สำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่นนอกจากจะติดใจในความละเมียดละไมและความพิถีพิถันในขั้นตอนการปรุงอาหาร รวมทั้งการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่เรียบง่ายแต่แอบซ่อนปรัชญาความอร่อยที่แสนลึกซึ้งแล้ว รสชาติของอาหารแห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่กลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยรสสัมผัสในทุกรายละเอียด ยังสร้างความประทับใจทุกครั้งที่ได้ลิ้มลองอีกด้วย
วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องปรุงรสและอาหารสำเร็จรูปจากประเทศญี่ปุ่น ที่มาพร้อมรสชาติแบบดั้งเดิมในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย และวิธีใช้ที่สะดวกสบายตอบโจทย์วิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่อาจไม่มีเวลาเข้าครัว แต่ยังอยากสัมผัสความอร่อยแบบญี่ปุ่นที่แท้จริง
รสชาติแห่งแดนอาทิตย์อุทัย (Authentic Taste of Japan)
หนึ่งในเอกลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่นคือรสชาติกลมกล่อมที่เรียกว่า “อูมามิ” หรือรสชาติที่ 5 นอกจากเปรี้ยว หวาน เค็ม และขม ในภาษาญี่ปุ่น “Umami” แปลว่า “รสอร่อย” ดังนั้นการทำอาหารในครัวญี่ปุ่นจึงเน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเพียงไม่กี่อย่าง แต่สามารถดึงรสชาติกลมกล่อมที่ซ่อนอยู่ในอาหารแต่ละจานออกมาได้มากที่สุด
จะเห็นได้ชัดเจนจากน้ำสต๊อกที่เป็นส่วนผสมพื้นฐานในแทบทุกเมนู ซึ่งให้รสชาติอูมามิที่มาจากปลาตากแห้ง เห็ดหอมตากแห้ง และสาหร่ายคอมบุ รวมทั้งการดึงรสชาติกลมกล่อมประจำชาตินี้จากถั่วเหลืองหมักที่กลายเป็นเครื่องปรุงรสต่างๆ อาทิ มิโซะ ที่หากทำซุปจะขาดไปไม่ได้ และโชยุ ซอสถั่วเหลืองประจำบ้านชาวญี่ปุ่นทุกคน
เครื่องปรุงรสคู่ครัวญี่ปุ่น (Essential Japanese Seasoning)
หากพูดถึงที่มาของรสชาติอาหารญี่ปุ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก นอกจากการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน รวมทั้งความประณีตพิถีพิถันในการตกแต่งจานแล้ว สิ่งหนึ่งที่ช่วยชูความโดดเด่นของอาหารญี่ปุ่นคือ “เครื่องปรุงรส” (Seasoning) ที่สร้างรสชาติและรสสัมผัสประจำชาติแบบที่ไม่มีใครเหมือน
อันที่จริงเครื่องปรุงรสในครัวญี่ปุ่นนั้นมีมากมายและหลากหลายชนิด ซึ่งถ้าจะกล่าวถึงทุกชนิดเกรงว่าหน้านิตยสารของเราก็อาจไม่มีพื้นที่เพียงพอ จึงขอนำเสนอ 5 เครื่องปรุงรสที่ชาวดินแดนอาทิตย์อุทัยขาดไม่ได้แบบที่เรียกว่า “ของมันต้องมี” (ไว้ในครัว) และเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการทำอาหารญี่ปุ่นแทบทุกเมนู
5 Must-Have Japanese Seasoning
1. โชยุ (Shoyu)
ถ้าคนไทยต้องมีน้ำปลาติดบ้าน ชาวญี่ปุ่นก็ต้องมี “โชยุ” หรือซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่นไว้คู่ครัวเช่นกัน เรียกว่าคิดอะไรไม่ออกบอก (ให้หยิบ) โชยุกันเลยทีเดียว ซอสสามัญประจำบ้านนี้ใช้ได้ทั้งปรุงรส เป็นน้ำจิ้มเมนูต่างๆ ไปจนถึงเป็นส่วนผสมพื้นฐานในการทำน้ำสลัดอีกด้วย
