ในช่วงบ่ายที่แดดอุ่นเดือนพฤศจิกายนเช่นนี้ G&C คัด 13 ทีรูมที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นน่าค้นหามาฝากคนรักชา ทั้งบรรยากาศ ชาร้อนหอมกรุ่น เมนูคาวหวานชิ้นเล็กน่ากิน
★1. The Author’s Lounge โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ★
Where? : คลาสสิกและสง่างาม The Author’s Lounge โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ห้องน้ำชาในตึกโคโลเนียลสีขาวที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 147 ปีก่อน (ตั้งแต่ประเทศสยามยังไม่มีไฟฟ้าใช้)
Why we love this place? :
บริเวณห้องโถงใน The Author’s Lounge เคยเป็นพื้นที่โรงแรมโอเรียนเต็ลทั้งหมด เป็นทั้งล็อบบี้ เป็นห้องอาหาร และเสิร์ฟชายามบ่าย ที่นี่เราจะได้เห็นบันไดวนสุด Iconic ประดับด้วยภาพที่เกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 5 เนื่องจากในอดีตพระองค์ท่านได้เสด็จมาที่แห่งนี้ด้วยพระองค์เอง ส่วนด้านในเป็นรูปของนักประพันธ์ชื่อดัง และโปรดสังเกตกระจกบานใหญ่ศิลปะแบบยุโรปอายุกว่า 100 ปี เดิมเคยตั้งอยู่ในห้องพักของโรงแรม ซึ่งในอดีตนับเป็นเรื่องยากที่จะเห็นกระจกลวดลายเช่นนี้ในพระนคร
และเพราะโอเรียนเต็ลเป็นโรงแรมแรกของไทย จึงอาจกล่าวได้ว่าที่นี่เป็นโรงแรมแรกที่มีการเสิร์ฟอาฟเตอร์นูนที
The Details
สมัยก่อนแขกของโรงแรมเดินทางด้วยเรือ รถม้า และรถราง เมื่อมองไปทางเข้าฝั่งสวนสวยริมน้ำซึ่งเป็นทางเข้าโรงแรมในอดีตจะพบรูปปั้นสุภาพสตรี 2 ท่านยืนถือโคมไฟ ในวันแรกที่โรงแรมมีไฟฟ้าใช้โคมไฟก็สว่างไสวไปด้วยจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 100 ปีที่รูปปั้นทั้ง 2 ยังยืนอยู่อย่างสง่างาม (เพราะเมื่อค้นรูปกลับไปในปี ค.ศ.1900 ทั้งคู่ก็ยืนเด่นอยู่ในรูปแล้ว!)
Don’t Miss! :
เปิดหนังสือเจอขนม
The Author’s Lounge ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้เหล่านักเขียนหลายท่านซึ่งเคยเข้าพักที่โรงแรมพร้อมกับเขียนงานไปด้วย รูปแบบของอาฟเตอร์นูนทีของที่นี่จึงไม่ใช้ชั้นวางขนมทรงสูง แต่มาในรูปแบบของหนังสือเล่มใหญ่ เมื่อเปิดหนังสือออกมาก็จะเจอกับขนมคาวหวานด้านใน มีรถเข็นมาถึงที่โต๊ะคล้ายกับการเสิร์ฟแบบเกริดอง (Gueridon) ของฝรั่งเศส
เชฟเล่าเรื่องราวความอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วงผ่านเมนูคาวหวาน อาทิ ฟัวกราส์เสิร์ฟในถ้วยทาร์ตกับแอปเปิลเขียว ทาร์ตเห็ดและแบล็คทรัฟเฟิล แซนด์วิชหอยเชลล์กับฟักทอง แซลมอนหมักบีทรูทเสิร์ฟกับซาวร์ครีม เค้กวานิลลาแครมบูร์ว์เลสไตล์เฟรนช์โทสต์ มูสเค้กส้มยูซุแชมเปญ และแน่นอนว่ามีสโคนที่หลายคนหลงรักคู่กับคล็อตเต็ดครีม ชีสมาร์คาร์โปน หรือเนย ที่ไปด้วยกันได้ดีกับชา TWG
นอกจากนี้ยังมีเซ็ตชุดน้ำชาแบบไทยพร้อมของว่างแสนอร่อย และเซ็ตน้ำชายามบ่ายมังสวิรัติและปราศจากกลูเตนไว้เป็นอีกทางเลือก
Mandarin Oriental Bangkok Tea
ชากลิ่นพิเศษที่เบลนด์เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปีของโรงแรม ชาเขียวเบลนด์กับชาขาว Yin Zhen ล้อไปกับสีห้องทีรูม หอมกลิ่นจัสมินและลาเวนเดอร์ อาฟเตอร์เทสต์เป็นกลิ่นวานิลลา สื่อถึงความเป็นผู้หญิงที่มีความสง่างาม เรียบโก้ ซึ่งนักเบลนด์ชาได้แรงบันดาลใจจากมุมมองของชาวต่างชาติที่เปรียบโรงแรมว่าเหมือนสตรีผู้สูงศักดิ์
