สุขสันต์วันช็อกโกแลตฟองดู เมนูขนมหวานสุดฟินที่กินแล้วหยุดไม่ได้ อาจเป็นเพราะเมนูนี้มีความลงตัวของรสชาติที่ผสมผสานระหว่าง สตรอว์เบอร์รี กล้วย กีวี หรือมาร์ชเมลโลว์ ที่จุ่มลงในช็อกโกแลตละลาย จนเกิดเป็นรสชาติใหม่ที่ทำให้ใจใครหลายคนละลายไปตามกัน กลายเป็นเมนูเด็ดที่มีวันเฉลิมฉลองเป็นของตัวเอง
ก่อนจะมาเป็นช็อกโกแลตฟองดู เคยเป็นฟองดูชีสมาก่อน
คำว่า ‘ฟองดู’ (Fondue) เป็นคำศัพท์ของภาษาฝรั่งเศส แปลได้ว่า ‘ทำให้ละลาย’ แต่จริงๆ แล้วประวัติของฟองดูที่มีบันทึกเอาไว้นั้น มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมนูชีสเยิ้มๆ ผสมกับไวน์ขาวในหม้อไฟ เพื่อใช้จุ่มขนมปังกับเนื้อสัตว์ต่างๆ จะนิยมรับประทานในช่วงฤดูหนาว
ส่วนช็อกโกแลตฟองดูไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากสวิตเซอร์แลนด์แต่เป็นสหรัฐอเมริกา โดยเชฟชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นเจ้าของคาเฟ่ในเมืองนิวยอร์ก ได้ดัดแปลงสูตรจากชีสมาเป็นช็อกโกแลต กินคู่กับผลไม้ชนิดต่างๆ อาทิ กล้วยหอม สตรอว์เบอร์รี แอปเปิล และกีวี ที่ตัดกับรสช็อกโกแลตเข้มข้นได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นเมนูที่ถูกใจผู้คนไปทั่วโลก และมีวันเป็นของตัวเอง
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จึงกลายเป็นวันสำคัญของเหล่าช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ ที่จะได้มีข้ออ้างเพื่อเพลิดเพลินกับขนมหวานแสนอร่อย โดยบางพื้นที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีการจัดกิจกรรมให้สาวกช็อกโกแลตทุกคนได้ร่วมสนุกด้วย เช่น การจัดปาร์ตี้ช็อกโกแลตฟองดูกับก๊วนเพื่อน หรือจะเป็นการดื่มด่ำฟองดูสุดโรแมนติกที่บ้านกับคนพิเศษ รวมถึงการจัดการแข่งขันวิธีปรุงสูตรฟองดูแบบใหม่แบบสับ โดยให้เพื่อนหรือครอบครัวแข่งกันเพื่อหาสูตรฟองดูที่ดีที่สุด และได้ใช้เวลาร่วมกับคนพิเศษในวันแห่งความสนุกเช่นนี้
การกินช็อกโกแลตฟองดูอาจมีประโยชน์มากกว่าความสนุก
เพราะในช็อกโกแลตนั้นเป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดาร์กช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไป อีกทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ หากกินในปริมาณที่พอเหมาะ
และถ้าหากใครอยากได้เคล็ด(ไม่)ลับ ในการรังสรรค์เมนูช็อกโกแลตฟองดูไว้เซอร์ไพรส์คู่เดตในวันวาเลนไทน์นี้แล้วล่ะก็ สามารถอ่านไฮไลท์ประจำฉบับนิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 271 กุมภาพันธ์ 2566 "Chocolate For My Valentine ความหวานที่ชวนให้หลงใหล" ได้เลย รับรองว่ามัดใจได้อยู่หมัด
แหล่งข้อมูล
Tag:
ขนมหวาน, ช็อกโกแลต, ฟองดู
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น