นอกจากสำเนียงเหน่อ มังกรตัวใหญ่ และวัดป่าเลไลยก์ที่เป็นจุดขายประจำจังหวัด “สุพรรณบุรี” ยังจัดว่าเป็นดินแดนซึ่งอัดแน่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวอีกนับไม่ถ้วน เพียงแค่เดินทางออกจากตัวอำเภอเมืองสุพรรณบุรีแล้วมุ่งหน้าไปยังอำเภอบางปลาม้า และอำเภออู่ทอง ก็จะพบกับขุมทรัพย์อันทรงเสน่ห์รออยู่อีกมากมายที่ไม่ควรมองข้าม

อำเภอบางปลาม้า
“ชุมชนตำบลบ้านแหลม”
เสียงต้อนรับแบบเหน่อๆ ลอยมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้คนในชุมชนบ้านแหลม ที่ออกมาต้อนรับกันตั้งแต่หน้าประตู ไผ่ตาพุดโฮมสเตย์ ของคุณย่าโสภา พันธุ ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานบริการนักท่องเที่ยวของชุมชนไปในตัวด้วย

ไม่ใช่แค่ความเป็นมิตรและความอบอุ่นเท่านั้นที่โอบล้อมชุมชนแห่งนี้ไปทั่วทุกอณู แต่ยังมีเสน่ห์ของวิถีชีวิตอันเรียบง่ายริมสองฝั่งแม่น้ำสุพรรณคอยชักชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสัมผัส เพราะฉะนั้นกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการตามรอยเสด็จประพาสต้นครั้งแรกของรัชกาลที่ 5 ย้อนรอยนิราศสุพรรณของกวีเอกสุนทรภู่ การชมบ้านเรือนไทยโบราณ ชมวัดวาอาราม ก็ล้วนต้องเดินทางล่องเรือไปตามสายน้ำนี้

หนึ่งในประสบการณ์สองฝั่งแม่น้ำในชุมชนตำบลบ้านแหลม ต้องยกให้กับการกินอาหารบนเรือที่ล่องเอื่อยๆ ไปตามลำน้ำ พร้อมด้วยกับข้าวท้องถิ่นสุพรรณบุรี เช่น ต้มโคล้งปลาม้า น้ำพริกไปนา และ ดอกโสนต้มกะทิ โดยตลอดทางนั้นจะมีภาพการใช้ชีวิตของผู้คนและบ้านเรือนทรงไทยโบราณให้ชมตลอดเส้นทาง และมีหนึ่งจุดแวะพักให้ลองขึ้นไปสัมผัสประสบการณ์ นั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำที่ วัดเจ้าขาว หนึ่งในวิธีการเดินทางข้ามแม่น้ำที่คนในชุมชนนิยม ในราคาเพียงเที่ยวละ 5 บาท ปิดท้ายด้วยการแวะจิบชาเตยหอมริมแม่น้ำ

นอกจากนี้ที่ไผ่ตาพุดโฮมสเตย์ยังเป็นฐานในการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคนในชุมชนด้วย ทั้งการสาธิตทำธูปสีประจำวันเกิด การสาธิตตำน้ำพริกไปนา การสาธิตทำขนมพื้นบ้าน การทดลองสานผักตบชวา การทำหลอดจากต้นอ้อ และทำจานกระดาษผักตบชวา

“ตลาดเก้าห้อง 100 ปี”
ตลาดเก้าห้องนั้นไม่ได้มีแค่ 9 ห้องดั่งชื่อ แต่มาจากชื่อบ้านเก้าห้องของนายบุญรอด เหลียงพาณิช ผู้สร้างตลาดขึ้นมาจนเจริญรุ่งเรืองเป็นตลาดเก้าห้องอย่างในปัจจุบัน พื้นที่ส่วนใหญ่ในตลาดนั้นเป็นห้องแถวไม้ขนาด 2 ชั้น แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ตลาดบน ตลาดกลาง และตลาดล่าง

ดูเหมือนว่ายุคทองของตลาดเก้าห้องนั้นจะผ่านพ้นไปแล้วอย่างเนิ่นนาน เห็นได้จากความเงียบสงบของตลาด และมีเพียงไม่กี่ร้านค้าที่ยังคงเปิดต้อนรับอยู่ อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ของตลาดที่มีมายาวนานกว่า 150 ปีนั้นก็ยังคงหลงเหลือเป็นกลิ่นอายของวันวานให้ผู้คนเข้ามาสัมผัส เช่น หอดูโจร หอคอยสถาปัตยกรรมจีนโบราณสูงราวตึก 4 ชั้น สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2486 เพื่อเฝ้าระวังโจรปล้นตลาดในยุคสมัยที่เสือใบ เสือมเหศวร และเสือดำยังมีชื่อเสียงกระฉ่อน