พิกัด : โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ 48 ซอยโอเรียนเต็ล อเวนิว แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพ
เบอร์โทร : 0-2659-9000
Facebook : Mandarin Oriental, Bangkok
★2. โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ★
Where? : เป็นอาฟเตอร์นูนทีที่คอนเซ็ปต์ชัดเจนและน่าชื่นชม The Verdant Afternoon Tea ชุดชายามบ่ายที่ Lobby Lounge โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ที่สร้างความประทับใจให้ตั้งแต่เดินเข้ามาด้านในโรงแรม
Why we love this place? :
เซอร์ไพรส์หมายเลข 1
ก่อนจะตัดสินใจจับจองที่นั่งสำหรับชายามบ่าย สายตาเราก็โดนขโมยไปเสียก่อน ด้วยความโอ่งโถงของล็อบบี้เพดานสูงซึ่งคว้ารางวัล Best Hotel Lobby Interior of Thailand and Best International Hotel Lobby Interior จาก International Property Awards มาครอง รับแสงแดดจากธรรมชาติที่ส่องผ่านประตูทางเข้าทรงโค้ง มองไปทางไหนก็เจอกับสีเขียวร่มรื่น ตั้งแต่ต้นจิกน้ำ 3 ต้นที่จัดฟอร์มให้โค้งสวยเหมือนบอนไซบริเวณทางเข้า สู่ Gazebo ซุ้มสวยในล็อบบี้เลาจน์ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้จริง มองทะลุไปถึงสวนชีวาอันไปด้วยพันธุ์ไม้หายากด้านหลัง อีกทั้งยังออกแบบให้ลมพัดผ่านทุกทิศทาง (และทำรีเสิร์ชอย่างจริงจังว่าอากาศจะเย็นกว่าด้านนอก 2 องศาฯ) สงบและร่มรื่นจนลืมไปชั่วขณะว่าเรากำลังอยู่ในเขตแดนรถติด
วางแก้วชาแล้วเดินออกไปตามหาต้นโพธิ์อายุ 80 ปีต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในสวนชีวา แม้โรงแรมจะเปิดมาเพียง 3 ปี แต่ต้นไม้ใหญ่ของที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นต้นไม้เก่าแก่ของที่ดินก่อนสร้างโรงแรมและได้รับการดูแลอย่างดี
เซอร์ไพรส์หมายเลข 2
ในเมื่อต้นไม้ของที่นี่เป็นไฮไลต์ จึงเกิดเป็นชุดชายามบ่ายอันโด่งดัง The Verdant Afternoon Tea ที่แค่ยกมาที่โต๊ะก็ตื่นเต้น ดิสเพลย์เป็นกิ่งต้นสารภี ใบไม้เป็นแกลบข้าวย้อมสี ส่วนฐานสีน้ำตาลของชุดน้ำชาทำจากวัสดุเหลือใช้ทั้งใยมะพร้าวและแกลบข้าว ส่วนภาชนะสีขาวสำหรับใส่ขนมก็ทำจากแกลบข้าวเช่นกัน
Don’t Miss! :
มีต้นไม้แล้วก็ควรหมั่นรดน้ำ ตอนเสิร์ฟที่นี่มีกิมมิกเก๋ๆ เป็นดรายไอซ์สีขาวลอยขึ้นจากฐาน ลอยละล่องเพิ่มความน่าสนใจให้ขนมคาวหวาน 10 ชนิด เริ่มต้นการเสิร์ฟด้วยกรานิตาเพิ่มความสดชื่นที่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ครั้งนี้เชฟเสิร์ฟ กรานิตาเมล่อน ผสมมะพร้าวในกะลามะพร้าวที่ทำจากดาร์คช็อกโกแลต สคอน รสชาติคลาสสิคและสคอนลูกเกด มาพร้อมแยมสตอรว์เบอร์รี่ คล็อตเต็ตครีม และเลมอนเคิร์ด เมนูคาวก็เด่นหลายคำ ทั้ง ฟัวกราส์โรล สก็อตติชแซลมอนทาทาร์ ขนมปังซาวร์โดและไก่โคโรเนชั่น ของหวาน เรารัก เดอะ ทาร์ต ทาร์ตสอดไส้วานิลลาจากเชียงใหม่แซมรสเปรี้ยวด้วยราสป์เบอร์รี่เจลลาติน ส่วนชาที่ได้รับความนิยมคือ Red Rose ชาออร์แกนิกอบจากกลีบกุหลาบกลิ่นหอมจรุง และ Peach Blossom ที่มีความฟรุตตี้จากแบรนด์ Ronnefeldt
