แสงแดดแผดเผากับสายลมที่สงบนิ่งแม้แต่ใบไม้สักใบก็ไม่ไหวติง ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวทะเลในหน้าร้อนแต่อย่างใด เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวแน่นขนัดที่ทยอยเดินขึ้นจากเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ไปสู่ท่าเรือ ‘เกาะเต่า’ อัญมณีแห่งท้องทะเลฝั่งอ่าวไทย จ.สุราษฎร์ธานี ที่มาพร้อมกับทรัพยากรใต้ท้องทะเลแสนอุดมสมบูรณ์ วิถีชีวิตของผู้คนอันน่าหลงใหล และกิจกรรมให้ทำอย่างไม่รู้เบื่อ อย่างเช่น 5 กิจกรรมที่เราแนะนำว่าต้องไปทำให้ได้สักครั้ง
ดำน้ำรอบเกาะ
เกาะเต่าขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่มีโรงเรียนสอนดำน้ำอยู่เป็นจำนวนมากในอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย จึงไม่แปลกที่รอบ ๆ เกาะจะเป็นพิกัดอันดีเยี่ยมในการลงสำรวจโลกใต้ท้องทะเล
รอบ ๆ เกาะเต่ามีจุดไฮไลต์อยู่ราว ๆ 7 จุดด้วยกัน ได้แก่ เจแปนนีสการ์เดน (Japanese Garden) จุดที่มีดอกไม้ทะเลและปะการังอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่อยู่ของปลาการ์ตูน ราวกับมีสวนญี่ปุ่นอยู่ใต้น้ำ อ่าวม่วง (Mango Bay) เป็นอีกจุดที่เหมาะสำหรับลงดำน้ำตื้นและตำน้ำลึก ด้วยคลื่นลมที่เงียบสงบ มีความลึกกำลังพอดี และมีแนวปะการังอยู่เป็นจำนวนมาก อ่าวไลท์เฮาส์ (Lighthouse Bay) มีความพิเศษเพราะจากมุมนี้จะมองเห็นประภาคารตั้งอยู่บนยอดเขา ส่วนทะเลนั้นไม่ลึกมากจึงเหมาะสำหรับการดำน้ำตื้น อ่าวหินวง คือหนึ่งในอ่าวที่โด่งดังที่สุดในแห่งหนึ่งของเกาะเต่า นอกจากทัศนียภาพของอ่าวที่เรียงรายไปด้วยก้อนหินมหึมาแล้วที่นี่ยังมีน้ำใสมองเห็นปลาว่ายวนไปมาได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะปลาค้างเหลืองที่มีจำนวนมากกว่าล้านตัว อ่าวเมา อ่าวเล็ก ๆ ทางทิศตะวันออกของเกาะ ถึงแม้จะไม่มีชายหาดแต่ใต้ทะเลบริเวณนี้นั้นก็อุดมไปด้วยแนวประการังที่สามารถลงดำน้ำได้ ส่วนจุดเด่นบริเวณอ่าวนี้ต้องยกให้กับก้อนหินหน้าคนที่เป๊ะราวกับมีใครมาสลักไว้
ท้ายสุดคือ หาดเทียน (Shark Bay) ไฮไลต์สำคัญของเกาะเพราะนี่คือบ้านของเต่าทะเลตัวใหญ่ มาดำน้ำวันไหนก็ได้เจอเต่าแน่นอน เพราะฉะนั้นเตรียมใจได้เลยว่าต้องเจอกับนั่งท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่แน่นอน
เที่ยวเกาะนางยวน
เกาะนางยวนเป็นเพื่อนบ้านของเกาะเต่าที่อยู่ห่างไปไม่ถึง 500 เมตร และเมื่อไปถึงแล้วจะไม่มีคำว่าเสียดายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งเป็นสีฟ้าสดใสจรดไปกับผืนน้ำที่เปล่งประกายสีฟ้าอย่างไม่มีใครยอมใคร พร้อมด้วยทรายเนื้อละเอียดสีขาวสะท้อนจนแสบตา
เกาะนางยวนประกอบไปด้วย 3 เกาะเล็ก ๆ ที่โยงใยหากันด้วยสันทรายทอดยาว ถ้าอยากจะเห็นภาพความมหัศจรรย์นี้ สามารถเดินเท้าเรียกเสียงหอบนิด ๆ หน่อย ๆ ไปยังจุดชมวิวของเกาะ ที่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยอย่างแน่นอน
แนะนำให้มาเยือนเกาะนางยวนกันตั้งแต่เช้าเพื่อจับจองที่กันก่อนที่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่จะเข้ามาในช่วงสาย ๆ ที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. และมีการเก็บค่าธรรมเนียมก่อนขึ้นเกาะ ราคาคนไทย 30 บาท ราคาต่างชาติ 100 บาท เนื่องจากที่นี่เป็นเกาะของเอกชน แต่ถ้าอยากใช้เวลาดื่มด่ำบนเกาะนางยวนอย่างเต็มที่ ก็มีเกาะนางยวน ไดฟ์ รีสอร์ท ที่พักหนึ่งเดียวบนเกาะให้ใช้บริการด้วยเช่นกัน
ชมวิวอาทิตย์ตกดิน
@Sunset Seaview Bar & Restaurant
ขอยกให้เป็น Hidden Gem อันดับ 1 ของเกาะเต่า ร้านอาหารและบาร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ต้องฝ่าฟันเส้นทางสุดลาดชันขึ้นไปถึงจะได้เจอกับทัศนียภาพมุมสูงของโค้งหาดทรายรีทอดยาว สมชื่อร้านด้วยภาพวิวอาทิตย์ตกดินสุดตระการตา
