บทความและภาพประกอบโดย : อภิณี ธรรมโน (athammano@yahoo.com)
กลับมาอีกครั้งสำหรับการชวนชิมความอร่อยระดับดาวมิชลินในฮ่องกง ครั้งนี้ครอบครัว “ชอบกินอาหารอันเอร็ดอร่อย” ของเราจะพาไปชิมร้านอาหารฝรั่ง 1 ดาวมิชลิน 2 ร้าน 2 ฝั่งกันเลย คือฝั่งฮ่องกง 1 ร้านและฝั่งเกาลูน 1 ร้าน ปิดท้ายด้วยร้านอาหารญี่ปุ่น 2 ดาวมิชลินบนฝั่งฮ่องกงอีก 1 ร้าน ผู้อ่าน G&C ชอบใจอาหารแบบไหน ฝั่งไหน เลือกกินตามกันได้เลยค่ะ
ขอเริ่มต้นที่ย่านเซ็นทรัล (Central) ฝั่งฮ่องกงกันก่อนกับร้านที่สาวกเนื้อทั้งหลายไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ด้วยความที่เนื้อของเขาอร่อยล้ำ ชื่อร้าน Beefbar ตั้งอยู่บนชั้น 2 Club Lusitano เลขที่ 16 Ice House Street ได้รับ 1 ดาวมิชลิน (ร้านอาหารที่ดีมากในบรรดาร้านอาหารประเภทเดียวกัน) ประเภทสเต๊กเฮาส์ ร้านนี้มาจากกรุงมอนติคาร์โล ประเทศโมนาโก ภายในร้านตกแต่งขรึมๆ ด้วยโทนสีดำ ขาว และทอง หลังจากเรานั่งโต๊ะที่จองไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย คุณพ่อก็สั่งไวน์แดงมากินคู่กับอาหารเนื้อมื้อนี้ เป็นไวน์แดงออสเตรเลียชื่อ Kaesler, The Bogan, Barossa Valley, Vintage 2014
มีเครื่องดื่มที่คู่ควรแล้วลองมาชมอาหารที่เข้ากันดูบ้าง เราสั่งเซ็ตเมนูของทางร้านที่มีอาหารทั้งหมด 7 รายการ จานแรก Smoked Cecina & Garlic Bread เนื้อสไลซ์สีแดงสวยที่เรียกว่า Cecina เป็นเนื้อหมักเกลือแล้วตากแดดหรือลมหรือรมควันให้แห้งของสเปน รสชาติเค็มกำลังดีและหอมมากๆ จะกินเดี่ยวๆ หรือกินคู่ขนมปังกระเทียมที่วางเคียงกันมาก็อร่อยทั้ง 2 แบบ
จานถัดมาเป็นจานปลา Tuna & Sea Bass “Monte-Carlo Style” Tartare เนื้อปลาทูน่าและปลากะพงสดหวานชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ เคล้าเครื่องปรุงรสกลมกล่อม วางมาในน้ำเดรสซิงที่ทำจากส้มเลือด (Blood Orange ส้มที่มีสีแดงเป็นพิเศษ มีต้นกำเนิดมาจากแถบเมดิเตอร์เรเนียน) รสหวานอมเปรี้ยว
อาหารจานที่ 3 ยังเป็นอาหารจากทะเลอยู่ค่ะ Scallop, White Miso Tacos รูปร่างอาหารคล้ายขนมเบื้องบ้านเรา แต่ตัวแป้งทาโก้เป็นมิโซะขาวที่ทำจากถั่วเหลืองหมักด้วยข้าว มีรสหวาน ส่วนไส้เป็นหอยเชลล์สดหวานเนื้อเด้ง เป็นความนุ่มนวลที่เข้ากันดีกับความกรอบบางของแป้งทาโก้
กลับมาที่จานเนื้ออีกครั้งในอาหารรายการที่ 4 Black Angus Mini Burger คนชอบกินแฮมเบอร์เกอร์หากได้กินแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นนี้จะลืมแฮมเบอร์เกอร์อื่นที่เคยกินไปเลย ด้วยเนื้อแบล็กแองกัสสับปั้นเป็นก้อนทอดในขนมปังแฮมเบอร์เกอร์นุ่มๆ ฉ่ำ หอม และอร่อยมากๆ แล้วยังมีสลัดผักคะน้าสด มะเขือเทศสด มะเขือเทศแห้ง และชีสเคล้าน้ำสลัดรสเปรี้ยวอมหวานในถ้วยสีขาวที่วางไว้ข้างๆ ให้กินเคียงด้วย อร่อยจนอยากขอซ้ำรายการนี้อีกสักครั้ง แต่ไม่ได้นะคะต้องเขยิบไปรายการที่ 5 ต่อค่ะ Saffron Risotto & Xerez Braised Kobe Beef ข้าวตุ๋นสไตล์อิตาเลียนที่ใส่หญ้าฝรั่นสีเหลืองสวย ปรุงรสกลมกล่อม เข้ากันกับเนื้อโกเบตุ๋นที่แทบจะละลายในปากซึ่งวางอยู่ตรงกลาง
และแล้วก็มาถึงอาหารรายการที่ 6 อันเป็นจานหลักสำหรับมื้อค่ำมื้อนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเนื้อ American Prime “Black Angus” Flat Iron, Australian “Wagyu-Crossbred” Hanging Tender เนื้อส่วนอร่อย 2 ชนิดจาก 2 ทวีปชิ้นโตย่างมากำลังดี เนื้อในยังเป็นสีชมพูสวย เสิร์ฟมาร้อนๆ บนกระทะเหล็ก กินกับมันฝรั่งบดรสนุ่มนวลเนียนมากๆ นับเป็นจานหลักที่อิ่มแปล้ทีเดียว แต่เรายังจบมื้ออาหารมื้อนี้ไปไม่ได้ค่ะถ้ายังไม่ได้กินขนมหวานจานสุดท้าย Lemon Tart ครีมมะนาวรสเปรี้ยวหวานและมัน วางบนแป้งทาร์ตแครกเกอร์ข้าวสาลี โรยหน้าด้วยครัมเบิลและเมอแรงก์นุ่มๆ สมบูรณ์แบบสมเป็นร้านอาหาร 1 ดาวมิชลินจริงๆ
มาต่อกันอีกร้านที่ฝั่งเกาลูนค่ะ ชื่อร้าน Épure ตั้งอยู่ ชั้น 4 ศูนย์การค้าโอเชียนเซ็นเตอร์ ฮาร์เบอร์ซิตี้ ร้านนี้ได้รับ 1 ดาวมิชลินในประเภท French Contemporary เราต้องเดินผ่านส่วนหน้าร้านที่เป็นกระจกใสโปร่งๆ คล้ายๆ ร้านขายขนมเค้กเข้าไปจึงจะไปถึงส่วนของร้านอาหารอย่างเป็นทางการ ร้านนี้ตกแต่งด้วยโทนสีออกทองๆ ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสทั้งหมดให้มองเห็นวิวด้านนอกที่มีโต๊ะตั้งแบบเอาต์ดอร์ไว้สำหรับลูกค้าที่อยากนั่งกินไป ชมวิวอ่าววิกตอเรียไป ส่วนครอบครัวของเราขอนั่งในห้องแอร์ค่ะ
ก่อนเริ่มมื้ออาหารเป็นธรรมเนียมว่าคุณพ่อต้องเลือกสั่งไวน์อร่อยๆ มาดื่มคู่กัน คุณพ่อสั่งไวน์แดง Chateau Boyd-Cantenac Grand Cru Classe Margaux 2004 จากนั้นขนมปังร้อนๆ หอมๆ อร่อยๆ ก็ถูกยกมาเสิร์ฟตัดกำลังเราก่อนเลย ประกอบด้วยขนมปัง 3 ชนิด ขนมปังนมเนื้อนุ่ม ขนมปังบาแกตต์กรอบนอกนุ่มใน และขนมปังที่ทำจากชีส Comté (ชีสนมวัวของฝรั่งเศสที่มีรสของถั่วและคาราเมลแทรกอยู่ในรสชาติอันซับซ้อน) แล้วใส่พริกไทยนิดๆ ด้วย ส่วนเนยที่เสิร์ฟมากับขนมปังมี 2 ชนิด เป็นเนยธรรมดาและเนยผสมกระเทียมกับสมุนไพร ถึงขนมปังเขาจะอร่อยมากเพียงใดเราก็ต้องพยายามกินแบบยั้งๆ ค่ะ เพราะอาหารในคอร์ส Signature Dinner Menu ที่เราสั่งไว้ในวันนี้มีถึง 7 เมนูด้วยกัน