Sri Sindthorn ชาเบลนด์พิเศษของสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ แม้ไม่ได้อยู่ในชุดอาฟเตอร์นูนทีแต่เราก็อยากให้ลอง นำไปชงเป็นชา His ชาดำที่มีความเข้ม ส่วน Her เป็นชาขาวที่มีความละมุนนุ่มเบา
พิกัด : โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ 80 ซอย ต้นสน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ
เบอร์โทร : 0-2095-9999
Facebook : Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok
★3. โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ★
Where? : เพราะคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับฤดูกาลเป็นพิเศษ ชุดน้ำชายามบ่ายที่ Up & Above Bar โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จึงอวลไปด้วยกลิ่นอายและสีสันของดอกไม้ของแต่ละฤดูกาลที่เวียนผ่านไปในแต่ละปี ความน่าสนใจอยู่ที่แม้จะเป็นฤดูกาลเดิม แต่เมนูคาวหวานที่เสิร์ฟ จะถูกคิดขึ้นมาใหม่
เริ่มต้นเดือน ม.ค.-มี.ค. Tsubaki Afternoon Tea ชุดน้ำชายามบ่ายของโรงแรมได้แรงบันดาลใจจากโทนสีแดงดอกซึบากิ หรือดอกคามิเลียญี่ปุ่นที่จะบานสะพรั่งในฤดูหนาว เดือน เม.ย.-มิ.ย. เป็นช่วงเวลาของ Sakura Afternoon Tea ขนมทั้งคาวหวานจะเต็มไปด้วยสีชมพูน่ารักชวนให้หยิบมาลอง ส่วนในเดือน ก.ค.- ก.ย. จะมาในธีม Lavender Afternoon Tea เชฟจะรังสรรค์เมนูสีม่วงจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่มาพร้อมความสดใสในฤดูร้อน แล้วปิดท้ายปลายปีด้วย Koyo Afternoon Tea ชุดน้ำชายามบ่ายแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่เน้นโทนสีส้มอบอุ่นเหมือนสีสันของใบไม้ จับคู่ชากรุ่นหอมจากมาริยาจ แฟรส์
Why we love this place? :
อาฟเตอร์นูนทีในลิ้นชัก
แม้จะเป็นโรงแรมหรูหราแต่ชุดน้ำชายามบ่ายของดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จัดเสิร์ฟอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวา อู่ฟู่ ขนมทั้งคาวและหวานจะจัดวางอยู่ในลิ้นชักแบบญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับทุกโรงแรมในเครือโอกุระ เพราะต้องการให้แขกทุกคนได้ยลโฉมขนมทุกชิ้นอย่างชัดเจน เพราะแค่รสชาติและรูปทรงของขนมก็กินขาดแล้ว
Don’t Miss! :
Koyo Afternoon Tea ปีนี้มีทั้งสีส้ม แดง เขียว
ปีนี้ฤดูใบไม้ร่วงมีสีสันเพิ่มขึ้นอีกนิด นอกจากสีส้มอบอุ่นที่เป็นโทนสีหลัก ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เชฟเติมความสนุกด้วยเฉดสีแดงและสีเขียว ล้อไปกับสีสันของกระดาษลายสวยบนโต๊ะ ของคาวในปีนี้มีไฮไลต์เป็นทาร์ตไก่ทอดสไปซี่พร้อมซอสครีมรสชาติเข้มข้น แซลมอนโรลที่มีรสเผ็ดเล็กๆ จากวาซาบิด้านในแล้วท็อปด้วยอิคุระ ส่วนของหวานน่ารักจนไม่กล้ากิน เพราะเชฟทำทาร์ตแยมส้มแล้ววางด้านบนด้วยดังโงะเสียบไม้ 3 สีชมพู ขาว เขียว ที่ทำจากมูสไวต์ช็อกโกแลต ฟินองเซียเฮเซลนัทรูปเปลือกหอย มูสเอิร์ลเกรย์ที่ทำเป็นผลโกโก้ที่ด้านล่างเป็นแครกเกอร์ช็อกโกแลต
รวมถึงมาการองชิ้นเล็กที่ด้านบนเพนต์เป็นใบเมเปิลสีส้มสื่อถึงการมาเยือนของฤดูกาล
