อาจกล่าวได้ว่า Segafredo Zanetti (เซกาเฟรโด ซาเนตติ) เป็นตัวแทนของคำว่า “รสชาติเอสเปรสโซแห่งอิตาลี” หรือเป็น “การทักทายในยามเช้า” ของคนทั่วโลกไปแล้ว จากแบรนด์ที่มีถิ่นกำเนิดจากเมืองโบโลญญาเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว กลายเป็นผู้นำในตลาดของผู้ให้บริการด้านอาหารอิตาเลียนในยุค 1970 จากนั้นได้ขยายแบรนด์ไปทั่วโลก และกลายเป็นหนึ่งในกาแฟแบรนด์ใหญ่ระดับโลกที่มียอดจำหน่ายมากกว่า 110 ประเทศ ด้วยเครือข่ายของบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารของ Massimo Zanetti Beverage Group (MZB Group) และผู้จัดจำหน่ายมากมายที่มีหน้าที่ส่งต่อกาแฟสุดพิเศษให้กับผู้บริโภค

Mr. Pascal Héritier กล่าวถึงจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นคือการไม่หยุดอยู่กับที่ แต่พัฒนา ปรับตัว และเสาะหาแรงบันดาลใจอยู่เสมอ MZB Group เน้นเติบโตด้วยการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ แต่ยังรักษาแก่นสำคัญของบริษัทนั้นไว้

“เราเน้นการบริหารจัดการที่ขึ้นตรงกับเราในกว่า 40 ประเทศในทุกทวีป และไม่เพียงขายผลิตภัณฑ์ผ่านผู้จัดจำหน่าย เรายังเน้นสื่อสารกับลูกค้าเพื่อส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ของเราโดยตรง ทั้งยังปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์และทุกตลาด ‘คิด’ ในระดับโลก แต่ ‘ปฏิบัติ’ ให้เหมาะกับแต่ละท้องถิ่น เรายังมีโรงคั่วกาแฟ 21 แห่งทั่วโลกที่พร้อมส่งมอบเมล็ดกาแฟ และยังเปิดร้าน Segafredo Zanetti Espresso Caffè เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและวิถีชีวิตสไตล์อิตาเลียนในรูปแบบของ Segafredo ไปทั่วโลก ซึ่งก่อนวิกฤตโควิด-19 เรามีร้านกาแฟมากกว่า 500 แห่งในกว่า 50 ประเทศ

“ตัวอย่างความสำเร็จที่อยากกล่าวถึงคือการลงทุนครั้งแรกที่สำคัญของเราในเอเชีย คือการพัฒนาแบรนด์ในญี่ปุ่นผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่วันนี้ส่งมอบกาแฟให้กับลูกค้ามากมาย และบริหารร้าน Segafredo Zanetti Espresso Caffè ผมกล้าพูดได้ว่าการลงทุนใน Boncafé Group ในปี 2014 คือก้าวสำคัญที่สุดในกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจของเรา ในทวีปเอเชียเราให้บริการ Coffee Solution แบบครบวงจร มีสาขาหลายประเทศในเอเชียรวมถึงประเทศไทย และไม่ได้ขายเพียงผลิตภัณฑ์ของ Boncafe แต่ยังพัฒนาแบรนด์ Segafredo ในตลาดต่างๆ เพื่อเติมเต็มให้แก่ลูกค้าของเราด้วย

“เป้าหมายในปี 2022 ถือเป็นการเริ่มต้นเติบโตอีกครั้งหลังการระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก เราให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เครื่องดื่มชนิดกาแฟพร้อมดื่ม กาแฟแคปซูลตัวใหม่ และกาแฟ Single Origin ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ Consumable ตัวใหม่ และพิเศษสุดกับการเปิดตัว Segafredo Caffe แห่งแรกในประเทศไทย ที่จังหวัดภูเก็ต ในบรรยากาศนุ่มนวลชวนนั่ง ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้หญิงและครอบครัว รวมถึงนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มร้อนและเย็นสุดคลาสสิก และอาหารอิตาลีที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี”

คุณอุษาพรรณ อินทีวรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของประเทศไทยว่า “บอนกาแฟเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟชั้นนำในประเทศกว่า 30 ปี การเข้ามาของเซกาเฟรโด ซาเนตติ มาพร้อมกับการเป็นส่วนหนึ่งของ Massimo Zanetti Beverage Group กับ Boncafe Group เราจึงยิ่งมั่นใจว่าได้ส่งต่อคุณภาพที่ได้มาตรฐาน และ Know-how จากอิตาลี เพื่อสร้างและขยายแบรนด์นี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และส่งต่อเอสเปรสโซแห่งอิตาลีไปทั่วโลกตามเจตนารมณ์ของ Massimo Zanetti

“ปัจจุบันสินค้าเซกาเฟรโด ซาเนตติที่วางขายในประเทศไทย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กาแฟชนิดเม็ด บด และกาแฟชนิดแคปซูล กลุ่มลูกค้าของเรามีตั้งแต่กลุ่มออฟฟิศ คาเฟ่ ร้านอาหาร โรงแรมชั้นนำ และล่าสุดกับการเปิดตัวกาแฟพร้อมดื่มเซกาเฟรโด 2 รสชาติ ได้แก่ อเมริกาโน และลาเต้ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งหาซื้อได้ทั้งช่องทางออนไลน์ หน้าโชว์รูมบอนกาแฟ รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และเริ่มนำเข้าไปวางขายในตู้แมชชีนหลายร้อยตู้ทั่วกรุงเทพแล้วในเดือนที่ผ่านมา

“สำหรับร้านคาเฟ่แฟรนไชส์ที่เราบริหารเองจะมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น แม้ลูกค้าจะเสียดายที่สาขาต่างๆ จะปิดตัวลงแต่ทั้งหมดนี้คือการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ โดยเรามุ่งมั่นจะทำให้ดีกว่าเดิมและเข้าถึงง่ายขึ้น โดยเริ่มต้นใหม่ที่สาขาภูเก็ตที่กำลังจะปรับปรุงเพื่อกลายเป็นแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่

“ปีนี้เรายังตั้งใจที่จะสนับสนุนกิจกรรมกีฬาเหมือนเช่นเคย และร่วมมือกับ Thai - Italian Chamber of Commerce (TICC) หรือหอการค้าไทย-อิตาลี ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีงานเฉลิมฉลองวันชาติอิตาลีร่วมกันในธีม The Italian Taste Journey ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 รวมทั้งมีกิจกรรมอีกหลากหลายรูปแบบในการเผยแพร่วัฒนธรรมอิตาลีเพื่อให้คนไทยรู้จักกันมากขึ้น”

Tag: Food in Biz, กาแฟ