Let’s Relax!
ไปแช่น้ำร้อนให้ผ่อนคลาย
ทำงานหนักตลอดสัปดาห์ มีเวลาพักผ่อนน้อยนิด...เป็นหนึ่งในความทุกข์ทนที่มนุษย์เงินเดือนต้องประสบพบเจอ (เป็นที่มาของคำว่า “ตัวตึง” ที่หมายถึงเส้นตึง) นี่คือสัญญาณของการวางทุกอย่างลงก่อน แล้วรีชาร์จพลังให้ตัวเองด้วยการไปแช่น้ำร้อนที่ออนเซ็นให้สมองโล่งขึ้น

สำหรับใครเคยไปสัมผัสประสบการณ์การแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นมาแล้วคงเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า นี่เป็นการพักผ่อนที่ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้นได้จริงทั้งร่างกายและอารมณ์ น่าดีใจที่ตอนนี้บ้านเรามีออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ให้บริการหลายแห่ง แต่ที่เพิ่งสร้างความฮือฮาไปเมื่อปลายปีก่อนคือการเปิดตัว Let’s Relax Onsen & Spa Pattaya ออนเซ็นวิวทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาแห่งแรกในบ้านเรา ซึ่งเป็นออนเซ็นแห่งที่ 2 ของ Let’s Relax

เรานัดพบกับคุณณรัล วิวรรธนไกร กรรมการบริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ Let’s Relax สาขาทองหล่อ เพียงแค่เดินเข้ามาก็เหมือนหลุดจากความวุ่นวายภายนอกได้ทันทีเหมือนภาพตัด ด้วยกลิ่น เสียงเพลง โทนสีที่ใช้ คุณณรัลแนะนำตัวกับเราว่าเป็นทายาทรุ่น 2 ที่มาช่วยบริหารงานเป็นปีที่ 11 ส่วน Let’s Relax นั้นเดินทางมาไกลครบปีที่ 25 แล้ว

“ผมเองเป็นคนชอบท่องเที่ยว ทำให้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งศาสตร์การทำสปา การนวด เทรนด์เทคโนโลยีเกี่ยวกับเวลเนส การมีสุขภาพดีจะช่วยให้เราพ้นโรคภัยได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นควรดูแลตัวเองตั้งแต่ก่อนป่วย เราจึงเน้นการบริการในเชิงป้องกัน เช่น การนวดซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตให้ดียิ่งขึ้น หรือกระทั่งธุรกิจในเครืออย่าง Stretch me Clinic ก็มีการยืดคลายกล้ามเนื้อ การทำกายภาพบำบัดสำหรับคนที่เป็นออฟฟิศซินโดรม”

สำหรับศาสตร์การแช่น้ำร้อน คุณณรัลเล่าว่าเริ่มครั้งแรกที่ทองหล่อตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เพราะเห็นว่าคนญี่ปุ่นมาอาศัยในเมืองไทยค่อนข้างมาก อีกทั้งการแช่ออนเซ็นเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในกลุ่มคนไทยและต่างชาติ “เราจึงนำศาสตร์การแช่น้ำร้อนและศาสตร์การใช้สมุนไพรไทยมาผสมผสานกัน แช่ออนเซ็นเสร็จแล้วไปนวดต่อ ร่างกายก็จะยิ่งผ่อนคลายยิ่งขึ้น”

Authentic Japanese Urban Onsen
ออนเซ็นของที่นี่มีทั้งหมด 5 บ่อ แต่ละบ่อมีคุณสมบัติต่างกัน บ่อน้ำแร่เกโระ (42 องศาเซลเซียส) ที่ใช้น้ำแร่จากแหล่งน้ำเกโระ จังหวัดทะคะยะมะ 1 ใน 3 แหล่งน้ำแร่ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากช่วยเรื่องความสวยความงาม ยังบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ บ่อไวท์ไอออน (40 องศาเซลเซียส) บ่อออกซิเจนที่มีฟองสีขาวเล็กละเอียด ช่วยเรื่องผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง บ่อโซดาสปา (38 องศาเซลเซียส) ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายและช่วยเรื่องความผ่อนคลาย บ่อน้ำวน (38 องศาเซลเซียส) ที่มีหัวเจ็ต (Jet) พ่นฟองอากาศช่วยนวด บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ และบ่อน้ำเย็น (16 องศาเซลเซียส) ซึ่งคุณณรัลยังแนะนำด้วยว่าการแช่น้ำร้อนกับเย็นจะส่งผลให้ร่างกายถูกกระตุ้น ทำให้หลอดเลือดขยายและหดตัว ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดียิ่งขึ้น

“คนญี่ปุ่นจะใช้บริการออนเซ็นค่อนข้างถี่ ส่วนคนไทยด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว แนะนำให้แช่สัปดาห์ละครั้งหรือ 2 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนนวดก็จะช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ลึกขึ้นครับ นอกจากนี้เรายังมีห้องหินร้อนที่ใช้หินภูเขาไฟของญี่ปุ่นร่วมกับผนังเกลือหิมาลายัน ความร้อนที่ผ่านหินจะช่วยขับเหงื่อออกมา เป็นการผ่อนคลายรูปแบบหนึ่ง ส่วนห้องเย็นที่พัทยาจะพิเศษหน่อย เราใส่ความเป็น Interactive เข้าไปในห้อง 0 องศาฯ นำเทคโนโลยีจับการเคลื่อนไว้ของร่างกายมาใช้ด้วย ส่วนภาพที่ฉายในห้องก็เป็น 12 ช่วงเวลาสำคัญของญี่ปุ่น ทั้งซากุระบาน หิมะตก ใบไม้ร่วง ช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้ใช้บริการ”

คุณณรัลยังทิ้งท้ายอีกด้วยว่านอกจากออนเซ็น Let’s Relax ให้ความสำคัญกับการผ่อนคลายด้วยศาสตร์สัมผัสต่างๆ แบบไม่มีสิ้นสุด ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

“เราเชื่อว่าการมีสุขภาพดีทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นครับ”

Note : ใครยังไม่เคยแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่นไม่ต้องใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะที่นี่มีภาพ Infographic : How to Onsen ที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้เข้าใจ ทั้งขั้นตอนการเข้าใช้ รวมถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ จะได้สัมผัสประสบการณ์การแช่ออนเซ็นได้อย่างเต็มที่

Tag: Cover story, การดูแลสุขภาพ, ญี่ปุ่น, สปา