พิกัด : โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ 57 Park Ventures Ecoplex ถ. วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ
เบอร์โทร : 0-2687-9000
Facebook : The Okura Prestige Bangkok
★4. โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ★
Where? : ใครที่ชื่นชอบวรรณคดี เราอยากชวนมาจิบน้ำชาพลางดื่มด่ำมหากาพย์สุดยิ่งใหญ่ของอินเดียที่ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ กับชุดน้ำชายามบ่าย “Sense of Ramayana” ที่มีแรงบันดาลใจมาจากเรื่อง “รามายณะ” หรือรามเกียรติ์ ร่วมรังสรรค์โดย คุณศรัณญ อยู่คงดี นักออกแบบเครื่องประดับเจ้าของแบรนด์ SARRAN ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครหลักสู่เมนูต่างๆ ทั้งยังสอดแทรกเรื่องอาหารตามธาตุเจ้าเรือนไว้อย่างน่าสนใจ
Don’t Miss! :
เชฟดัสติน แบกซ์เตอร์ Executive Pastry Chef และ เชฟแฟรงก์ แวกเกอร์ฮาเกน Executive Sous-Chef ได้ร่วมกับคุณศรัณญออกแบบเมนูคาวหวานที่พิถีพิถันทั้งในด้านรูปลักษณ์อันโดดเด่นตามคุณลักษณะของธาตุทั้ง 6 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทอง และไม้ สื่อถึง 6 ตัวละครหลักในเรื่องรามายณะ และในด้านของรสชาติที่อร่อยลิ้น ปลุกจินตนาการให้เราได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวที่ซ่อนอยู่
Why We Love This Place? :
ทั้งของว่างและขนมหวานในชุดล้วนมีขนาดเต็มปากเต็มคำและเลือกสรรแต่วัตถุดิบชั้นเลิศ ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และกิมมิกตามคอนเซ็ปต์ของธาตุต่างๆ อย่างสนุกสนาน พร้อมด้วยวิธีกินตามธาตุที่ทำให้ลำดับการกินของแขกแต่ละคนต่างกัน
มอบประสบการณ์จิบชายามบ่ายสุดยูนีคที่ไม่เหมือนใคร
พิกัด : ห้องอาหารละคร ยูโรเปียน บราสเซอรี่ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ
ระยะเวลา : ให้บริการถึง 30 พฤศจิกายน 2566
เบอร์โทร : 0-2080-0080
อีเมล : Bangkok.lakorn@rosewoodhotels.com
โปรโมชั่น : สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า รับส่วนลด 10% พร้อมรับเข็มกลัดดีไซน์พิเศษ “มะลิกรุง”
★5. SAVA Modern THAI Flavour★
Where? : เดินชอปปิงที่ดิ เอ็มโพเรียมเหนื่อยๆ อยากหาที่พักจิบน้ำชาเพื่อผ่อนคลาย มาที่ร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น SAVA Modern THAI Flavour ที่นี่พร้อมให้บริการชุดน้ำชายามบ่าย SAVA Afternoon Tea with Noritake ซึ่งประกอบด้วยเซ็ตของว่างคาว เซ็ตขนมอบ และจานของหวาน ทั้งยังเสิร์ฟมาบนภาชนะของชุดน้ำชาคอลเล็กชันใหม่ล่าสุดจาก นอริตาเกะ (Noritake) แบรนด์เครื่องพอร์ซเลนชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
Don’t Miss! :
เอร็ดอร่อยไปกับ แซนด์วิช เบเกอรี่ ทั้งคาวและหวานที่อบสดใหม่วันต่อวันซึ่งสอดแทรกรสชาติไทยสไตล์ซาว่า เสิร์ฟคู่กับชามาริยาจ แฟรส์ และปิดท้ายด้วยจานของหวานซึ่งมีให้เลือกระหว่าง โทสต์บริออชราดซอสชาไทย และ มะพร้าวพาร์เฟต์สาคูเมลอน บอกเลยว่าทั้งอร่อยเลิศและสวยงามไม่แพ้กัน จะสั่งเบิ้ลก็ไม่มีใครว่า
Why We Love This Place? :
