ครอบครัวคือจุดเริ่มต้นหล่อหลอมตัวตนที่เข้มแข็งและมองโลกในแง่งามของแพร กมลกานต์ ศรีมงคล เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น Shinsoko Sushi ที่ส่งตรงรสชาติระดับพรีเมียมจากประสบการณ์การเป็นนักชิมตัวยงมาบรรจงสร้างสรรค์จานเด็ดประจำร้าน
เราได้มีโอกาสพูดคุยถึงเส้นทางการเป็นนักชิมของคุณแพรและครอบครัวซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกและข้อคิดดีๆ แม้จะไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้ทั้งหมดด้วยข้อจำกัดของหน้ากระดาษ ทว่าเพียงบางช่วงตอนที่นำเสนอก็เชื่อว่าคุณผู้อ่านจะอ่านไปอมยิ้มไปเหมือนกับเราแล้วล่ะ
ย้อนกลับไปในวัย 2-3 ขวบแม้จะยังเล็กมากแต่คุณแพรก็เริ่มฝันอยากเดินทางท่องโลก ซึ่งโอกาสก็ผ่านมาเป็นระยะถักทอความฝันอันสวยงามไม่สิ้นสุด ทว่าการเดินทางครั้งที่จุดประกายความคิดเกี่ยวกับของกินอร่อยๆ นั้นเกิดขึ้นตอน ป. 2 (เด็กจัง) เมื่อครั้งเดินทางไปประเทศจีน คุณแพรสังเกตอาหารการกินของคนท้องถิ่นว่ามีรสชาติแปลกและแตกต่างจากบ้านเรา การผสมผสานของวัตถุดิบที่ไม่คุ้นเคยร่วมกับเทคนิคการปรุงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ส่งผลให้เด็กน้อยในวันนั้นสนใจเรื่องของอาหารการกินตลอดมา
“ม. 4 แพรมีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่สหรัฐฯ พอครบ 1 ปีถึงเวลาต้องกลับเมืองไทยเริ่มงอแงแล้วไม่อยากกลับ อยากเรียนต่อต่างประเทศเลยขอคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็อนุญาตและจัดหาโรงเรียนประจำให้ที่แคนาดา ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในชีวิตหลายอย่างรวมทั้งการได้เรียนรู้อาหารนานาชาติจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วย”
คุณแพรเล่ามาถึงตรงนี้เราจึงถือโอกาสถามคุณแม่ชุติมาเกี่ยวกับการส่งคุณแพรไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพังในวัยเยาว์ ซึ่งคุณแม่ตอบคำถามของเราด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“คนถามแม่เยอะมากว่าไม่ห่วงลูกหรือ ห่วงค่ะ แต่แม่มองว่าสังคมเราแข่งขันกันสูง ลูกต้องเจอเรื่องยากๆ อีกมากมายในวันข้างหน้า ทำยังไงให้ลูกเข้มแข็งและยืนอยู่ได้แม้ในวันที่ไม่มีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง แม่จึงตัดสินใจให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งเขาก็ทำได้ดี”
คุณแพรเสริมว่า “การอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพังทำให้เราได้เรียนรู้ความผิดพลาดและการแก้ปัญหา เราจะรู้ว่าทำแบบนี้แล้วปัญหาอะไรจะตามมา ทำให้ต้องระมัดระวังและตั้งใจมากขึ้นในทุกเรื่อง”
“เราต้องปรับตัวและเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับเพื่อนต่างชาติ ซึ่งไม่ใช่เราคนเดียว ทุกคนต้องเรียนรู้เหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำลายกำแพงความแตกต่างและเชื่อมโยงพวกเราให้เข้าถึงกันได้อย่างง่ายดายนั่นก็คือของกิน (หัวเราะ) เบื่ออาหารโรงเรียนเราก็จะทำกินกันเอง สลับกันทำเลยได้กินอาหารหลายชาติ ได้รู้ว่ารสชาติดั้งเดิมของอาหารแต่ละชาติเป็นอย่างไร แม้วัตถุดิบในต่างแดนจะหายากแต่เราก็หามาจนได้ ทุกคนจะพรีเซนต์อาหารของตัวเองเต็มที่ รวมทั้งอาหารไทยของเราด้วย” (หัวเราะ)
ไม่เพียงกลุ่มเพื่อนที่ชื่นชอบการกิน ครอบครัวของคุณแพรก็จัดเป็นนักชิมตัวยงระดับลิ้นมังกร สามารถแยกแยะรสชาติและวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบในอาหารแต่ละจานได้อย่างแม่นยำ
“ครอบครัวเรามักใช้เวลาว่างตระเวนกินทั้งในและต่างประเทศ เวลาไปเที่ยวต่างประเทศเราจะมีลิสต์ร้านต้องกินเยอะมาก บางทริปมีแต่แผนกิน ไม่มีแผนเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ที่คนนิยมไปกันด้วยซ้ำ (หัวเราะ) ในเมืองไทยเราก็ตระเวนกินไปทุกที่ สตรีทฟู้ดร้านดังระดับตำนานเราไปหมด บางร้านอยู่ในตรอกลึกเข้าออกยากก็ไม่พ้นความสามารถในการเสาะแสวงหาของเรา” เมื่อถามถึงร้านโปรดคุณแพรกับคุณแม่ช่วยกันบอกยาวเหยียด อาทิ เย็นตาโฟสะพานเหลือง ข้าวต้มปลาเศรษฐี คั่วไก่วรจักร เป็นต้น ในช่วงนี้เราได้เห็นทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคุณแม่และคุณลูกที่ต่างแชร์ช่วงเวลาอันแสนสุข จนเราอยากตามรอยไปกินเสียเดี๋ยวนั้น (ฮา!)
“สมัยก่อนเราติดใจรสชาติอาหารญี่ปุ่นอยู่ร้านหนึ่งพอปิดตัวไปเสียดายมาก มองหาร้านอื่นก็ไม่มีรสชาติแบบเดียวกัน พอมีโอกาสเปิดร้าน Shinsoko Sushi ที่เปรียบเสมือนผลผลิตจากความรักในการกินของครอบครัว เราจึงนำรสชาตินั้นกลับมา ไม่เพียงได้กินรสชาติที่ชื่นชอบแต่ยังส่งต่อให้กับคนรักอาหารญี่ปุ่นได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติที่อร่อยและหากินได้ยากเหมือนกับเรา”
Shinsoko Sushi เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมเหมาะกับผู้หลงใหลรสชาติแบบต้นตำรับ บรรยากาศอบอุ่นสไตล์ครอบครัว มีคุณแม่ชุติมาคอยดูแลลูกค้าอย่างเป็นกันเอง ส่วนคุณแพรเมื่อว่างเว้นจากภารกิจประจำก็แวะเวียนมาช่วยคุณแม่ที่ร้านเสมอ
คุณแพรทิ้งท้ายไว้ว่า การใช้เวลาว่างทำในสิ่งที่รักร่วมกัน ไม่เพียงได้ลิ้มรสอาหารจานเด็ด เหนือสิ่งอื่นใดคือช่วงเวลาดีๆ ที่สมาชิกในครอบครัวจะได้แชร์เรื่องราวระหว่างกันต่างหาก
Tag:
, Interview, ร้านอาหารญี่ปุ่น, แพร กมลกานต์,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น