ไม่เพียง “โชยุสีเข้ม” (Koikuchi) สีดำ รสชาติอูมามิ เข้มข้นตามมาตรฐาน ซึ่งทำจากถั่วเหลืองหมักในถังไม้จนได้รสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่โชยุยังมีหลายสูตรหลายรสชาติ อาทิ “โชยุสีอ่อน” (Usukuchi) มีสีและรสอูมามิอ่อนกว่าโชยุสีเข้ม แต่อย่าเข้าใจผิดว่ารสจะอ่อนตามสี เพราะโชยุชนิดนี้มีรสเค็มและมีปริมาณเกลือมากกว่าสีเข้ม จึงไม่นิยมนำมาจิ้มกับเมนูต่างๆ แต่มักใช้เพื่อคงสีสันและเน้นความสวยงามน่ากินของอาหารมากกว่า หรือ “โชยุสีขาว” (Shiro Shoyu) สีอ่อน รสอูมามิน้อยกว่า มีรสเค็มพอๆ กับโชยุสีอ่อน ได้จากการหมักด้วยข้าวสาลีมากกว่าถั่วเหลือง จึงได้โชยุที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ นิยมนำมาปรุงรสน้ำซุปให้มีสีสวยใสตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ในญี่ปุ่นยังมีโชยุอีกหลากหลายสูตรที่สร้างสรรค์เพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโชยุโซเดียมต่ำ รสอ่อน เค็มน้อยลงประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อคนรักสุขภาพ โชยุผสมดาชิ (น้ำสต๊อกญี่ปุ่น) กลิ่นหอมน่ากิน และมีราคาแพงกว่า รวมถึงโชยุของแต่ละท้องถิ่นในญี่ปุ่นที่มีรสชาติและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
2. มิโซะ (Miso)
อีกหนึ่งเครื่องปรุงรสสำคัญของชาวญี่ปุ่น “มิโซะ” คือเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นที่ทำจากถั่วเหลือง เกลือ และเชื้อหมักประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “โคจิ” (Koji) รสชาติเค็ม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ นิยมนำมาปรุงรสและเป็นส่วนผสมในการทำอาหารหลากหลายประเภท เช่น ต้ม ผัด ใช้หมักเนื้อสัตว์ หรือนำไปทำหม้อไฟ น้ำสลัด และซุป (ที่คนไทยคุ้ยเคยกันดีอย่างซุปมิโซะ)
ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยดึงรสชาติของวัตถุดิบต่างๆ ได้ดี จึงมีการนำมิโซะไปผสมกับเครื่องปรุงรสอื่นๆ มากมาย อาทิ ผงกะหรี่และน้ำมันมะกอก ไปจนถึงไวต์ซอสในเมนูอาหารฝรั่ง แถมยังมีการทำ “มิโซะบอล” มิโซะผสมผงปลาแอนโชวี ปลาโอแห้ง และสาหร่ายโนริ ปั้นเป็นก้อนกลมให้สะดวกในการใช้ทำซุป นอกจากนี้ ด้วยกระบวนการหมักและบ่ม รวมทั้งการใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นยังทำให้ได้มิโซะที่มีสีสันและรสชาติเค็มหวานเผ็ดแตกต่างกันไปอีกด้วย
3. ดาชิ (Dashi)
อีกหนึ่งหัวใจหลักในการทำอาหารญี่ปุ่นซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกคือ “ดาชิ” หรือน้ำสต๊อกญี่ปุ่น สีใส รสกลมกล่อมแบบอูมามิ นิยมใช้ทำอาหารประเภทต้ม ตุ๋น และซุป โดยทำจากวัตถุดิบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “คัตสึโอะดาชิ” ที่ใช้ปลาคัตสึโอะหรือปลาโอตากแห้ง นิยมนำไปทำน้ำซุปและชาบู “คอมบุดาชิ” ทำจากสาหร่ายคอมบุสีเขียว มีกลิ่นหอมและรสอูมามิ มักนำไปใช้เป็นส่วนผสมของน้ำซุปในเมนูอาหารต่างๆ เช่น ราเมง ไข่ตุ๋น บะหมี่เย็น “ชิตาเกะดาชิ” ที่ทำจากเห็ดหอมตากแห้ง ให้ความหวานเข้มข้น เหมาะกับการทำเมนูต้มต่างๆ และ “นิโบชิดาชิ” ทำจากปลาตัวเล็กทั้งปลาซาร์ดีนและปลาแอนโชวีตากแห้ง มีกลิ่นหอมแบบอาหารทะเล นิยมนำไปทำซุปมิโซะและเมนูสตูต่างๆ
