เป็นที่จับตามองกันมาโดยตลอดสำหรับคุณอ๊อด-กวิน ว่องกุศลกิจ ทายาทนักธุรกิจแถวหน้าของประเทศที่เลือกเดินในเส้นทางที่แตกต่างจากธุรกิจของครอบครัวด้วยการสานฝันในเส้นทางของตนจนประสบความสำเร็จ และพร้อมก้าวสู่โปรเจ็กต์ใหม่ที่เต็มไปด้วยแพสชันที่ The Food School Bangkok
“เราอยากสร้างเชฟที่ไม่ได้แค่ทำอาหารอร่อย แต่ยังเป็นเชฟที่เปลี่ยนโลกได้” Key Message ที่ดึงดูดให้คุณอ๊อดตัดสินใจเป็นพาร์ตเนอร์หลังการชักชวนของคุณแชมป์-ศิรเดช โทณวณิก ทายาทรุ่นที่ 3 ของ “ดุสิตธานี” ด้วยมองว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ไกลกว่าโรงเรียนสอนทำอาหาร เพราะเชฟคือกำลังสำคัญที่จะผลักดันอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากทั้งสองท่านยังมีอีกหนึ่งพาร์ตเนอร์ที่เปี่ยมด้วยแพสชันเดียวกันนั่นคือคุณปริม จิตจรุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็ลไลด์ เม็ททัลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่มีประสบการณ์ด้านออกแบบ สร้าง ประกอบครัวอุตสาหกรรมเพื่อการพาณิชย์มานานกว่า 50 ปี
คุณอ๊อดกล่าวว่า “จุดเด่นของ The Food School Bangkok คือโรงเรียนสอนการประกอบอาหารแห่งแรกที่รวม 3 โรงเรียนชั้นนำระดับโลกมาไว้ในที่เดียว ได้แก่ Dusit Thani College ของประเทศไทย ALMA-The School of Italian Culinary Arts จากประเทศอิตาลี และ Tsuji Culinary Institute จากประเทศญี่ปุ่น นับเป็นครั้งแรกที่ ALMA และ Tsuji มีการลงทุนนอกประเทศซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นในคอนเซ็ปต์ของเรา ที่นี่จึงเป็นการรวมตัวของ 3 ควีซีนที่คนนิยมกินมากที่สุดในโลก เราไม่ได้สอนทำอาหารอย่างเดียว แต่สอนตั้งแต่พื้นฐานการประกอบอาหาร เทคนิคเชิงลึก แหล่งที่มาวัตถุดิบจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งยังส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพในแต่ละช่วงของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) รวมถึงเทรนด์ของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต
“ผมได้นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจากโมเดลธุรกิจของตัวเองทั้ง Heritage Estates Co., Ltd. และ Glowfish Co-working Space มาต่อยอดสร้างคอนเซ็ปต์และแนวคิดทางด้านอาหารใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้ที่อยากเป็นเชฟให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสร้างคอมมูนิตีของคนในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งนอกจากหลักสูตรทั่วไปเรายังมี Masterclasses หลักสูตรระยะสั้นที่เน้นเติมเต็มศักยภาพเฉพาะทางของผู้เรียน รวมถึงเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ผู้เรียนกล้าออกนอกกรอบเพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับวงการอาหาร ดังนั้นเราจึงสรรหาบุคลากรในวงการอาหารมาสอนในลักษณะของ Master Series ซึ่งใช้ทักษะมากกว่าโรงเรียนสอนการประกอบอาหารทั่วไป โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากำหนดหลักสูตรร่วมกัน เช่น มาสเตอร์เชฟภาคอีสาน เราได้เชิญเชฟอันดับหนึ่งจากภาคอีสานมาเป็นผู้สอน เน้นชูวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในท้องถิ่นซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ลำดับต่อไปคือกินอาหารเป็นยาหรืออาหารเพื่อสุขภาพ ลดอาการภูมิแพ้ด้วยการกินอาหาร หรือการแปรรูปสมุนไพรให้เป็นอาหารที่ถูกปากสามารถกินได้ทุกวัน เป็นต้น”
Chefs Can Change The World สำหรับดรีมทีมทั้ง 3 ท่าน (คุณอ๊อด คุณแชมป์ และคุณปริม) จึงดูเหมือนอยู่ไม่ไกลนัก “เหตุผลที่เรามุ่งมั่นสร้างเชฟให้เข้าใจแหล่งที่มาของวัตถุดิบ รู้ขั้นตอนการเตรียมการเพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ รวมไปถึงวิธีการแปรรูปให้วัตถุดิบมีมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนนั้น เพราะเชฟมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนการกินของคน ซึ่งจะตอบโจทย์ดีมานด์ของทั้งอุตสาหกรรมอาหาร
“ถ้าเชฟไม่เข้าใจกระบวนการเติบโตอย่างยั่งยืน คนกินก็จะได้กินแต่ฟาสต์ฟู้ด ผลผลิตจะมีเพียงไม่กี่ชนิดและผลิตซ้ำๆ ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของชาวไร่ ชาวนา หรือชาวประมงให้สร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตของตนเองได้ เชฟที่เข้าใจคอนเซ็ปต์จะสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น เช่น เชฟอาจหยิบปลาพื้นบ้านของไทยมาครีเอตเป็นอาหารจานพิเศษ ส่งให้ปลาไทยป๊อปปูลาร์ขึ้นมาบนจานอาหารทั่วโลกก็เป็นได้ สิ่งเหล่านี้จะสร้างแรงขับเคลื่อนที่สามารถเปลี่ยนได้ทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เป้าหมายของเรายังเน้นการผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ๆ สร้างพื้นที่ International Learning Center ตอกย้ำซอฟต์เพาเวอร์ของเราทั้งวัตถุดิบและอาหารให้ยิ่งแข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงการอาหารโลก”
คุณอ๊อดทิ้งท้ายว่า “เรามุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะ ฝึกฝนปฏิบัติจริง ทั้งยังเน้นสร้างคอนเน็กชันกับเชฟระดับเวิลด์คลาส ซัพพลายเออร์ และคอนซูเมอร์ ที่นี่จึงเป็นมากกว่าโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร แต่เป็นคอมมูนิตีของวงการอุตสาหรรมอาหาร (Food Industry) ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในแวดวงอาหารที่ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่หมายถึงในระดับโลก”
บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้ เราเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นของคุณอ๊อด-กวิน ว่องกุศลกิจ Chefs Can Change The World จะอยู่ไม่ไกลเกินจริง
Tag:
Food in Biz, The Food School Bangkok
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น