ปีใหม่ทั้งทีลองมาดูกันดีกว่าว่าแวดวงอาหารการกินของไทยจะไปในทิศทางไหนบ้าง กับ 5 เทรนด์อาหารที่ฉายแววรุ่งตั้งแต่ปี 2023 และคาดว่าในปี 2024 น่าจะมีการเติบโตอย่างชัดเจนมากขึ้นไปอีก
เริ่มกันที่เมนู อาหารสีแดง ที่กำลังปังอย่างไม่หยุดหย่อน เช่น อาหารรสเผ็ดอย่างหม่าล่า ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนมาเปิดก็ทำเอาคิวยาวเป็นหางว่าว อาจเพราะรสสัมผัสแสนจัดจ้านบวกกับความชาซึ่งเป็นอาฟเตอร์เทสที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ถูกปากคนไทยเป็นอย่างมาก
มาต่อกันที่ ร้านอาหารไฟน์ไดนิง ที่กระแสความนิยมยังคงล้นหลาม เพราะร้านแนวนี้จะเน้นเรื่องการมอบประสบการณ์การกินที่ดีที่สุดให้กับแขกผู้มาเยือน ให้กลับบ้านไปพร้อมกับความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน ด้วยคุณภาพของอาหาร พร้อมจัดจานมาอย่างเลิศหรู ผนวกกับการบริการที่ดีเลิศ ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจกันมากขึ้น และเป็นผลต่อเนื่องส่งให้มีร้านไฟน์ไดนิงหน้าใหม่เปิดกันอย่างคับคั่ง
แต่ในปัจจุบันการกิน อาหารเป็นยา ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปจากวงการแต่อย่างใด ด้วยการศึกษาที่ส่งเสริมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของอาหารถูกกระจายออกไปตามสื่อโซเชียลต่างๆ ทำให้มีผู้สนใจและติดตามอย่างแพร่หลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการกินยาเพื่อรักษาโรค รวมถึงร้านอาหารในเมืองไทยก็หันมาให้ความสำคัญกับการใส่วัตถุดิบที่มีประโยชน์ลงไปในจานอาหารด้วย แน่นอนว่ากระแสของเรื่องนี้จะต้องได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่ การกินอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือการลดขยะอาหาร ก็ตีคู่มาพร้อมกับการกินเพื่อสุขภาพข้างต้น อาจเพราะคนยุคใหม่เริ่มใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ในช่วงหลังๆ มานี้ทั้งร้านอาหารและทีมเชฟเริ่มให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการผลิตอาหาร การทำฟาร์มอย่างยั่งยืน การเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์
อีกหนึ่งวัฒนธรรมอาหารการกินที่มาแรงแซงทางโค้ง คงต้องยกให้ การกินอาหารคนเดียว หรือ Solo Dining ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น หรือเพราะกระแสอินโทรเวิร์ตที่พบเห็นบ่อยในช่วงนี้ (แซว) ทำให้มีร้านอาหารที่รองรับการกินข้าวคนเดียวผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ส่วนใหญ่จะพบในร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่าง ชาบู หรือร้านอาหารขนาดกะทัดรัดที่มีเคาน์เตอร์บาร์ที่นั่งเดี่ยวนั่นเอง
Tag:
Fine Dining, เทรนด์อาหาร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น