สำหรับแม่บ้านและพ่อบ้านมือใหม่ที่มีความหลงใหลอาหารญี่ปุ่น ปัจจุบันมีดาชิแบบสะดวกใช้ให้เลือกซื้อตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ทั้งดาชิชนิดผงและชนิดเม็ดเล็กที่ใช้ง่ายแค่ละลายน้ำร้อนหรือโรยบนอาหาร และดาชิแบบแพ็กที่มีรสชาติใกล้เคียงกับดาชิแบบทำเองและไม่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง เรียกว่าใช้ง่าย สะดวกสบาย และอร่อยครบจบในซองเดียว
4. มิริน (Mirin)
“มิริน” คือเหล้าหวานที่หมักจากข้าวเหนียวนึ่งและโคจิ มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ และมีนํ้าตาลประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ รสชาติหวานกลมกล่อม ช่วยให้รสสัมผัสของอาหารมีมิติลึกซึ้งยิ่งขึ้น นิยมนำมาทำเมนูต้ม เคี่ยว หม้อไฟต่างๆ และเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำซอสเทอริยากิไปจนถึงซอสราดเมนูขนมดังโงะ นอกจากนี้มิรินยังสามารถนำไปหมักเนื้อปลาและเนื้อสัตว์ต่างๆ เพื่อลดกลิ่นคาว แถมยังช่วยไม่ให้เนื้อปลาที่ต้มเปื่อยยุ่ยหรือเสียรสชาติง่ายอีกด้วย
ด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ของมิรินแท้ที่จัดอยู่ในอาหารประเภทสุรา ทำให้มีการผลิต “มิรินใส่เกลือ” ที่ผสมเกลือเพิ่ม มีรสเค็มกว่ามิรินแท้ และ “เครื่องปรุงที่คล้ายมิริน” หรือ “มิรินปรุงแต่ง” ที่มีแอลกอฮอล์น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีราคาถูกกว่า แต่ไม่สามารถดับกลิ่นคาวได้ และมักนำไปทำน้ำสลัดแทน
5. สาเก (Sake)
นอกจากเป็นเครื่องดื่มประจำชาติแล้ว “สาเก” เหล้าหมักญี่ปุ่นซึ่งเราเรียกอีกชื่อว่า “เรียวริชุ” นี้ยังนิยมนำมาปรุงอาหารในครัวของชาวแดนปลาดิบมากมาย เพราะช่วยดึงรสชาติความอร่อย เพิ่มมิติและความกลมกล่อมให้อาหาร โดยสาเกที่นำมาทำอาหารจะผสมเกลือ น้ำตาล หรือน้ำส้มสายชูให้มีกลิ่นหอมและรสออกรสเค็ม แตกต่างจากสาเกสำหรับดื่มที่จะมีแต่แอลกอฮอล์ล้วนๆ นิยมนำมาทำเมนูนึ่ง ต้ม และหมัก รวมทั้งให้ความหอมชวนกินเมื่อนำไปทำเมนูผัดต่างๆ อีกด้วย
ไม่เพียงเสริมรสชาติของอาหารได้ดีเท่านั้น แต่สาเกยังมีคุณสมบัติในการเป็นผู้ช่วยแม่บ้านญี่ปุ่นอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยดับกลิ่นคาว ทำให้เนื้อสัตว์ที่หมักไว้นุ่มขึ้น และยังช่วยให้เครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อได้ดีขึ้น เรียกว่าเป็นหนึ่งในเสาหลักเครื่องปรุงแห่งแดนอาทิตย์อุทัยเช่นกัน
มื้ออร่อย (สำเร็จรูป) พร้อมกิน (The Rising of Instant and Ready-Made Meals)
ไม่เพียงบรรดาเครื่องปรุงรสมากมายจะช่วยให้การกินอาหารอร่อยและง่ายขึ้นเท่านั้น แต่คนญี่ปุ่นยังเป็นเจ้าแห่งการผลิตคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านอาหาร จึงไม่แปลกใจถ้าประเทศนี้จะเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมกิน ทั้ง “อาหารสำเร็จรูป” (Ready-Made Food) และ “อาหารกึ่งสำเร็จรูป” (Pre-Cooked Food) ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้คนในยุคนี้และในอนาคตที่มีเวลาในการทำอาหารจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญยังมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ง่าย และมีหลากหลายรูปแบบให้ผู้บริโภคเลือกซื้อเลือกใช้กันได้อย่างเต็มที่
