การเปลี่ยนบทบาทจากนักบริหารในอุตสาหกรรมการบิน สู่อุตสาหกรรมโรงเรียนสอนการประกอบอาหารของ รณน วิพุธศิริ Director of Sales and Marketing สถาบันสอนทำอาหาร Le Cordon Bleu Dusit ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับหนุ่มคนนี้แต่อย่างใด ทว่ากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นภายใต้ความท้าทายและการกำหนดเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึง นั่นคือ การสร้าง Branding & Network ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตและขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต

คุณรณน กล่าวถึงแรงจูงใจที่ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Le Cordon Bleu Dusit “เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการประกอบอาหารนั้นเกี่ยวข้องในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบินที่ต้องมีบริการอาหารบนเที่ยวบิน ซึ่งต่างเส้นทาง ต่างชนชาติ ต่างวัย ต่างระดับชั้นที่นั่งก็จะมีเมนูที่ดีไซน์แตกต่างกัน รวมถึงการคำนึงถึงภาพลักษณ์ที่ดีของอาหารที่เสิร์ฟด้วย จากประสบการณ์กว่า 16 ปีในอุตสาหกรรมการบินได้บ่มเพาะให้ผมมีความเข้าใจเชิงลึกในการทำงานร่วมกันเป็นทีมกับทุกแผนก การรับความกดดันจากการแข่งขันที่สูง ต้องคิดรอบด้านและรอบคอบในการวางแผนล่วงหน้าและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการดูแลลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ที่น่าจดจำและยินดีกลับมาใช้บริการซ้ำ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้นำทักษะต่างๆ เหล่านี้มาปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้มาเรียน

“ด้วยศักยภาพการเรียนการสอนของ Le Cordon Bleu Dusit ที่ได้รับการยอมรับระดับโลกมายาวนานกว่า 128 ปี และมากกว่า 16 ปีในประเทศไทย จึงเป็นทางเลือกของนักเรียนที่ต้องการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการอาหารในระดับสูง เรามี Certificate มาตรฐานระดับสากล สามารถใช้เป็นใบเบิกทางไปสู่อาชีพใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม Food and Beverage และ Culinary ได้ หลักสูตรมีทั้งระยะยาวทั้งหลักสูตรอาหารคาว หลักสูตรขนมอบ หลักสูตรขนมปัง และหลักสูตรครัวไทย และระยะสั้นมากกว่า 40 หลักสูตร มีห้องครัวและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเอื้อต่อการเรียนรู้ มีเชฟผู้สอนที่มากประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในสาขาของตน เพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่ครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคและด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้วยวิธีการสอนตามแบบฉบับของโรงเรียน คือ การดู การเรียนรู้ และการปฏิบัติ (Watch, Learn and Do)

“ปัจจุบันเราพบว่านักเรียนที่เรียนจบไม่ได้เป็นเชฟหรือเปิดร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังมี Food Competition Master, Food Expert, Food Creativity and Innovation Consultant, Food Influencer, Food Critics และ Food Journalist ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศไทย แต่สามารถไปได้ทั่วโลก สำหรับผู้ที่ยังค้นหาตัวตนไม่พบหรือยังไม่ทราบว่าตนเองเหมาะกับหลักสูตรใด หรือมีความถนัดทางด้านไหน สามารถเข้าเยี่ยมชมบรรยากาศการเรียนการสอน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ หรือจะลองเริ่มต้นด้วย Short Course ที่มีตั้งแต่ 1-3 วัน ทั้ง Cuisine, Thai Cuisine, Pastry, Bakery เมื่อค้นพบแนวทางของตัวเองแล้วก็อาจตัดสินใจเลือกหลักสูตรระยะยาว เพื่อต่อยอดไปยังเส้นทางของตัวเองในอนาคต”

คุณรณนกล่าวถึงความท้าทายในอุตสาหกรรมอาหารที่เติบโตอย่างร้อนแรง รวมถึงการวางเป้าหมายที่ต้องการก้าวไปให้ถึงนั่นคือการสร้าง Branding & Network ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น “ในยุคที่อุตสาหกรรมอาหารมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาดอยู่เสมอทำให้ต้องตื่นตัวพร้อมรับมือตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของเราคือเรามี Alumni มากกว่า 20,000 ท่านทั่วโลก รวมถึงยังมีพาร์ตเนอร์ที่พร้อมจับมือเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาเราได้จัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ Gourmet Foodie Fest 2023 จัดเต็ม 40 ร้านดังจากศิษย์เก่า เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ร่วมกับนิตยสาร Gourmet and Cuisine ซึ่งได้รับความสนใจจากศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก”

ในส่วนของเทรนด์อาหารที่น่าจับตามองทั้งในปัจจุบันและอนาคต คุณรณนมองว่า Plant Based คือทางเลือกใหม่ของสายเฮลท์ตี้ “เรื่องของสุขภาพไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆ อีกต่อไป เรามี Plant Based Workshop ซึ่งจะเริ่มคอร์สแรกในเดือนธันวาคมนี้ เน้นการปรุงอาหารด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีรสชาติและให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานเนื้อสัตว์จริงๆ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเรียน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Le Cordon Bleu Dusit Culinary School หรือ Line : @lecordonbleudusit

“นักเรียนของเรามีความหลากหลายทั้งด้านอายุ (อายุ 17-60 ปีขึ้นไป) สาขาอาชีพ และชนชาติ แต่เมื่อเข้ามาเรียนแล้วทุกคนจะได้พูดภาษาเดียวกัน คือภาษาอาหารในรูปแบบของ Le Cordon Bleu Dusit อยากเรียนเชิญทุกคนที่ยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์นี้ เข้ามาลองเรียนกับเรา” คุณรณนกล่าวทิ้งท้าย

Tag: เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต