ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวทะเลตะวันออก และในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติกลางอ่าวไทย จากข่าวคราวน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับท้องทะเลระยองเมื่อต้นปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา จึงขอเลี่ยงเส้นทางเพื่อให้ทะเลและชายหาดได้พักผ่อนและฟื้นตัวอย่างเต็มที่ แล้วแวะไปยังสวนพฤกษศาสตร์ระยอง พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ หนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของระยองที่มีความเฉพาะตัวอย่างมาก
ถามว่าที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากแค่ไหน ก็ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งให้ภาพความทรงจำที่แปลกประหลาดมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยทีเดียว แน่นอนว่าเราไม่สามารถสำรวจทุกตารางนิ้วของพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่า 3,800 ไร่ได้ในการมาเยือนแค่คราวเดียว แต่ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงนี้เราก็ได้พบเจอกับความมหัศจรรย์ของพื้นที่ชุ่มน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพในแบบที่ไม่มีทางหลงลืมไปได้เลยตลอดชีวิต
วิธีการสำรวจแหล่งชุ่มน้ำป่าเสม็ดโบราณภายในสวนพฤกษศาสตร์ระยองมีอยู่หลากหลายวิธี ถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ก็สามารถจ้างคนขับเรือได้ ถ้าต้องการขยับเขยื้อนร่างกาย ออกกำลัง ทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์กลางแจ้งเรียกเหงื่อนิดๆ หน่อยๆ ก็เลือกพายคายักหรือซับบอร์ดเข้าไปสำรวจพื้นที่ได้ด้วย แต่หากไม่สันทัดกับกิจกรรมทางน้ำ จะปั่นจักรยานเที่ยวผ่านเส้นทางบนบกก็ได้เช่นกัน
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ ก่อนที่สายธารรอบตัวเราจะนำพาเราไปยังป่าเสม็ดโบราณที่ถือเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ระหว่างทางก็มีอีกไฮไลต์ที่เด็ดไม่แพ้กัน มองเผินๆ เหมือนเป็นแผ่นดินริมน้ำที่มีหญ้าใบเรียวสีเขียวชอุ่มขึ้นสูงเกือบเทียมไหล่ มีฉากภูเขาประดับอยู่เบื้องหลัง แต่พอขึ้นไปเหยียบจริงๆ แล้วจึงได้รู้ว่าลานหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาซึ่งรองรับน้ำหนักตัวเราอยู่นี้ลอยอยู่บนน้ำ!
เรารับรู้ได้ถึงความโคลงเคลงเหมือนเหยียบอยู่บนพื้นเจลลียวบยาบ แต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะประคองเราไว้ได้ทุกย่างก้าว ในช่วงแรกๆ อาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไร กว่าจะก้าวไปได้แต่ละก้าวนั้นต้องใช้พลังใจอย่างมหาศาล แต่เมื่อเดินไปเดินมาอยู่บนแพที่ชาวบ้านเรียกว่า “แพหญ้าหนังหมา” นี้สักพักก็เริ่มมั่นใจในความปลอดภัย ภายใต้ผืนหญ้านี้เป็นเหมือนตาข่ายที่ถักทออย่างหนาแน่นด้วยรากและซากของหญ้าที่ทับถมกันมาเป็นเวลายาวนานจนมีความหนากว่า 1 เมตร ต่อให้วิ่งกระโดดโลดเต้นบนแพก็ไม่มีทางทะลุร่วงตกน้ำไปอย่างแน่นอน (ชาวบ้านคอนเฟิร์ม)
จากจุดชมแพหญ้าหนังหมา ภาพสองข้างทางที่เคยเป็นที่โล่งเริ่มเปลี่ยนไปด้วยความครึ้มจากกิ่งก้านสาขาของต้นเสม็ดขาวนับร้อยนับพันที่ว่ากันว่ามีอายุนับร้อยปี ยืนต้นสูงสง่าปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่จนได้ชื่อว่าเป็นป่าเสม็ดที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในภาคตะวันออกของไทย ที่ขึ้นแซมๆ มาคือต้นกระจูด หนึ่งในพืชที่คนแถวนี้นำมาสานเป็นข้าวของเครื่องใช้
