หลายคนอาจคุ้นชินกับนมข้นหวานตรา Palace ที่อยู่บนเชลฟ์ในคอนวีเนียนสโตร์ หรือโมเดิร์นเทรด แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าผลิตโดยบริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด บริษัทสัญชาติไทยที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 50 ปี

จุดเริ่มต้นจากธุรกิจ HORECA ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก ต่อมาธุรกิจร้านกาแฟได้รับความนิยมอีกทั้งยังมีผู้เล่นในตลาดน้อย จึงมองเห็นโอกาสนำมาสู่การสร้างแบรนด์ Palace ในปี พ.ศ. 2545 ซึ่งนับถึงวันนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 21 แล้ว

คุณกฤษณพน ปฏิมาวิรุจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด ทายาทรุ่นที่ 2 ได้ให้สัมภาษณ์กับ G&C ถึงกลยุทธ์ในการรุกตลาดปี พ.ศ. 2567 ไว้ดังนี้ “แม้ในตลาดจะมีคู่แข่งหลายราย แต่เราก็มีฐานลูกค้าเหนียวแน่นซึ่งให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีเสมอมา สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 1,000 ล้านบาท/ปี ผ่านหลายช่องทางจัดจำหน่าย ทั้งในโมเดิร์นเทรด เทรดิชันนอลเทรด และคอนวีเนียนสโตร์ ด้วยแพ็กเกจที่สะดวกกับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบกระป๋อง หลอดบีบ และถุง

“จุดเด่นของเราคือการส่งมอบคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า ผลิตจากวัตถุดิบนำเข้า นอกจากขายภายใต้แบรนด์ตัวเองยังรับจ้างผลิตหรือ OEM อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการส่งออกในกลุ่ม CLMV แคนาดา และแอฟริกาใต้ ในอนาคตยังมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การวิจัยและพัฒนาคือหัวใจสำคัญของบริษัทฯ เราจึงมีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 4 ไอเทมต่อปี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าให้มากขึ้น”

ในปี พ.ศ. 2567 คุณกฤษณพนคาดการณ์ว่าแนวโน้มยอดขายจะยังคงเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความนิยมในอาหารไทยที่กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ไปแล้ว ทางบริษัทฯ จึงตั้งเป้าดันยอดขายปี 67 โดยเน้นทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดจำหน่าย รวมถึงโปรโมตทุกช่องทางเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น ทั้งนี้ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ผู้บริโภคในปัจจุบันจะพิถีพิถันกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ยังเอนจอยกับของหวานโดยถือเป็นปัจจัยเสริมที่เติมเต็มความสุขให้กับชีวิต นอกจากนี้ยังเน้นเจาะกลุ่มวีแกนที่มีแนวโน้มเติบโตเช่นเดียวกัน รวมถึงการต่อยอดธุรกิจไปสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการเข้าร่วมกับเทศกาลอาหาร หรือรายการแข่งขันทำอาหารต่างๆ เป็นต้น

การประกอบธุรกิจยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษย่อมต้องผ่านวิกฤติสำคัญมาหลายครั้ง คุณกฤษณพนได้แชร์ประสบการณ์ดังกล่าวว่า “ครั้งแรกคือน้ำท่วมใหญ่ปี พ.ศ. 2554 โรงงานผลิตนมข้นหวานทั้งหมดประสบปัญหาไม่สามารถผลิตสินค้าได้ มีเพียงบริษัทฯ ของเราที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางชันที่รอดพ้นจากวิกฤติดังกล่าว สามารถเดินเครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ นับเป็นโอกาสท่ามกลางวิกฤติที่สร้างยอดขายได้สูงถึง 1,800 ล้านบาท ถัดมาคือวิกฤติโควิด-19 ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือภาคการท่องเที่ยว ซึ่งธุรกิจ HORECA ที่เป็นช่องทางหลักของเราก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงหันไปเปิดตลาดต่างประเทศมากขึ้น ร่วมกับแนวทางแก้ปัญหาภายในต่างๆ เพื่อประคับประคองสถานการณ์จนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

“จากเดิมที่เน้นลูกค้า B2B เป็นหลัก ทำให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพร้อมตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม B2C ให้มากขึ้น โดยเน้นทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์ควบคู่กับออนกราวนด์มากขึ้น รวมถึงการทำโปรโมชัน ณ จุดขาย มีการจัดแคมเปญชิงโชคซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมาก ปีหน้าเราก็จะจัดแคมเปญนี้อีกครั้งแต่จะมีรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม”

นอกจากนมข้นหวานพาเลซซึ่งเป็นสินค้าเรือธงในรูปแบบ B2C บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เจาะกลุ่มตลาด B2B ที่น่าสนใจอย่างเนย ชีส ผักดอง มะกอกดอง เคเปอร์ และมะเขือเทศกระป๋อง โดยเฉพาะมะเขือเทศกระป๋องที่สร้างยอดขายถล่มทลายในธุรกิจ HORECA เนื่องจากเป็นมะเขือเทศเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ปอกด้วยมือ เชฟชื่อดังจากร้านต่างๆ จึงนิยมนำไปทำอาหาร เพราะมั่นใจในความปลอดภัย ไร้สารเคมี

บทสัมภาษณ์นี้ทำให้เราและคุณผู้อ่านได้รู้จักนมพาเลซ และบริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัดมากยิ่งขึ้น ซื้อนมข้นหวานครั้งต่อไปต้องมี Palace อยู่ในใจแน่นอน

Tag: Food in Biz, นมข้นหวาน