30 ปี Dusit Thani College จากมุมมองของอธิการบดี Frouke Gerbens

วันที่ 23 มกราคม 2566  737 Views
นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 270 เดือนมกราคม 2566

สวัสดีปีกระต่ายมงคล ขอเริ่มต้นด้วยการส่งคำอวยพรถึงคุณผู้อ่านทุกท่านให้ประสบแต่ความสุขตลอดปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยและทั่วโลกมีสัญญาณสดใสตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ได้คลี่คลายลง

โอกาสนี้ทีมงานได้สัมภาษณ์คุณฟราวเกอะ เกอร์เบนส์ (Frouke Gerbens) อธิการบดีวิทยาลัยดุสิตธานี (Dusit Thani College) สถาบันสอนธุรกิจบริการที่มีชื่อเสียงมายาวนานถึงศักยภาพของสถาบันที่พร้อมส่งมอบบุคลากรที่เปี่ยมด้วยคุณภาพเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยวดังกล่าว

30 ปี Dusit Thani College จากมุมมองของอธิการบดี Frouke Gerbens

“ปีนี้วิทยาลัยดุสิตธานีจะมีอายุครบ 30 ปี เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพบุคลากรในด้าน Hospitality อย่างต่อเนื่อง จากวิสัยทัศน์ มอบความรู้จากในอุตสาหกรรมของเราเพื่ออุตสาหกรรมของเรา ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานีที่ต้องการขยายองค์ความรู้ด้านธุรกิจบริการสู่เยาวชนและคนไทยที่สนใจ เป็นที่มาของการก่อตั้งวิทยาลัยดุสิตธานี สถาบันการศึกษาด้านการโรงแรม ศิลปะการประกอบอาหาร และการท่องเที่ยวขึ้นในปี พ.ศ. 2536 ซึ่งตลอด 30 ปีที่ผ่านมายังคงเป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านการบริการที่ได้มาตรฐาน และเป็นสถาบันเดียวที่สอนเกี่ยวกับธุรกิจบริการโดยตรงในระดับปริญญาตรี

“ปัจจุบันวิทยาลัยดุสิตธานีได้เปิดสอนหลักสูตรไทย 3 สาขา ได้แก่ การจัดการโรงแรม การจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร และนวัตกรรมการบริการการท่องเที่ยว และยังมีหลักสูตรอินเตอร์เนชันแนล ได้แก่ ได้แก่ สาขาศิลปะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพ และ สาขาการจัดการการบริการ โดยสาขาศิลปะการประกอบอาหารฯ ได้ร่วมมือกับเลอ กอร์ดอง เบลอ สถาบันสอนทำอาหารฝรั่งเศสที่เก่าแก่ระดับโลก ส่วนสาขาการจัดการการบริการ ได้ร่วมมือกับ Ecole Hôtelière de Lausanne (EHL) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นโรงเรียนด้านการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมแห่งแรก และเป็นสถาบันดีที่สุดของโลกจากการจัดอันดับของหลายสถาบัน

“นอกจากหลักสูตรปริญญาตรี ยังมีหลักสูตรปริญญาโท และหลักสูตรระยะสั้นที่มีระยะเวลาเรียนตั้งแต่ 1 วันจนถึง 1 ปี หลักสูตรครอบคลุมทั้งด้านการครัว การบริหารจัดการโรงแรม และการบริหารด้านอื่นๆ ซึ่งไม่จำกัดกลุ่มผู้เรียน จึงมีผู้สนใจตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่” คุณฟราวเกอะได้กล่าวถึงความแตกต่างที่โดดเด่นของวิทยาลัยฯ ว่ามีรูปแบบ Work Integrated Learning หรือ WIL คือการให้นักศึกษาไปเรียนในสถานประกอบการจริงตั้งแต่ชั้นปีต้นๆ ทั้งยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในห้องปฏิบัติการและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมือนหรือใกล้เคียงสถานประกอบการ ห้องครัวที่เหมือนในโรงแรมและร้านอาหาร ห้องปฏิบัติการโรงแรมที่เหมือนห้องพักจริงๆ นอกจากการเรียนภายในวิทยาลัยฯ นักเรียนยังจะได้ฝึกปฏิบัติที่ โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ข้างวิทยาลัยฯ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์จากการบริการลูกค้า โดยมีพนักงานช่วยเทรน นอกจากเน้นบรรยากาศการเรียนรู้เสมือนจริงแล้ว ด้านอาจารย์ผู้สอนยังเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิชาการ มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญเทคนิคต่างๆ รวมถึงมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการบริการ เพื่อให้เกิด Real World Experience สามารถปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อสำเร็จการศึกษา

30 ปี Dusit Thani College จากมุมมองของอธิการบดี Frouke Gerbens

คุณฟราวเกอะเล่าถึงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมาว่า “ธุรกิจบริการและการศึกษาได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ภายใต้วิกฤตินี้ทำให้คนอยู่บ้านและเข้าครัวทำอาหารมากขึ้น หลายคนจึงได้แรงบันดาลใจและค้นพบความชอบของตนเอง รวมถึงมองเห็นโอกาสในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ในช่วงนี้เราได้เตรียมความพร้อมเพื่อการเปิดประเทศอย่างจริงจัง มีการพัฒนาองค์ความรู้และหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง เน้นขยายโอกาสทางธุรกิจที่สอดประสานกับความต้องการของตลาด อาทิ เปิดหลักสูตรปริญญาโทกลุ่มวิชา Gastronomy Business Management ซึ่งสอนครอบคลุมทุกมิติของการทำธุรกิจอาหารโดยเฉพาะ เพราะเรามองเห็นเทรนด์ของการเป็นนักลงทุน และเพิ่มหลักสูตรระยะสั้นโดยปรับให้เหมาะกับเทรนด์ทั้งเรื่องของความยั่งยืน อาหารเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

“ประสบการณ์จากวิกฤติต่างๆ ที่ผ่านมาทำให้เรามองเห็นภาพความร่วมมือซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ มากขึ้น ทั้งในอุตสาหกรรมเดียวกันและระหว่างสถาบัน อาทิ เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล เพื่อพัฒนาด้านการบริการและการแพทย์ หรือ The Food School โรงเรียนสอนทำอาหารในเครือโรงแรมดุสิตธานี ซึ่งรวม 3 สถาบันระดับโลกไว้ด้วยกัน ได้แก่ Alma, Tsuji และวิทยาลัยดุสิตธานีเอง”

นอกจากเพิ่มพูนศักยภาพทางด้านการเรียนการสอน ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ซึ่งมุมมองของคุณฟราวเกอะในฐานะชาวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทยนั้นมองว่าประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ยังขาดการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี มีลักษณะของ “Kill The Goose That Lays The Golden Egg” หวังผลระยะสั้นมากกว่าระยะยาว จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังเรื่องนี้ให้กับนักศึกษา

“ในโอกาสครบรอบ 30 ปี วิทยาลัยดุสิตธานียังมุ่งมั่นตามพันธกิจโดยไม่หยุดการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อเป้าหมายส่งมอบบุคลากรคุณภาพเข้าสู่อุตสาหกรรม Hospitality” คุณฟราวเกอะกล่าวปิดท้าย


Tag: Food in Biz, วิทยาลัยดุสิตธานี

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed