รู้หรือไม่? คนไทยขาดวิตามินดี เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน เฉลี่ยปีล่ะ 2.5-3% ของจำนวนประชากร

วันที่ 13 พฤษภาคม 2567  247 Views

แพทย์ชี้คนไทยขาดวิตามินดี เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน  เฉลี่ยปีล่ะ 2.5-3% ของจำนวนประชากร

หลาย ๆ คนอาจคิดว่า แสงแดด” เป็นอันตรายต่อผิว ทั้งสร้างริ้วรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ ทำให้มองข้ามประโยชน์ของแสงแดดไป แต่รู้หรือไม่? ว่าแดดอ่อนๆ ในยามเช้าและช่วงเย็น ช่วยเพิ่มวิตามินดี ทำให้กระดูกแข็งแรง ลดภาวะเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน

จากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายรับแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดภาวะความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ซึ่งพบผู้ป่วยสูงถึง 2.5-3 % ของจำนวนประชากรไทย ในทุกเพศทุกวัย

แพทย์ชี้คนไทยขาดวิตามินดี เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน  เฉลี่ยปีล่ะ 2.5-3% ของจำนวนประชากร

นพ.พีรพงษ์ สวัสดิพงษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม และการฝังเข็มลดปวดตามศาสตร์แพทย์แผนจีน รพ.พระรามเก้า กล่าวว่า ในปัจจุบันคนไทยมีภาวะขาดวิตามินดีสูงมาก ยิ่งตรวจยิ่งเจอ และพบในทุกเพศทุกวัย เฉลี่ยคนไข้ 100 คน จะตรวจพบว่าคนไข้มีภาวะขาดวิตามินดีประมาณ 30-40% คน สาเหตุมาจากคนไทยกลัวแดดมากเกินไป  ในความเป็นจริงแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า เมื่อซึมผ่านเข้าไปใน

ผิวจนถึงชั้นผิวหนัง จะช่วยให้ร่างกายสร้างวิตามินดีได้ดีมาก จะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดภาวะเสี่ยงการเป็นโรคกระดูกพรุนในอนาคต เมื่อเข้าสู้วัยผู้สูงอายุ

การขาดวิตามินดี” เกี่ยวข้องกับโรคกระดูกพรุนอย่างไร หลายๆคนคงสงสัยและเกิดคำถามมากมาย นพ.พีรพงษ์ สวัสดิพงษ์ ให้ข้อมูลต่อว่า วิตามินดี” มีประโยชน์มากมาย เป็นตัวช่วยดูดซึมแคลเซียมที่รับประทานเข้าไปเพื่อเสริมสร้างกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่คาดไม่ถึง เช่น ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ อีกทั้งยัง คลายความเครียด ลดอาการโรคซึมเศร้า ได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อคนไทยเกิดภาวะขาดวิตามินดี แน่นอนว่า กระดูกของเรา” จะไม่แข็งแรง เปราะบาง เกิดการหักได้ง่าย

โรคกระดูกพรุน” เป็นเหมือนภัยเงียบ เพราะจะไม่แสดงอาการของโรค จนกว่าจะเกิดกระดูกหัก นพ.พีรพงษ์ เปิดเผยข้อมูลต่อว่า จากการศึกษาทางการแพทย์ เริ่มมีการศึกษาเรื่องกระดูกพรุน อย่างจริงจังในช่วง 10-20 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่า อาการกระดูกหัก เปราะบาง ในผู้สูงอายุ และผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน” คือ โรคกระดูกพรุน” ที่สะสมมานานเป็นเวลาหลายสิบปี

โรคกระดูกพรุน” เกิดจากการสลายของเนื้อกระดูกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มวลกระดูกลดลง ส่งผลให้กระดูกไม่แข็งแรง เปราะบางทำให้มีโอกาสกระดูกหักผิดรูปได้ง่าย ระยะเวลาในการเกิดโรคหลายปี โดยปกติในร่างกายคนเรา จะมีเซลล์สร้างกระดูกและเซลล์ทำลายกระดูก ที่ทำหน้าที่สร้างและสลายกระดูกอย่างสมดุลกัน โดยเซลล์สร้างกระดูกจะทำหน้าที่นำแคลเซียมที่ร่างกายดูดซึมมาใช้สร้างกระดูกให้แข็งแรง แต่เมื่อกระดูกได้รับบาดเจ็บหรือเสื่อมสภาพตามอายุ เซลล์ทำลายกระดูกก็จะทำหน้าที่ย่อยสลายกระดูกในส่วนนั้น เพื่อให้เซลล์สร้างกระดูกมาทำหน้าที่สร้างกระดูกใหม่ชดเชยกระดูกส่วนที่ถูกสลายไป

เราจะรู้ได้ยังไงว่าเริ่มมีอาการของ โรคกระดูกพรุน” โรคกระดูกพรุน คือ ภัยเงียบที่ทุกคนต้องระวัง โดยเราสามารถสังเกต 4 สัญญาณของโรค ได้ดังนี้

