แน่นอนว่าชนชาติอเมริกันไม่ใช่ผู้คิดค้นไอศกรีมเป็นรายแรกของโลก ด้วยอิทธิพลจากการย้ายถิ่นฐานของชาวยุโรปมาสู่ทวีปใหม่ พวกเขาได้นำวัฒนธรรมการกินเจลาโต รวมถึงไอศกรีมทั้งจากฝรั่งเศสและอังกฤษเข้ามาด้วย และไอศกรีมสไตล์อเมริกันก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามไม่แพ้ไอศกรีมสัญชาติอื่น
มีการค้นพบหลักฐานว่าร้านไอศกรีมแห่งแรกในอเมริกาเปิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1776 ในนิวยอร์กซิตี้ แต่กว่าไอศกรีมจะเป็นของหวานสำหรับคนทุกคนแทนที่จะเป็นของหรูหราสำหรับคนรวยก็ย่างเข้าสู่ช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 เข้าไปแล้ว และในภายหลังไอศกรีมกลายเป็นสัญลักษณ์ขวัญกำลังใจในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ของหวานชนิดนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และผู้ผลิตไอศกรีมรายใหญ่ที่สุดในอเมริกาในปี ค.ศ. 1943 ก็คือกองทัพสหรัฐฯ นั่นเอง แม้หลังจากผ่านพ้นยุคสงครามไปแล้วไอศกรีมก็ยังเป็นส่วนสำคัญในชีวิต
ไอศกรีมสไตล์อเมริกันนั้นใช้กรรมวิธีการทำแบบฟิลาเดลเฟีย อิงจากชื่อเมืองที่อุดมไปด้วยนมคุณภาพดี ส่วนผสมพื้นฐานจึงมักจะเป็นครีม นม น้ำตาล วัตถุดิบเพิ่มรสชาติ และบางครั้งอาจเพิ่มไข่แดงเข้าไปด้วย จุดเด่นของไอศกรีมอเมริกันคือไม่ต้องใช้เวลานานและไม่ซับซ้อนเท่าการทำเจลาโต แต่ก็ทำให้เนื้อสัมผัสของไอศกรีมไม่เนียน ไม่เหนียว และไม่ประณีตเท่าเจลาโตด้วยเช่นกัน
ไอศกรีมซันเด
เมื่อพูดถึงเมนูไอศกรีมอเมริกันที่โด่งดังที่สุดก็คงต้องยกให้กับ “ไอศกรีมซันเด” ไอศกรีมหลายๆ ลูกเสิร์ฟในถ้วยทรงสูง ราดด้วยน้ำเชื่อมรสต่างๆ และมีเชอร์รีออนท็อป ที่มากไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับทฤษฎีที่มาอันหลากหลาย โดยเมืองอีทากา (Ithaca) ในนิวยอร์กเป็นแห่งแรกที่พบหลักฐานการโฆษณาขายไอศกรีมซันเดใน Ithaca Daily Journal ฉบับวันที่ 5 ตุลาคม 1892 ภายหลังมีนักประวัติศาสตร์อธิบายเรื่องราวไอศกรีมซันเดไว้ว่าในบ่ายวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 1892 สาธุคุณจากโบสถ์ Unitarian Church เดินทางไปยังร้านดรักสโตร์ชื่อว่า Platt & Colt ของ Chester Platt แต่แทนที่เขาจะเสิร์ฟวานิลลาธรรมดา Platt เพิ่มสีสันด้วยน้ำเชื่อมเชอร์รีและเชอร์รีเชื่อมจนกลายเป็นเมนู Cherry Sunday ในเวลาต่อมา
ในขณะที่อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าไอศกรีมซันเดเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในตัวเมืองทูริเวอร์ส (Two Rivers) แห่งรัฐวิสคอนซิน ณ ร้านน้ำพุโซดา (Soda Fountain) ของ Ed Berners ในปี ค.ศ. 1881 เมื่อลูกค้าของ Berners ได้สั่งเมนูไอศกรีมราดด้วยน้ำเชื่อมช็อกโกแลต หลังจากนั้นเมนูดังกล่าวได้ขึ้นมาอยู่บนเมนูสำหรับวันอาทิตย์
ในเมืองเอแวนสตัน (Evanston) รัฐอิลลินอยส์ ก็มีเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับไอศกรีมซันเดเช่นกัน เมืองเคร่งศาสนาแห่งนี้ได้ออกกฎหมายห้ามขายโซดาในวันอาทิตย์ ร้านน้ำพุโซดาชื่อว่า Garwoods' Drugstore จึงเริ่มขายไอศกรีมโซดาแบบไม่มีโซดาในวันอาทิตย์ เหลือเพียงไอศกรีมและน้ำเชื่อม อย่างไรก็ตามพวกเขายอมรับว่าไม่ใช่ผู้คิดค้นไอศกรีมที่ใส่เชอร์รีเชื่อม แต่ชื่อ “ซันเด” นั้นมาจากพวกเขาอย่างแน่นอน