นอกจากอาหารและขนมอร่อยๆ แล้ว ทุกเมนูยังจัดเสิร์ฟด้วยชุดน้ำชาคอลเล็กชันคาร์นิวาล (Carnivale) ของแบรนด์นอริตาเกะ มาใน 6 โทนสีพาสเทลสดใสสุดน่ารัก ลาเวนเดอร์ เหลือง แอปเปิลเขียว ชมพู ฟ้า และฟ้าอ่อน และ 2 สีพิเศษ ซิลเวอร์และแชมเปญที่ดูหรูหรา
ยิ่งทวีความอิ่มอกอิ่มใจให้แก่ใครที่ได้มาลิ้มลองชุดน้ำชายามบ่ายชุดนี้
พิกัด : ชั้น M ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2664-8207
Facebook : SAVA Modern THAI Flavour
★6. 137 Pillars Suites & Residences Bangkok★
Where? : Have a Bless Path เป็นการเดินทางครั้งใหม่ที่น่าสนใจไม่แพ้ชุดชายามบ่ายที่ บ้านบอร์เนียวคลับ ซึ่งเคยนำเสนอมาก่อนหน้านี้ เลานจ์ที่หรูหราและมีความเป็นส่วนตัวบนชั้น 26 ของ 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ มาพร้อมกับวิวตึกสูงใจกลางเมือง และยังเป็นครั้งแรกที่มีการเสิร์ฟชุดชายามบ่ายที่ ห้องอาหารบางกอก เทรดดิ้ง โพสต์ บริเวณชั้นล็อบบี้ด้วย
Don’t Miss! :
ชุดชายามบ่ายของที่นี่มี ชาเขียวกลิ่นลำไยมะรุม (Longan Moringa Green Tea) และ ชาอูหลงกลิ่นมังคุดอัญชัน (Mangosteen Anchan Oolong Tea) จากมอนซูนที (Monsoon Tea) ชาจากผืนป่าภาคเหนือเป็นซิกเนเจอร์ ส่วนเมนูที่กินแล้วประทับใจต้องยกให้กับ The Butterfly ชูส์รสปูทะเล และ The Heart มะพร้าวและช็อกโกแลตครัมเบิลพาร์เฟต์
Why We Love This Place? :
การร่วมมือกันระหว่างทีมเชฟและแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำของเมืองไทยอย่าง RAVIPA (ระวิภา) ทำให้ชุดชายามบ่ายนี้มีคอนเซ็ปต์ชัดเจน ด้วยการนำสัญลักษณ์นำโชคมาเป็นลูกเล่นทั้งในเมนูคาวและหวาน เช่น สัญลักษณ์เกือกม้านำโชค สัญลักษณ์ใบโคลเวอร์ 4 แฉก และสัญลักษณ์ขนนกที่แสดงถึงการมีอยู่ของผู้พิทักษ์และผู้นำทาง
กินแล้วรู้สึกเหมือนได้รับพลังงานแห่งความโชคดีในทุกๆ คำ
พิกัด : 59/1 ซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2079-7000
Line OA : @137pillarshotels
Facebook : 137 Pillars Suites & Residences Bangkok
★7. Park Hyatt Bangkok★
Where? : “Rouge de Bordeaux Figs Afternoon Tea” อาฟเตอร์นูนทีลูกฟิกแห่งเมืองบอร์โดของ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ซึ่งได้ Pastry Chef คนใหม่ เชฟกิโยม คูลแบรนท์ เชฟขนมหวานชาวฝรั่งเศสมากพรสวรรค์ มาดูแลเบเกอรี่และขนมหวานเต็มตัว และยังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศหรูหราที่แฝงด้วยความสบายของ Living Room
Don’t Miss! :
ดื่มด่ำกับเมนูคาวหวานที่ทำจากลูกฟิก ผลไม้ประจำฤดูใบไม้ร่วงของประเทศฝรั่งเศส เช่น Roasted Fig, Goats Curd & Pancetta ลูกฟิกรสหวานกับชีสนมแพะและเบคอนสไตล์อิตาเลียน Fig, Red Wine Compote, Almond Sponge, Vanilla Cream เค้กอัลมอนด์เนื้อนุ่มเคล้ากับลูกฟิกคอมโพตในไวน์แดง และครีมสดวานิลลา Roasted Fig Compote & Almond Tart, Lorenzo No.5 ทาร์ตลูกฟิกชิ้นอวบวางบนแป้งทาร์ตที่ทำจากอัลมอนด์กรุ่นกลิ่นเนย เคล้าลูกฟิกอบรสหวานฉ่ำ
Why We Love This Place? :