อีกปัจจัยหนึ่งคือคนญี่ปุ่นมักกินอาหารจานเล็กๆ แต่กินหลายอย่างในมื้อเดียว ต่างจากชาวตะวันตกที่มักกินอาหารจานใหญ่จานเดียว อาหารพร้อมกินที่เพียงแค่เปิดกระป๋องฉีกซองเติมน้ำร้อน หรือแม้แต่อุ่นร้อนง่ายๆ แค่กดปุ่มไมโครเวฟจึงได้รับความนิยมมาก เพราะง่ายต่อการเตรียม ที่สำคัญยังสะดวกกับการเก็บรักษากรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
นอกจากนี้วิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในยุคหลังยังเริ่มเปลี่ยนไป การแต่งงานสร้างครอบครัวลดลง ผู้หญิงหันไปทำงานนอกบ้านมากขึ้น คนโสดที่อยู่คนเดียวรวมทั้งผู้สูงอายุที่ต้องดูแลตัวเอง ทำให้ความต้องการอาหารพร้อมกินเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งหลังจากเกิดภาวะไวรัสโควิด-19 ที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวและห่างเหินกันมากขึ้น ก็ยิ่งส่งผลให้อาหารพร้อมกินต่างๆ ได้รับความนิยมและมียอดขายสูงขึ้นทุกปี
อาหารพร้อมกินเหล่านี้มีมากมายหลากหลายประเภท ตั้งแต่แกงกะหรี่ก้อนรสเข้มข้น มีความเผ็ดให้เลือกหลายระดับ ซุปสำเร็จรูปที่มีตั้งแต่ซุปมิโซะรสดั้งเดิมไปจนถึงซุปครีม ฟูริคาเกะ หรือผงโรยข้าวสไตล์ญี่ปุ่นหลากรสที่ช่วยเพิ่มรสชาติ แค่โรยลงบนข้าวร้อนๆ ก็สามารถกลายเป็นมื้ออิ่มอร่อยในยามเร่งด่วนได้ เส้นโซบะ ราเมง และอุด้งที่ทำสำเร็จมาให้ใช้ง่าย กินได้ทันที รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปที่ถูกจับมาอยู่ในแพ็กเกจแสนน่ากิน ไม่ว่าจะเป็นข้าวหน้าไก่กับไข่แบบแห้งที่ใส่น้ำร้อนแล้วคนให้เข้ากันเพียง 30 วินาที เทลงบนข้าวก็ได้มื้อง่ายทันใจ หรือพาสตาครีมสไตล์อิตาเลียน ที่ปรุงรสชาติและผสมผสานชีสคุณภาพดีมาให้แล้ว เพียงแค่นำไปอุ่นร้อนก็อร่อยได้ทันที ยังไม่นับรวมถึงราเมงและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมากมายหลายร้อยรสชาติให้เลือกกินยามไม่สะดวกเข้าครัวทำอาหารกันแบบละลานตา
สำรวจความอร่อยหลากหลายจากญี่ปุ่น (Japanese Superstore Recommended)
สำหรับคนไทยที่รักอาหารญี่ปุ่นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเวลาที่อยากได้วัตถุดิบทำอาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง หนึ่งในแหล่งชอปของหลายๆ คนคงเป็น “DON DON DONKI” หรือที่เราเรียกว่า “ดองกี้” ซูเปอร์สโตร์จากแดนอาทิตย์อุทัยที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก ด้วยการคัดสรรสินค้าคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่นอย่างพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดในแบบที่ไม่เหมือนใคร สมกับที่คุณภูมิ-ภัคพล วาสะศิริ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ DON DON DONKI สาขา MBK Center ยืนยันกับเราว่าถ้าอยากทำอาหารญี่ปุ่นกินเองที่บ้าน มาค้นหารสชาติแบบต้นกำเนิดได้ที่นี่