แน่นอนว่าเที่ยวมาตลอดทางแล้วก็ต้องมีพิกัดของกินท้องถิ่นให้ได้ลิ้มลอง ที่ตลาดเก้าห้องแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ ร้านราดหน้าเจ๊จุก เจ้าดังหนึ่งเดียวในตลาด แถมภายในร้านยังมีตู้โชว์สุราโบราณ ของสะสมสุดคลาสสิกที่ใช่ว่าจะหาดูกันได้ง่ายๆ รวมถึง ร้านขนมไข่ปลาเจ๊เซียม ที่เปิดบ้างไม่เปิดบ้างแล้วแต่คนทำ ไปจนถึง ร้านขนมเปี๊ยะ อีกสองสามร้านที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ภายในตลาดเก่าแก่แห่งนี้

อำเภออู่ทอง
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง”
ในพื้นที่ของอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ว่ากันว่าในอดีตนั้นเคยเป็นศูนย์กลางความรุ่งเรืองของสุวรรณภูมิ ในยุคอาณาจักรทวารวดีมาก่อน และยังเป็นดินแดนที่ค้นพบจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาในเมืองไทยด้วย จึงไม่แปลกที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย เพราะบรรดาโบราณวัตถุต่างๆ รวมทั้งสื่อมัลติมีเดียที่มานำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์นั้นล้วนชวนให้น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ

ไฮไลต์การจัดแสดงวัตถุโบราณตามห้องต่างๆ มีทั้งประติมากรรมดินเผารูปพระเจ้าสุทโธทนะ ใต้ฐานมีจารึกอักษรหลังปัลลวะ ภาษาสันสกฤต เหรียญเงินบรรจุในภาชนะดินเผา เหรียญกษาปณ์โรมัน ลูกปัดจากประเทศอินเดีย พระพิมพ์ดินเผา แผ่นจารึกดินเผา คำจารึกภาษาสันสกฤตบนแผ่นทองแดง เศียรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ยอดเจดีย์ ไปจนถึงธรรมจักรศิลาพร้อมแท่นบัลลังก์ที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบในเมืองไทย ซึ่งล้วนค้นพบตามโบราณสถานต่างๆ ทั่วพื้นที่อำเภออู่ทอง

นับเป็นการนั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีตไปชมรากเหง้าของศาสนาพุทธที่จะไม่มีคำว่าเสียดายเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง)”
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในศิลปะแบบทวารวดี ความสูงราวตึก 10 ชั้นบนผาหินปูน ไม่ไกลจากวัดเขาทำเทียม (ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นวัดเขาทำเทียม!) ให้ภาพของศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนได้ชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า “พุทธมณฑลประจำจังหวัดสุพรรณบุรี”

ผู้คนหลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนและสักการะพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิกันตลอดวันไม่ขาดสาย ที่สำคัญโดยรอบนั้นยังมีทัศนียภาพที่น่าดูชม ด้วยสวนโล่งดูสบายตา และพื้นที่ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ามาทำบุญตามความศรัทธา เมื่อเดินมาด้านหลังองค์พระจะพบกับปากถ้ำขนาดใหญ่ ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์เลยทีเดียว

แต่ที่ดูจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่สุดในตอนนี้เห็นจะเป็นทางด้านขวามือขององค์พระใหญ่ซึ่งจะเห็นอยู่ลิบๆ ว่ากำลังมีการก่อสร้างสกายวอล์กเลียบภูเขา ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นสกายวอล์กที่มีความยาว 500 เมตร ถือว่ายาวมากที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว

Don’t Miss!
โรงแรมปุษยปุรี (Pusayapuri Hotel)
โรงแรมแห่งใหม่ในอำเภออู่ทอง ที่ใครเดินทางผ่านไปมาก็ต้องสะดุดสายตากับงานสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์ เพราะอำเภออู่ทองได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ มีการค้นพบโบราณสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เจดีย์ที่ถูกค้นพบจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของการออกแบบโรงแรมแห่งนี้

ช่องหน้าต่างและระเบียงออกแบบมาให้พอดิบพอดีกับกรอบสี่เหลี่ยมที่ถอดเอารูปร่างของฐานเจดีย์มาประยุกต์อย่างลงตัว พร้อมด้วยการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวสำหรับผ่อนคลายอยู่ตามมุมต่างๆ กลายเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางอำเภออู่ทอง

จากอำเภอเล็กๆ ของสุพรรณบุรีที่เป็นแค่ทางผ่านและถูกมองข้าม แต่ที่จริงแล้วนั้นบางปลาม้าและอู่ทองกลับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องนิยามว่า “ไม่ธรรมดา” เลยจริงๆ

Tag: ที่เที่ยว, สุพรรณบุรี