ช่วงเวลาอาฟเตอร์นูนทีสำหรับคนรักขนมและเบเกอรี่จากผลไม้ตามฤดูกาลที่ชวนหลงใหลและน่าลิ้มลอง ทั้งยังเติมเต็มหัวใจด้วยงานอาร์ตจากศิลปินไทยและต่างชาติจากภาพวาด ภาพพิมพ์ และงานประติมากรรมหายากอีกด้วย
เรียกได้ว่าโดนใจทั้งฟู้ดดี้และคนรักงานศิลป์
พิกัด : 88 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2012-1234
Facebook : Park Hyatt Bangkok
★8. Blue by Alain Ducasse★
Where? : ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ฝรั่งเศส “Bespoke Afternoon Tea Experience” ที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสรางวัลมิชลินสตาร์ รื่นรมย์กับบรรยากาศสบายๆ เป็นส่วนตัวใน Blue Lounge กับเมนูคาวหวานจากวัตถุดิบชั้นเลิศฝีมือ เชฟคริสตอฟ กรีโล Executive Bakery and Pastry Chef เชฟคนใหม่ที่มีประสบการณ์จากร้านเบเกอรี่ชื่อดังและโรงแรม 5 ดาวทั่วโลก
Don’t Miss! :
ชุดอาฟเตอร์นูนทีสไตล์ฝรั่งเศส เช่น The Duck Terrine & Sourdough แซนด์วิชไส้เทอร์รีนเป็ดรสเค็มนุ่มนวลกับตับไก่บด และซอสที่ปรุงจากไวน์มาเดรา Chocolate Tart ทาร์ตช็อกโกแลตรสเข้ม ท็อปด้วยทองคำเปลว Pineapple Polenta with Polenta Sponge เค้กเนื้อนุ่มสลับชั้นกับสับปะรดย่างและคัสตาร์ดครีม จับคู่ Hot Chocolate ช็อกโกแลตร้อนเลื่องชื่อของร้านที่ส่งตรงจากกรุงปารีส
Why We Love This Place? :
นอกจากของหวานในชุดน้ำชายามบ่ายแล้ว ยังมีบุฟเฟต์ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสให้เลือกอีกหลากหลาย เช่น Rum Savarin ขนมฝรั่งเศสโบราณกินคู่วิปครีม Fraisier Cake เค้กสตรอว์เบอร์รีกับครีมเนื้อนุ่ม Lemon Tart ทาร์ตรสเปรี้ยวละมุนจากเลมอนเคิร์ด
เป็นอาฟเตอร์นูนทีที่ดื่มด่ำกับเบเกอรี่ฝรั่งเศสอย่างอิ่มเอมใจ
พิกัด : ชั้น 1 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 06-5731-2346
Facebook : Blue by Alain Ducasse
★9. The Standard, Bangkok Mahanakhon★
Where? : “Tease” ห้องน้ำชาสีขาว-ดำบนชั้น L ของ โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร สไตล์อาร์ตเดโค ผลงานของไฮเม่ ฮายอน นักออกแบบชาวสเปนร่วมกับทีมออกแบบของ The Standard โดดเด่นด้วยผนังกระเบื้องลายกราฟิกเรขาคณิตซึ่งเข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์ลายทาง มี เชฟแมกซ์ หัวหน้าเชฟขนมหวานที่มีประสบการณ์จากโรงแรมชั้นนำทั่วเมืองไทยกว่า 14 ปี มาสร้างสรรค์เมนูขนมหวาน
Don’t Miss! :
Refreshing Drink ม็อกเทลรสสดชื่น ก่อนเสิร์ฟ “Afternoon Tea Set” สไตล์ American Twist ของคาวหวานโฮมเมดที่ไม่เหมือนใคร เช่น Beetroot Macaron มาการองสีแดงสดจากบีตรูต สอดไส้ซอสตับห่านรสเค็มละมุน Chocolate Praline ทาร์ตช็อกโกแลตรูปดอกไม้เคล้าซอสมิกซ์เบอร์รีรสเปรี้ยว และเนยถั่ว The Egg พานนาคอตตาทรงรูปไข่ เปลือกนอกเป็นไวต์ช็อกโกแลตรสหวานเข้ากันกับซอสมะม่วงรสหวานเปรี้ยวนุ่มๆ
Why We Love This Place? :
อาฟเตอร์นูนทีเซ็ตนี้เสิร์ฟคู่ “Araksa” แบรนด์ชาออร์แกนิกแห่งเมืองเชียงใหม่ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจาก USDA & EU ใครชอบชารสเปรี้ยวนิดๆ ต้องลอง Cheeva Tea ชาใบมะกรูดเบลนด์ผลไม้ตระกูลซิตรัส และยังมี Lhong Lai Tea ชาอูหลงบอดี้เข้ม หอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ
ชุดนี้รับรองถูกใจคอชา
พิกัด : 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2085-8888
Facebook : The Standard, Bangkok Mahanakhon
★10. Anantara Siam Bangkok Hotel★
Where? : “House Of Creations” ชุดน้ำชายามบ่ายที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เป็นการรังสรรค์ชิ้นงานศิลปะกระดาษฉลุซึ่งได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดจิตรกรรมบนฝาผนังของโรงแรมฯ ผสมผสานจนเกิดเป็นรสชาติแห่งงานศิลป์ โดยคุณโอม-ณัตสุพล พรมสวัสดิ์ และ เชฟเอ๋-อนุพงษ์ นวลฉวี ประกอบด้วยเซ็ตอาหารคาวและเซ็ตขนมอบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและความสวยงาม พร้อมเสิร์ฟที่เลานจ์ เดอะ ล็อบบี้
Don’t Miss! :
ชุดน้ำชายามบ่ายที่โดดเด่นด้วยสีขาว สอดแทรกเรื่องราวของชิ้นงานศิลปะอย่าง Elephant Blanc ไวต์ช็อกโกแลตรูปปั้นช้างเผือกสื่อถึงความมั่งคั่ง Cognac and Almond Phyllo Pastry แป้งพายบางกรอบสื่อถึงแผ่นกระดาษของชิ้นงานศิลปะ สอดไส้อัลมอนด์ครีม ได้รสเปรี้ยวจากมิกซ์เบอร์รี เสิร์ฟคู่กับ ชามาริยาจ แฟรส์ โอตกูตูร์แห่งชาอันหอมกรุ่น
Why We Love This Place? :
เรื่องราวงานศิลป์ที่หยิบยกความสวยงามของกรุงเทพฯ ผ่านเมนูขนมหวานและอาหารคาวที่ร้อยเรียงเมนูได้อย่างบรรจงและวิจิตร เกิดเป็นความประทับใจที่ไม่ว่าใครได้ไปลิ้มลองชุดน้ำชาชุดนี้จะตกหลุมรักกับความประณีตได้อย่างไม่รู้ตัว
เป็นชุดน้ำชาสีขาวที่ได้ดื่มด่ำทั้งรสชาติและงานศิลป์
พิกัด : เดอะ ล็อบบี้ ชั้น 1 โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2126-8866
Facebook : Anantara Siam Bangkok Hotel
★11. Waldorf Astoria Bangkok★
Where? : โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ตึกสูงที่ตั้งตระหง่านใจกลางย่านถนนราชดำริเป็นอีกหนึ่งจุด View Point ที่สวยงามและเหมาะกับการชวนคนรู้ใจไปจิบชายามบ่ายที่ Peacock Alley ห้องอาหารเรียบหรูที่เสิร์ฟอาฟเตอร์นูนทีรสเลิศหลากหลายซึ่งรังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน พร้อมโซนเคาน์เตอร์บาร์ที่ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มที่คิดค้นขึ้นมาใหม่พร้อมกับเซ็ตเมนูนี้โดยเฉพาะ
Don’t Miss! :
“Iconic Set” เซ็ตขนมหวานและอาหารคาวอันเลื่องชื่อที่กลับมาเสิร์ฟความอร่อยอีกครั้ง โดยผสมผสานความเป็นไทยและยุโรปได้อย่างลงตัว มีทั้ง ไข่เบเนดิกต์ สลัดวอลดอร์ฟ และ เค้กเรดเวลเวต เมนูซิกเนเจอร์ตั้งแต่ก่อตั้งโรงแรมที่นิวยอร์ก จิบคู่กับ ชามาริยาจ แฟรส์ ชาเกรดพรีเมียมจากประเทศฝรั่งเศส
Why We Love This Place? :
นอกจากชุดน้ำชารสชาติโดดเด่นแล้ว ยังเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์สวยงามกลางเมืองหลวง ซึ่งเป็นจุดที่หาชมได้ยาก ในวันอากาศดีๆ ชวนคนรู้ใจมานั่งจิบชายามบ่ายไปด้วยกัน
รับรองจะเก็บความประทับใจนี้ไปอีกนาน
พิกัด : 151 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2846-8888
Facebook : Waldorf Astoria Bangkok (กรุงเทพมหานคร)