“โดยส่วนใหญ่ด้วยต้นทุนที่ค่อนข้างสูงทำให้ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยไม่ค่อยใช้เครื่องปรุงรสหรือวัตถุดิบที่นำเข้าและผลิตจากญี่ปุ่น หลายครั้งสิ่งที่เรากินตามร้านอาหารไม่ใช่รสชาติดั้งเดิมของญี่ปุ่นจริงๆ ดองกี้เลยพยายามนำสิ่งเหล่านั้นมานำเสนอให้คนไทย ยกตัวอย่างเครื่องปรุงรส 6 ชนิดคือ โชยุ มิโซะ สาเก มิริน ดาชิ และนัตโตะ (ถั่วหมัก) เป็นรสชาติที่ใช้ของที่ทำในบ้านเราแทนของผลิตที่ญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะรสชาติไม่เหมือนและทดแทนกันไม่ได้เลย เราจึงอยากให้ลูกค้าคนไทยรู้จักรสชาติ รู้จักความอร่อยของอาหารญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
“นอกจากนี้ดองกี้ยังพยายามคัดสรรและนำเสนอความหลากหลายของวัตถุดิบ ส่วนผสม และเครื่องปรุงรสต่างๆ อีกด้วย อย่างเช่น ซอสทงคัตสึ รสเปรี้ยวๆ หวานๆ ไม่จำเป็นต้องกินกับของทอดอย่างเดียว ลองนำไปกินกับข้าวมันไก่ก็อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ หรือพริกญี่ปุ่นที่วางตามโต๊ะในร้านอาหารญี่ปุ่น ลองนำไปผัดกะเพราก็เพิ่มรสชาติเผ็ดอร่อยได้ดี คือเราจะแนะนำให้ลูกค้านำเครื่องปรุงรสเหล่านี้ไปใช้ทำเมนูที่กินกันทุกวันดูบ้าง ซอสญี่ปุ่นจะมีทั้งแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับเมนูต่างๆ อย่างเช่นโชยุสำหรับกินกับไข่โดยเฉพาะ โชยุสำหรับซาชิมิ โชยุสำหรับสลัด หรือไม่อย่างนั้นก็กินได้กับอาหารแทบทุกอย่างไปเลยแบบ Everything Seasoning เช่น น้ำมันงาพริกที่เรียกว่ารายุ ซึ่งราดปลาย่าง กินกับข้าว วางบนเต้าหู้ เรียกว่าเป็นเครื่องปรุงอเนกประสงค์ก็ว่าได้”
นักจัดซื้อผู้มุ่งมั่นแห่งดองกี้ทิ้งท้ายกับเราด้วยว่า อยากให้คนไทยได้ทำความรู้จักกับอาหารญี่ปุ่นให้มากขึ้น และลองหยิบวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ ไปใช้ทำอาหารในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น เพราะยุคนี้มีทั้งแบบสำเร็จรูป พร้อมใช้ และพร้อมกินให้เลือกมากมาย
“เราอยากให้รู้สึกว่าอาหารญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือไกลตัว แต่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนไทยได้ หากเริ่มต้นมื้อเช้าลองทำซุปมิโซะร้อนๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดี แค่ใช้มิโซะสำเร็จรูป แกะซองเติมน้ำร้อนก็ได้รสชาติแบบออริจินอลแล้ว หรือแกงกะหรี่แบบ Ready to Eat ที่เป็นสินค้าขายดีมายาวนาน เพราะการใช้วัตถุดิบทั้งผักและเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ อีกอย่างคือผงโรยข้าวที่จริงๆ ไม่ได้โรยได้แค่ข้าว แต่สามารถนำไปเพิ่มรสชาติได้กับหลายๆ เมนู จะโรยบนมันฝรั่งทอดแทนเกลือก็ยังได้
“หากลองเปิดใจจะรู้ว่าเครื่องปรุงรสและวัตถุดิบสำเร็จรูปมากมายจากประเทศญี่ปุ่นก็เป็นผู้ช่วยสารพัดประโยชน์ในครัวของเราได้เช่นกัน”
แหล่งข้อมูล
Tag:
เครื่องปรุง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น