ไอศกรีมจากทั่วโลก
แม้ว่าแบรนด์ไอศกรีมสัญชาติอเมริกันโด่งดัง มีร้านค้าและสาขากระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ในหลายๆ ประเทศก็มีวัฒนธรรมการกินไอศกรีม การสร้างสรรค์และพัฒนาเมนูไอศกรีมที่โดดเด่นไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน
โมจิไอศกรีม ญี่ปุ่น
โมจิหรือเค้กข้าวตำเป็นขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและเป็นขนมมงคลในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ ได้เดินทางมาสู่ยุคของขนมฟิวชัน หนึ่งในนั้นคือการจับคู่กับไอศกรีมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1980 ในลักษณะของไอศกรีมห่อด้วยแป้งโมจิบางๆ มีทั้งรสชาติแบบดั้งเดิม ได้แก่ ถั่วแดงและชาเขียว รวมถึงรสชาติสมัยใหม่ เช่น ช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี คุกกี้แอนด์ครีม วานิลลา และรสมินต์
ดอนดูร์มา ตุรกี
ไอศกรีมตุรกีมีไฮไลต์ที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะลีลาการขาย ด้วยเนื้อไอศกรีมที่เหนียวจนเกือบเหมือนทอฟฟี่ สามารถยืด ดึง ทำรูปทรงอย่างไรก็ได้ เพราะทำด้วยแป้งซาเลป (Salep) ที่ได้จากหัวกล้วยไม้เฉพาะถิ่นและยางไม้แมสติก (Mastic) ซึ่งสามารถพบได้ในหมากฝรั่ง ดอนดูร์มามีให้เลือกหลากหลายรสชาติ แต่รสชาติที่ได้รับความนิยมสูงคือ พิสตาชิโอและโกโก้
กุลฟี่ อินเดีย
กุลฟี่เป็นของหวานแช่แข็งที่มีต้นกำเนิดมาจากอินเดียตอนเหนือ ทุกวันนี้เป็นที่นิยมในอินเดีย เมียนมาร์ ปากีสถาน บังคลาเทศ รวมถึงตะวันออกกลาง รสชาตินั้นมีความเข้มข้นของครีมจนคล้ายกับคัสตาร์ดแช่แข็งในอเมริกาเหนือ กุลฟี่แบบดั้งเดิมมีส่วนผสมของนม กระวาน พิสตาชิโอ และน้ำผึ้ง มักเสิร์ฟแบบแท่ง ปัจจุบันนี้มีการปรับสูตรไปบ้างโดยการใช้เฮฟวีครีมหรือนมข้นหวาน เกล็ดขนมปังหรือแป้งที่ทำจากน้ำและแป้งข้าวโพดเพื่อประหยัดเวลา
ไอศกรีมสปาเกตตี เยอรมนี
Spaghettieis เป็นอีกรูปแบบของไอศกรีมซันเดที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเมนูสปาเกตตีซอสมะเขือเทศ โดยการนำไอศกรีมวานิลลาใส่เครื่องทำเส้นพาสตาให้เนื้อไอศกรีมมีรูปร่างเป็นเส้น แล้วราดด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี โรยหน้าด้วยไวต์ช็อกโกแลตที่ดูเหมือนกับการโรยชีสพาร์เมซาน
ปาเลตาส เม็กซิโก
อาจจะมีหน้าตาเหมือนไอศกรีมทั่วๆ ไป แต่ของหวานนี้มีกุญแจสำคัญอยู่ที่ความเรียบง่าย ผสมผลไม้ธรรมชาติหรือไม่ก็เป็นครีมรสชาติต่างๆ สิ่งที่โดดเด่นคือรสผลไม้ที่ผสมเนื้อผลไม้สดเข้าไปเยอะมากจนสามารถรับรู้ได้ในทุกๆ คำที่กัด เช่น สตรอว์เบอร์รี มะม่วง สับปะรด มะนาว หรือจะเป็นรสชาติครีม เช่น ช็อกโกแลตและพิสตาชิโอ ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
อกูตัก อะลาสกา
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บตลอดปี แต่ชนพื้นเมืองอะลาสกาก็ยังมีไอศกรีมกินเหมือนกัน ตามตำรับดั้งเดิมนั้นทำจากไขมันสัตว์อย่างกวางคาริบู กวางมูส หรือไขวอลรัส หรือน้ำมันแมวน้ำ ไปจนถึงไขมันจากปลา นำมาผสมผสานกับเบอร์รีหลากหลายชนิด
Tag:
Cover story, ไอศกรีม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น