★12. Siam Kempinski Hotel Bangkok★
Where? : สถานที่พักผ่อนหย่อนใจในอุดมคติของใครหลายคนคงหนีไม่พ้น 1897 Lounge ห้องอาหารสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางล็อบบี้ของ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ล่าสุดได้ร่วมมือกับ กาด โกโก้ เปิดตัวชุดน้ำชายามบ่าย “ช็อกโกแลตติเยร์ อะแฟร์” (Chocolatier’s Affair) ให้ทุกคนได้สัมผัสกับเส้นทางแห่งความอร่อยของช็อกโกแลตสัญชาติไทยผ่านชุดอาฟเตอร์นูนทีเลิศรส รังสรรค์โดย เชฟแฟรงส์ อิสเทล
Don’t Miss! :
ชุดน้ำชาที่มาพร้อมของว่างยามบ่ายทั้งคาวและหวานรวมกัน 14 ชนิด ทุกเมนูมีรสชาติและรสสัมผัสของช็อกโกแลตที่ผลิตจากเมล็ดโกโก้ของไทยผสานอยู่ในทุกอณู เริ่มต้นด้วย ช็อกโกแลตจันทบุรีโรแชร์สอดไส้ตับห่าน และ เทอร์รีนกุ้งสไตล์ไทย ตกแต่งด้วยไข่ปลาแซลมอน ต่อด้วยคอร์สเมนู สคอน 3 รสชาติ ได้แก่ วานิลลา ช็อกโกแลตชุมพร และอัลมอนด์
Why We Love This Place? :
นอกจากลิ้มรสรสชาติช็อกโกแลตไทยแล้วยังต้องประทับใจกับ ชารอนเนอเฟลด์ (Ronnefeldt) ชากลิ่นหอมที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ในบรรยากาศสุดไพรเวต เคล้าเสียงดนตรีสดอันไพเราะจากนักเล่นพิณชื่อดัง
แล้วคุณจะหลงใหลไปในทุกท่วงทำนอง
พิกัด : 1897 Lounge (ชั้นล็อบบี้ของโรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ) ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2162-9000
Facebook : Siam Kempinski Hotel Bangkok
★13. The St. Regis Bangkok★
Where? : The House of Celebration ชุดน้ำชายามบ่ายสุดอลังการของ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ที่เนรมิตรสชาติโดย Karun (การัน) ชาไทย แบรนด์ชาไทยระดับพรีเมียม เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึง
Don’t Miss! :
ความพิเศษของเมนูคาวหวานที่มีรสชาติเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์ของชาไทย Karun ไม่ว่าจะเป็น ทาร์ทาร์เนื้อ ที่นำไปหมักกับผงชา ก้ามกุ้งล็อบสเตอร์ ราดซอสต้มยำและสาหร่าย บาวารัวส์ชาไทย สปันจ์เค้กรสช็อกโกแลตผสมส้มและครีมชาไทย ปิดท้ายด้วย มาการองชาไทย และ คาเวียร์ชาไทยไร้น้ำตาล รสหวานละมุน แต่จะสดชื่นมากยิ่งขึ้นหากจับคู่กับชาสูตรพิเศษจากใบชาที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน ให้ทั้งความกลมกล่อมและสดชื่นควบคู่กันไป
Why We Love This Place? :
ทุกเมนูจัดเสิร์ฟในแพ็กเกจทรงหีบสุดคลาสสิกที่ออกแบบมาเพื่อ The House of Celebration โดยเฉพาะ และยังมาพร้อมเรื่องราวสุดประทับใจ เพราะแต่ละเมนูรังสรรค์จากวัตถุดิบทั่วไทยที่ให้มิติของรสชาติอย่างล้ำลึก
ช่วยขับกล่อมวันสบายๆ ให้ผ่อนคลายแม้จะอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม
พิกัด : The Drawing Room และ The St. Regis Bar (ชั้น 12 โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ) ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เบอร์โทร : 0-2207-7777
Facebook : The St. Regis Bangkok
Tag:
ชุดน้ำชายามบ่าย, รวมร้านอร่อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น