เริ่มด้วยอาหารจานแรก House-smoked Isigny Salmon แซลมอนรมควันชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีส้มสดเรียงมาระหว่างเจลลีที่ทำจากมะนาวและวอดก้ากับเค้กที่ทำจากชีส Faisselle (ชีสนุ่มๆ ของฝรั่งเศสที่นิยมนำมาทำเค้ก) คั่นด้วยครีมหวานอมเปรี้ยว เวลากินเคล้ากันทั้ง 4 อย่างที่อยู่บนจาน เข้ากันดีมากค่ะ
จานที่ 2 Torched Duck Foie Gras ตับเป็ดจี่ไฟมากำลังเหมาะ บนหน้าโรยด้วยถั่วและส้มโอ ข้างๆ เป็นชิ้นลูกแพร์ต้มนุ่มหวาน แล้วยังมีซอสคาราเมลเคียง คุณเชฟมีความสามารถในการเสิร์ฟสิ่งที่เสริมส่งรสชาติกันจริงๆ จานที่ 3 Langoustine กั้งขนาดกำลังดีนอนมาในแป้งพัฟบางกรอบกรุบทรงกลมมีรูตรงกลางที่ฝรั่งเศสเขาเรียกกันว่าโวลโอวอง (Vol au Vent) พอยกมาวางหน้าเราเสร็จคุณพนักงานเสิร์ฟก็นำซอสหอมๆ กลิ่นชะเอมมาราดลงบนตัวกั้ง อร่อยค่ะ
จานที่ 4 เป็นรายการคั่นจังหวะอาหารที่เรากินมาแล้วกับอาหารจานหลักที่กำลังจะมา คุณเชฟเสิร์ฟเชอร์เบตที่ทำจากถั่วกับอัลมอนด์ ‘Ice-Cold’ Butter Beans, Fresh Almond มันๆ เย็นๆ ไม่ค่อยถูกปากดิฉันเท่าไรนัก เพราะมีความรู้สึกว่ามันเลี่ยน แต่ทว่าคนร่วมโต๊ะไม่มีใครรู้สึกอย่างดิฉันนะคะ คงจะไม่ถูกปากอยู่คนเดียว ไม่ใช่ความผิดคุณเชฟค่ะ และก็มาถึงอาหารจานหลักเป็นเนื้อวากิว เนื้อนุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบทั้งหัว พร้อมผักสวิสชาร์ด ราดด้วยซอส Ravigote ซอสคลาสสิกของฝรั่งเศส ทำจากน้ำซุปเนื้อ หอมแดงหรือหอมหัวใหญ่ผัด ลูกเคเปอร์ และสมุนไพร
จานที่ 6 เป็นจานชีส คุณพนักงานเสิร์ฟเข็นรถชีสที่มีชีสเรียงรายอยู่มาตัดแบ่งด้านหน้าโต๊ะเรา โดยจัดวางบนจานพร้อมแยมให้เราแชร์กัน จบจากชีสก็มาถึงรายการสุดท้ายแล้วค่ะ เป็นขนมหวาน Grand Marnier Soufflé ซูเฟล่ฟูนุ่ม ผิวหน้ากรอบบาง เนื้อในหวานเนียนนวลหอมเหล้ากรองมานีเยที่ผสมอยู่ แถมยังเข้ากันดีกับเชอร์เบตส้มแมนดารินอมเปรี้ยวที่เสิร์ฟคู่กัน กินแล้วสดชื่น ปิดท้ายมื้อจริงๆ ด้วยขนมหวานชิ้นเล็กๆ อภินันทนาการจากคุณเชฟทั้งมาการอง ช็อกโกแลตทาร์ต และคาราเมลทาร์ต ช่างเป็นการปิดท้ายที่หวานได้ใจจริงๆ
ลิ้มลองอาหารฝรั่ง 1 ดาวมิชลินกันแล้ว ฉบับหน้าดิฉันจะขอพาไปลิ้มรสอาหารญี่ปุ่น 2 ดาวมิชลินกันต่อนะคะ
อ่านเพิ่มเติม
>> อร่อยแบบดาวมิชลิน อิน ฮ่องกง (ตอนจบ)
Tag:
, World Food, ฮ่องกง,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น