  1. ส่วนสูงลดลงมากกว่า 4 เซนติเมตรจากความสูงเดิม
  2. หลังค่อมงุ้มลงเนื่องจากกระดูกสันหลังแตกยุบ
  3. มีอาการปวดกระดูกเรื้อรัง
  4. กระดูกข้อมือหรือกระดูกสะโพกหักง่าย โดยอาการนี้มักจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ส่วน สาเหตุในการเกิดโรคกระดูกพรุน มีดังนี้

  1. การขาดวิตามินดี
  2. การขาดแคลเซียม
  3. พันธุกรรม หากในครอบครัวมี ปู่ย่า  ตายาย ที่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน จะส่งผลให้ลูกหลานในครอบครัวมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงขึ้น
  4. เกิดจากการใช้ ยา” บางชนิดที่ส่งผลให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง เช่น สเตียรอยด์ซึ่งใช้รักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคหอบหืด ยารักษาโรคกระเพาะอาหาร ยาต้านการแข็งตัวของโลหิต
  5. การสูบบุหรี่ หรือการดื่มสุราเป็นประจำ

โดยวิธีง่ายๆ ในการป้องกัน โรคกระดูกพรุน” คือ

  1. ออกกำลังกายกลางแจ้งในบริเวณที่มีแสงแดดอ่อนๆสม่ำเสมอทุกวัน เน้นการออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก
  2. หากมีอาการปวดตามข้อหรือปวดกระดูกไม่ว่าจากสาเหตุใด ควรรีบปรึกษาแพทย์
  3. รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นมวัวชนิดไขมันต่ำหรือรับประทานแคลเซียมให้ได้ถึงวันละ 600 มิลลิกรัม หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม
  4. งดการดื่มสุราและสูบบุหรี่
  5. ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เช่น ยาลูกกลอน เพราะอาจมีสเตียรอยด์ผสมอยู่ ทำให้เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนได้
  6. ถ้าเป็นไปได้แนะนำตรวจวัดระดับวิตามินดีในร่างกายทุกๆปี หากพบว่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

สำหรับวิวัฒนาการ การรักษา” โรคกระดูกพรุน” ในปัจจุบัน ค่อนข้างจะทันสมัยมากขึ้นตามลำดับ โดยแพทย์จะเริ่มต้นการด้วยการตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกด้วยเครื่องเอกซเรย์สำหรับวัดความหนาแน่นของกระดูกโดยเฉพาะ ใช้ปริมาณรังสีเอกซเรย์ที่ต่ำกว่าการเอกซเรย์ทรวงอก และตรวจภาวะการขาดวิตามินดี เมื่อพบว่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แต่อาการของโรคอยู่ในระยะแรกเริ่ม แพทย์จะรักษาโดยการให้แคลเซียมและวิตามินดี ร่วมกับกระตุ้นให้ออกกำลังกาย แต่หากโรคกระดูกพรุนอยู่ในขั้นรุนแรงร่วมกับประเมินแล้วมีความเสี่ยงต่อกระดูกหักที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต แพทย์จะมี วิธีการรักษา ดังนี้

  1. การให้ยารักษาโรคกระดูกพรุนกลุ่มชี้เป้า โดยทานสัปดาห์ล่ะ 1 เม็ด หรือฉีดปีละ 1 ครั้ง
  2. การฉีดยายับยั้งการทำงานของเซลล์สลายกระดูก โดยยาชนิดนี้จัดเป็นโปรตีน คือเป็น monoclonal antibody ทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานเซลล์สลายกระดูก ซึ่งจะฉีด 6 เดือน ต่อ 1 เข็ม
  3. ฉีดฮอร์โมน “พาราไทรอยด์” ซึ่งสังเคราะห์เลียนแบบที่ร่างกายผลิตขึ้น ทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้เซลล์สร้างกระดูกให้ทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น

เมื่อได้อ่านข้อมูล โรคกระดูกพรุน” ที่คุณหมอกล่าวมาเบื้องต้นแล้ว หลายๆคนที่กลัวการออกกำลังกายกลางแดด ควรปรับทัศนคติและความคิดใหม่ แสงแดดไม่ได้อันตรายอย่างที่เราคิด ร่วมกับการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ลดเค็ม เน้นโปรตีนที่เหมาะสม และหากท่านสังเกตว่าตัวเองหรือคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่อายุมากกว่า 50 ปี มีอาการความเสี่ยงการเป็น โรคกระดูกพรุน” สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ โรงพยาบาลพระรามเก้า หรือ Website : www.praram9.com / Facebook : Praram 9 hospital / Line : lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital หรือโทร. 1270


Tag: การดูแลสุขภาพ, วิตามิน, โรคกระดูกพรุน

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed