นอกจากสุรินทร์จะมีชื่อเสียงในเรื่องของหมู่บ้านช้าง อีกหนึ่งประโยคที่มักจะได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ “มาสุรินทร์ต้องกินสุรา” ดังนั้นการไปเยือนสุรินทร์และสัมผัสกับจุดขายทั้งสองของจังหวัดนี้ให้ลึกซึ้งถึงแก่น กับ 2 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดนี้
Elephant Kingdom Surin คชอาณาจักร สุรินทร์
คนสุรินทร์เลี้ยงช้างเหมือนสมาชิกของครอบครัวไม่ต่างไปจากคนเมืองเลี้ยงสุนัขหรือแมว บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ของคชอาณาจักร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างคนสุรินทร์เชื้อสายชาวกูยกับช้างบ้านที่มีมาเนิ่นนาน
คชอาณาจักร หรือหมู่บ้านช้างบ้านตากลางเป็นหมู่บ้านช้างที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อน และพาควาญช้างคืนถิ่นด้วยงบประมาณสนับสนุนจากองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทุกวันนี้มีช้างจำนวนกว่า 400 เชือกที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน จึงไม่แปลกที่คชอาณาจักรจะได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์ช้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
การเดินทางมาชมช้างที่คชอาณาจักร เริ่มต้นที่วงเวียนรูปปั้นพระคำปะกำ ผีบรรพชนของชาวกูย ก่อนที่จะนั่งรถอีแต๊กไปชมบรรยากาศของหมู่บ้าน ซึ่งตลอดทางก็จะได้เห็นบ้านคนและบ้านช้างตั้งอยู่เคียงคู่กัน ควาญช้างที่อาศัยอยู่ภายในโครงการคชอาณาจักรนี้จะได้เงินเดือนกับพื้นที่ปลูกหญ้าเนเปียร์เชือกละ 4 ไร่ เป็นพื้นฐานเพื่อความกินดีอยู่ดีของทั้งคนและสัตว์ พร้อมด้วยการดูแลของสัตวแพทย์กับนักโภชนาการ
ทุกวันนี้ควาญช้างคำนึงถึงสวัสดิภาพของสัตว์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน พวกเขาจะใช้โซ่ล่ามแบบหลวมๆ ไว้ที่ขาของช้างเพียง 1 ขา เพื่อให้ช้างได้มีอิสระในการขยับร่างกาย ต่างไปจากควาญช้างในสมัยก่อนที่นิยมล่ามช้างอย่างแน่นหนา (ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย) ดังนั้นจึงเห็นได้ว่านอกจากช้างแต่ละตัวในคชอาณาจักรนั้นมีรูปร่างอ้วนท้วนด้วยอาหารการกินที่สมบูรณ์แล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้นการขยับตัวไปมาเหมือนกำลังเต้นระบำยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังอารมณ์ดีสุดๆ ทำเอาคนดูพลอยอารมณ์ดีไปด้วย
นอกจากการเข้าไปสัมผัสกับวิถีของคนเลี้ยงช้างอย่างใกล้ชิดแล้ว ที่คชอาณาจักรยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสด้วย เช่น กิจกรรมนั่งช้างชมไพร เล่นน้ำกับช้างที่ลำน้ำชี กิจกรรมลอดท้องช้างเสริมดวงชะตา และชมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมูลช้างเป็นกระดาษรีไซเคิลและกระถางต้นไม้รีไซเคิล
รับรองว่าเต็มอิ่มกับเสน่ห์อันน่ารักของช้างไทยอย่างแน่นอน
Satom Organic Farm แซตอม ออร์แกนิก ฟาร์ม
ที่ Satom Organic Farm (แซตอม ออร์แกนิก ฟาร์ม) ในพื้นที่ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ นั้นน่ามาเยือนอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ในฤดูปลูกข้าวหรือฤดูแล้ง ด้วยเสน่ห์อันเรียบง่ายริม “แซตอม” ซึ่งในภาษาท้องถิ่นของชาวกูยหมายถึง “นาที่ตั้งอยู่ริมห้วย” บ่งบอกถึงภูมิศาสตร์ที่ราบต่ำอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเกษตรกรรมในดินแดนแห่งนี้
ด้วยความมุ่งมั่นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 คุณสุแทน สุขจิตร ลูกหลานชาวนาแห่งเมืองสุรินทร์ได้พลิกฟื้นผืนดินบริเวณนี้ไปสู่วิถีเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด “ข้าวท้องถิ่น ไม่ว่าจะทำเมล็ดหล่นที่ไหนก็งอกงามได้” เขาบอก ดังนั้นที่นี่จึงปลูกเฉพาะข้าวเมืองสุรินทร์ที่หากินที่อื่นได้ยาก เช่น ข้าวผกาอำปึล หรือข้าวดอกมะขาม เพราะมีสีเปลือกเดียวกับสีของดอกมะขาม รสชาติเหมือนข้าวโพดข้าวเหนียว หุงแล้วพองตัวเหมือนลูกเดือย ข้าวมะลินิลสุรินทร์ ชาวบ้านมักเรียกว่ามะลิดำ มีจุดเด่นที่สัมผัสนุ่ม หุงง่ายไม่ต่างจากข้าวหอมมะลิขาว ข้าวมะลิโกเมนสุรินทร์ หรือข้าวมะลิแดง และ ข้าวเหนียวแดง ที่ได้รับรางวัลข้าวเหนียวอร่อย ประจำปี พ.ศ. 2563 จากกรมการข้าว
ส่วนข้าวที่เหลือจากการขาย คุณสุแทนได้ต่อยอดมาสู่การผลิตสุราแช่พื้นเมือง หรือในภาษาบ้านๆ เรียกว่า “สาโท” เพื่อนำเสนอเสน่ห์ของข้าวพื้นเมืองในอีกมุมหนึ่งที่น่าลิ้มลองไม่แพ้กัน ซึ่งสาโทของวิสาหกิจชุมชนแซตอม ออร์แกนิก ฟาร์ม สุรินทร์นี้มาทั้งในรูปแบบของ สาโทโบราณ รสชาติหวานซ่าสดชื่น และ ฟิวชันสาโท ที่หยิบเอาเทคนิคการทำไวน์องุ่นมาประยุกต์เข้ากับการทำสาโทโบราณ นอกจากจะเก็บไว้ได้นานกว่าแล้วยังมีรสชาติหลากหลายที่ทำมาจากข้าวนานาสายพันธุ์ เช่น ระรื่น ทำจากข้าวเหนียวแดง จุติ ทำจากข้าวเหนียวดำ และ เดอะ แบล็ค จัสมิน ทำจากข้าวมะลินิลสุรินทร์ รวมถึงไวน์ผลไม้ที่หมักจากมะม่วงกะล่อนและกล้วย เป็นตัวเลือกที่น่าลองทั้งนั้น
นอกจากการทำนาอินทรีย์ จำหน่ายข้าวอินทรีย์ และแปรรูปข้าวเป็นสุราแช่พื้นเมืองแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งให้นักท่องเที่ยวได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมด้วยฟาร์มสเตย์ใจกลางทุ่งนา กินอาหารอีสานรสแซ่บ สัมผัสบรรยากาศแซตอมอย่างลึกซึ้งในแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น
จองที่พักล่วงหน้าโทร. 06-1165-1848 และ 08-9474-0199
Tag:
ช้าง, ที่เที่ยว, สาโท, สุรินทร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น