ไม่ใช่ว่าที่นี่จะมีดีแค่วิว ใครก็ตามท่ีมองหาเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น ที่นี่ก็มีบริการทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค็อกเทล ม็อกเทล รวมทั้งน้ำผลไม้ปั่นที่จัดผลไม้ให้แบบไม่มีหวง จิบไปเพลิน ๆ ระหว่างชมวิว และที่เหนือไปกว่านั้นยังมีอาหารตำรับใต้พร้อมเสิร์ฟ ไม่ว่าจะเป็นเมนูแกงส้มใต้ใส่ปลาชิ้นใหญ่ สะตอผัดกะปิ คั่วกลิ่ง น้ำพริกหยำกุ้ง ไปจนถึงใบเหลียงผัดไข่ รสจัดจ้านถึงพริกถึงขิงจนหยุดกินไม่ได้
ทำซั้ง (บ้านปลา)
@ที่ทำการชุมชนชายฝั่งประมงพื้นบ้านเกาะเต่า
ด้วยวิถีชีวิตของคนบนเกาะที่ผูกพันกับท้องทะเลมารุ่นต่อรุ่น อาชีพประมงพื้นบ้านของเกาะเต่าจึงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีความเข้มแข็งอย่างมาก โดยเฉพาะการทำประมงอย่างอนุรักษ์ธรรมชาติ
ณ ที่ทำการชุมชนชายฝั่งประมงพื้นบ้านเกาะเต่า ชาวประมงนั้นมารวมตัวกันเพื่ออนุรักษ์ท้องทะเลบ้านเกิด ด้วยแนวคิดว่าประมงพื้นบ้านจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อธรรมชาตินั้นมีความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นชาวประมงของเกาะเต่าจะหาปลาด้วยการตกเบ็ดเท่านั้น พร้อมการจับตาสอดส่องชายฝั่งรอบเกาะเพื่อป้องกันคนนอกเข้ามาใช้อวนหาปลาในพื้นที่ของเกาะเต่า
นอกเหนือไปจากการออกเรือหาปลาแล้ว พวกเขายังนำภูมิปัญญาเก่าแก่ของบรรพบุรุษอย่างการทำ ‘ซั้ง’ หรือบ้านปลา ด้วยไม้ไผ่และใบมะพร้าว นำไปถ่วงตามจุดต่าง ๆ รอบเกาะเต่าเพื่อเป็นที่อยู่ของปลาตัวเล็ก ที่เป็นอาหารของปลาตัวใหญ่กว่า ซึ่งกิจกรรมนี้ได้เปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวได้มาทดลองลงมือทำซั้งปลาร่วมกับชาวประมงพื้นบ้าน และเรียนรู้การอนุรักษ์ธรรมชาติในแบบฉบับของชาวเกาะเต่าไปพร้อม ๆ กัน
ทำผ้ามัดย้อม
@Coco Tie Dye
เกาะเต่ามีต้นมะพร้าวเป็นจำนวนมาก Coco Tie Dye (โคโค่ ทาย ดาย) จึงเป็นแบรนด์เสื้อผ้าของเกาะเต่าที่เกิดขึ้นมาด้วยข้อได้เปรียบทางธรรมชาตินี้ จากการ Upcycling หรือการนำขยะมาแปรรูป โดยใช้กากมะพร้าวมาคั้นจนได้สีย้อมผ้าน้ำตาลออกส้มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผ้ามัดย้อมเกาะเต่า อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความจริงจังและการร่วมมือของผู้คนท้องถิ่นในการยกระดับเกาะเต่าเป็นเกาะสีเขียว มีการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ผ้ามัดย้อมของ Coco Tie Dye มีหลายแบบหลายทรงเลยทีเดียว ทั้งเสื้อยืด เสื้อสายเดี่ยว เสื้อคอปก กางเกงขายาว กางเกงขาสั้น รวมถึงหมวกและกระเป๋า ที่มาในลวดลายมัดย้อมคุ้นตา น่าหยิบติดไม้ติดมือเป็นของฝากกลับบ้านไม่น้อย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเยือนเกาะเต่าคือ เดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี มีอากาศดี น้ำทะเลใสเหมาะสำหรับกิจกรรมดำน้ำ รองลงมาคือในเดือนมีนาคมและเดือนพฤศจิกายน ที่ยังพอมีแสงแดดและฝนตกน้อยกว่าในเดือนมกราคมและธันวาคมที่ตรงกับช่วงมรสุม คลื่นลมแรง แต่กิจกรรมต่าง ๆ รอบเกาะเต่านี้มีให้ทำได้ตลอดทั้งปี บอกเลยว่ามาแล้วจะรักทะเลไทยขึ้นอีกเป็นกอง
การเดินทางมาเกาะเต่า
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง รถไฟ หรือเครื่องบินไปยัง จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และเกาะสมุย จากนั้นต่อเฟอร์รี่จากท่าเรือชุมพร ท่าเรือสุราษฎร์ธานี และท่าเรือเกาะสมุย ไปยังท่าเรือเกาะเต่า
Tag:
สถานที่ท่องเที่ยว, สุราษฎร์ธานี, เกาะเต่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น