การทำ SEO หรือกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่คนมักจะกดเข้าชมเว็บไซต์ของเรามากที่สุดอย่างหน้าแรกของผลแสดงการค้นหาเวลาเสิร์ช Google นั้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มการรับรู้ (Brand awareness) บนโลกอินเทอร์เน็ตที่น่าสนใจนอกเหนือไปจากการใช้โซเชียลมีเดีย
แม้กลยุทธ์ดังกล่าวจะมีประโยชน์กับธุรกิจของเราในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานเป็นอันดับต้นๆ อย่าง Google แต่ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มักเจอเวลาทำ SEO คือผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่หวังทั้งที่เราเองก็เริ่มทำมาตั้งนาน และเพื่อเป็นการบอกต่อเรื่องราวที่จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว วันนี้เราจะมาพูดถึง 4 ข้อที่คนส่วนใหญ่มักพลาดเมื่อนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาปรับใช้กับธุรกิจ ว่าแต่รายละเอียดทั้งหมดจะเป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย
เริ่มทำทั้งที่ไม่ได้วางแบบแผนอย่างจริงจัง
เนื่องจาก SEO ขึ้นชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ประเภทหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำก่อนเป็นอันดับแรกคือการกำหนดขั้นตอนการทำงานเหมือนกับการวางแผนธุรกิจทั่วไป โดยสิ่งที่เราจำเป็นต้องหาข้อสรุปให้ได้ในระหว่างนี้สามารถไล่เรียงได้ตั้งแต่การตอบคำถามที่สำคัญที่สุดอย่างเป้าหมายในการนำกลยุทธ์นี้มาปรับใช้ของเราคืออะไร? เพื่อเพิ่มการรับรู้หรือเพิ่มยอดขาย, เราจะใช้วิธีไหนในการไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้?, กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเราเป็นใคร? มีความชื่นชอบแบบไหน? ไปจนถึงเราควรใช้ระยะเวลาในการทำเท่าไหร่? เพื่อให้ตัวเราเองมีแบบแผนการทำงานที่ชัดเจนซึ่งจะช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับเนื้องานและคุมค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่เสียเงินและเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยให้การทำงานในขั้นตอนถัดไปสะดวกและรวดเร็ว
ไม่ได้วางแผนที่เป็นระบบในการเลือกคีย์เวิร์ด
เพราะคีย์เวิร์ดคือกลุ่มคำที่จะนำลูกค้าเป้าหมายมาเจอกับเว็บไซต์ของเราเวลาเสิร์ช Google ดังนั้นเราในฐานะเจ้าของกิจการจึงควรใส่ใจกับการเลือกคีย์เวิร์ดให้ดี เพราะถ้าเกิดเราเลือกคีย์เวิร์ดที่ไม่สอดคล้องกับคำที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้ แน่นอนว่าการทำ SEO ออกมาให้ตรงตามเป้าหมายก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยวิธีที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนลองนำไปปรับใช้เมื่อถึงเวลาต้องเลือกคีย์เวิร์ดคือการใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner และUber Suggest เพื่อดูจำนวนการเสิร์ชของคีย์เวิร์ดแต่ละคำแล้วลองจัดอันดับว่าคีย์เวิร์ดไหนมีจำนวนคนเสิร์ชจากมากไปหาน้อย ประกอบกับการลองดูว่าคู่แข่งของเราใช้คีย์เวิร์ดแบบไหนก่อนที่จะนำรายละเอียดทั้งหมดมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกคีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง
ไม่ได้จัดการ On-page และคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
แม้การทำ On-page เช่น การวางและปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับหลัก SEO- Friendly และการจัดทำคอนเทนต์ที่มีการแทรกคีย์เวิร์ดในปริมาณที่เหมาะสมจะเป็นหลักการทำ SEO เบื้องต้นที่ผู้ประกอบการทุกคนรู้ แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักพลาดคือการไม่ได้กลับมาจัดการกับ On-page อย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเรามีรายละเอียดในส่วนไหนที่ผิดพลาดไปจากเดิมบ้าง และการไม่อัปเดตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน โดยสิ่งที่เราอยากจะให้ทุกคนลองตรวจสอบเบื้องต้นบนหน้า On-page และคอนเทนต์ต่างๆ ได้แก่ การตรวจสอบว่ามีคีย์เวิร์ดหรือลิงก์ไหนเสียหรือไม่, มีคอนเทนต์ไหนบนหน้าเว็บที่เนื้อหาซ้ำกันหรือไม่, รูปภาพในคอนเทนต์ยังแสดงผลได้ชัดตามเดิมหรือเปล่า ฯลฯ
ไม่ใส่ใจกับการทำ off-page มากเท่าที่ควร
ข้อสุดท้ายที่คนทำ SEO มักจะพลาดคือการมองว่ากลยุทธ์ดังกล่าวนั้นให้ความสำคัญกับการทำ On-page เพียงอย่างเดียว ทั้งที่ในความเป็นจริงการทำ Off-page หรือการจัดทำคอนเทนต์ที่มีการแทรกลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเราบนหน้าเว็บไซต์อื่นนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพ เพราะยิ่งจำนวนของผู้เยี่ยมชมจากเว็บไซต์อื่นมีมากเท่าไหร่ ทาง Google ก็จะยิ่งมองว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือมากเท่านั้นจนนำไปสู่การปรับอันดับเว็บไซต์ของเราให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงยิ่งขึ้นบนหน้าผลแสดงการค้นหา
Tag:
ธุรกิจ, ธุรกิจออนไลน์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น