ต้นเสม็ดเป็นพันธุ์ไม้ที่พบได้ทั่วไปตามพื้นที่ลุ่มน้ำขังแถวป่าชายเลน ด้วยลำต้นที่มีลักษณะบิดคดเคี้ยว เปลือกลำต้นมีสีขาวและลอกเป็นแผ่นๆ ได้ และมักเจริญเติบโตเป็นกลุ่ม ทำให้ภาพของสังคมป่าเสม็ดโบราณแห่งนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ ใช่จะมีเพียงความหลากหลายของต้นไม้ใบหญ้าเพียงเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นเสมือนบ้านของนกประจำถิ่น เช่น นกเป็ดน้ำ นกอ้ายงั่ว และนกปากห่าง ทุกๆ หย่อมหญ้าที่เรือแล่นผ่านจะมองเห็นนกเหล่านี้เกาะอยู่ตามยอดไม้ ยืนจับจ้องเหมือนกำลังตรวจตราเราผู้มาเยือน
ภาพความงดงามของป่าเสม็ดโบราณแห่งนี้แบ่งเป็น 2 แบบ แบบแรกคือภาพที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า กับต้นเสม็ดที่เรียงสลับซับซ้อนโผล่ลำต้นขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำสีดำมืดจนไม่รู้ว่าตื้นหรือลึก ช่วงเวลาที่จะได้เห็นภาพนี้คือในฤดูน้ำมาก โดยเฉพาะตลอดฤดูฝนหรือช่วงกลางปี หากมาในช่วงน้ำน้อยก็ให้โยนไม้พายและเรือทิ้งไว้ได้เลย เพราะน้ำจะแห้งสนิทจนเห็นพื้นดิน สามารถกินลมชมวิวไปตามเส้นทางเดิน สัมผัสป่าเสม็ดโบราณได้อย่างใกล้ชิด
ในที่สุดเรือก็พาเรามาถึงสะพานรักษ์เสม็ดสีแดงสด จุดชมวิวและถ่ายภาพยอดนิยมที่ทอดยาวเชื่อมเส้นทางเดินป่าระหว่างฐานการเรียนรู้ไม้หนามและฐานการเรียนรู้ป่าพรุ จากมุมนี้เราได้มองป่าเสม็ดจากมุมที่สูงขึ้นมาอีกนิดและกว้างขึ้นอีกหน่อย นับเป็นมุมที่ไม่สามารถหาได้จากการนั่งเรือ
อันที่จริงสะพานรักษ์เสม็ดเป็นจุดเที่ยวสุดท้ายที่สามารถจบการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เราก็มีโอกาสได้แวะจุด Unseen อีกจุดที่อยู่ใจกลางป่าเสม็ดแห่งนี้ คนขับเรือไม่สามารถใช้เครื่องยนต์ของเรือได้ ต้องพายเข้าไปเท่านั้น ความเงียบไร้เสียงจากเรือมีเพียงเสียงของลมหายใจ ทำให้บรรยากาศที่ดูลึกลับนั้นยิ่งลึกลับไปยิ่งกว่าเดิม ผืนน้ำก็ยังคงมืดสนิทเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่เพิ่มเติมคือบนต้นเสม็ดเหล่านี้ถูกปกคลุมไปด้วยลิเภา เฟิร์นชนิดหนึ่งเลื้อยจนปกคลุมไปทั่วจนดูคล้ายกับม่านสีเขียวขนาดยักษ์ พิกัดตรงนี้ระบุยากทีเดียวว่าอยู่ส่วนไหนของป่าเสม็ดโบราณ ต้องสอบถามชาวบ้านที่เชี่ยวชาญเส้นทางเท่านั้น
ถึงแม้ว่าผืนน้ำรอบตัวเราดำมืดราวกับจะกลืนกินทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วกลับมีความลึกแค่เข่าเท่านั้น จึงเป็นพิกัดที่สามารถลงเดินในน้ำได้ สัมผัสของพื้นที่ที่อยู่ด้านล่างนั้นให้ความรู้สึกพิลึกไม่น้อย แม้ว่าจะนุ่มเท้าด้วยตะกอนใบไม้ที่ทับถมกันหลายต่อหลายชั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลัวจะมีสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาทักทาย แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็กลับขึ้นเรือมาโดยสวัสดิภาพอย่างไร้รอยขีดข่วน
ถ้ามาระยองแล้วอยากได้ประสบการณ์การเดินทางที่แตกต่างออกไปจากเดิม พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้คือคำตอบ
พิกัด : ตำบลซากพง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
โทร. 0-3863-8880
เปิดทุกวัน 06.00-18.00 น.
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/rayongbotanic
Tag:
travel, ระยอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น