ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาช่องทางการทำการตลาดทั้งหมดในปัจจุบัน การเขียนคอนเทนต์หรือการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยใช้ตัวอักษรเป็นสื่อกลางถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาวุธที่มีความสำคัญอย่างมากทั้งในแง่ของการทำให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จัก, การเพิ่มความน่าช่วยถือ และการเพิ่มยอดขาย ในเมื่อคอนเทนต์มีประโยชน์ต่อการทำการตลาดในหลายมิติเช่นนี้ แน่นอนว่าผู้ประกอบการทุกคนย่อมต้องเลือกใช้ช่องทางดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น

แม้จะจริงอยู่ที่ไม่ว่าใครต่างก็ใช้คอนเทนต์เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร แต่วิธีที่จะช่วยให้คอนเทนต์ของเราแตกต่างจากคู่แข่งจนสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้นคือการนำหลัก Storytelling มาปรับใช้ ว่าแต่ Storytelling คืออะไร และอะไรคือประโยชน์ของการจัดทำคอนเทนต์ด้วยเทคนิคดังกล่าว ถ้าพร้อมแล้ว ขอเชิญทุกคนตามไปหาคำตอบพร้อมกันด้านล่างนี้ได้เลย

Storytelling คืออะไร?
Storytelling คือเทคนิคการเขียนคอนเทนต์รูปแบบหนึ่ง โดยหัวใจสำคัญของเทคนิคดังกล่าวจะอยู่ที่การสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้อ่านด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวจากความรู้และประสบการณ์ของแบรนด์อย่างเป็นแบบแผน โดยอาจจะเริ่มจากการพูดถึงปูมหลัง, จุดเริ่มต้น, จุดพลิกพลัน, การผ่านพ้นวิกฤต และบทสรุป ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนี้จะต้องมีความสัมพันธ์กันคล้ายกับเวลาเราอ่านนิยายหรือนิทานที่เราจะเห็นพัฒนาของตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญเลยก็คืองานเขียนในรูปแบบ Storytelling จะต้องดึงดูให้ผู้อ่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของเราผ่านการนำจุดเกาะเกี่ยวที่คนส่วนใหญ่มักจะเจอในชีวิตมานำเสนอ เช่น ความสุข, ความทุกข์ และความผิดหวัง เป็นต้น

ประโยชน์ของ Storytelling คืออะไร?
สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์
ประโยชน์ข้อแรกของการจัดทำคอนเทนต์โดยนำเอาหลักของ Storytelling มาประยุกต์ใช้ได้แก่การทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างแบรนด์ของเราและคู่แข่ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากเพราะความแตกต่างคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าจดจำเราได้ และนำไปสู่การเพิ่ม awareness ในยุคออนไลน์ในท้ายที่สุด

เชื่อมโยงผู้ประกอบการและลูกค้าเข้าด้วยกัน
อย่างที่เราได้เกริ่นไปในข้างต้นว่า Storytelling คือหลักการที่หยิบเอาวิธีการเล่าเรื่องแบบนิทานหรือนิยายมาปรับใช้เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมระหว่างผู้เขียนและผู้อ่าน ดังนั้นการจัดทำคอนเทนต์ในลักษณะดังกล่าวจึงมีประโยชน์อย่างมากในแง่ของการเชื่อมโยงผู้ประกอบการและลูกค้าเข้าด้วยกัน และทำให้ลูกค้าเป้าหมายมีความรู้สึกว่าจริงๆ แล้วแบรนด์ของเราก็คือมนุษย์ที่มีความรู้สึกเหมือนกับตัวของเค้าเองจนก่อให้เกิดความคุ้นเคยระหว่างตัวผู้ประกอบการและลูกค้าในฐานะของคนที่มีประสบการณ์ร่วมกัน

เพิ่มความน่าเชื่อถือ
เมื่อลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยกับแบรนด์ของเรามากขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนต่อมาก็คือลูกค้าจะรู้สึกว่าแบรนด์ของเรามีความน่าเชื่อถือ ซึ่งพอมีความรู้สึกดังกล่าว แน่นอนว่าความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ก็เหมือนกับเวลาที่เรารู้จักใครสักคนที่พอได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตัวของเขามากยิ่งขึ้น และพบว่าเรื่องดังกล่าวนั้นมีความเชื่อมโยงกับตัวเอง เราก็ยิ่งเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและอยากจะสนับสนุนคนคนนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

Tag: การเขียน, Storytelling