่งรบกวนธรรมชาติอย่างโหมกระหน่ำเช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดไม่ว่าจะกินชีสธรรมดาหรือชีสวีแกนก็คงต้องพิจารณากันให้ดีๆ ว่าทางบริษัทผู้ผลิตได้รับการรับรองอย่างถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นความอร่อยที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากเกินไป
Tag:
Nice To Know, ชีส, วีแกน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น