แม้จะเป็นการนัดสัมภาษณ์ครั้งแรก แต่สาวร่างเล็กอดีตพิธีกรรายการสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กก็ชักชวนให้เรามาพูดคุยกันสบายๆ ที่บ้าน และเริ่มต้นทำความรู้จักเธออีกครั้งผ่านสวนผักบนดาดฟ้า รวมทั้งการผันตัวมาเป็น “นักเล่าเรื่องอาหาร” แห่งแฟนเพจ PEAR is hungry ที่เธอตั้งใจเปิดเพื่อบอกเล่าความน่าสนใจของอาหารที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์การดำรงชีวิตของมนุษย์โลกตลอดมา

หลังจากพาเราไปแนะนำตัวกับบรรดาพืชผักสวนครัวนานาชนิดที่เธอฟูมฟักประคบประหงมดั่งเลี้ยงลูก พร้อมทั้งรดน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจแล้ว “แพร-พิมพ์ลดา ไชยปรีชาวิทย์” ก็นั่งลงบนพื้นพรมในห้องนั่งเล่นแสนสบาย แล้วเล่าเรื่องราวที่เธอกำลังสนใจให้เราฟังด้วยแววตาเป็นประกาย

“ย้อนกลับไปสมัยเด็กเราคลุกคลีอยู่ในห้องครัวที่บ้าน ทั้งแอบช่วยและแอบชิม ช่วงเวลาที่ชอบมากคือ ระหว่างการเดินยกอาหารไปที่โต๊ะ ซึ่งเราจะแอบหยิบกับข้าวกินอย่างมีความสุข ยิ่งวันไหนมี เกี้ยมฉ่ายผัดหมู นี่แทบกรี๊ดเลย (หัวเราะ) พอวันที่เราเริ่มทำเมนูแรกอย่าง ไข่เจียว เป็นก็รู้สึกว่าสนุกจัง มีคนชมว่าทำอร่อยก็ยิ่งประทับใจ หลังจากนั้นก็มักจะนัดเพื่อนๆ ไปทำอาหารที่เราเห็นจากการ์ตูน ยังจำได้เลยว่าคือเมนู ข้าวปั้นห่อไข่รูปดอกไม้ แม้จะออกมาไม่ประสบความสำเร็จ แต่เราตื่นตาตื่นใจกับการทำมาก มีความสุขที่ค้นพบว่าเมนูนี้ทำแบบนี้ได้ จนมีความฝันว่าอยากเปิดร้านอาหารตั้งแต่ตอนนั้น”

หลังจากเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงจนเวลาผ่านไปสิบกว่าปี น้องสาวของเธอก็มาจุดประกายให้ไปเรียนทำอาหารเพื่อมาช่วยคิดสูตรซุปเพื่อลองทำขาย ความฝันนั้นก็เริ่มกลับเข้ามาในเส้นทาง และทำให้แพรค้นพบว่า การทำธุรกิจร้านอาหารอาจไม่เหมาะกับตัวตนของเธอ หากการเล่าเรื่องและแบ่งปันความสนุกของอาหารต่างหาก คือสิ่งที่สร้างความสุขให้สาวนักทดลองคนนี้อย่างแท้จริง

“นอกจากเป็นคนชอบกิน เรายังชอบค้นหาและทำความรู้จักสิ่งที่เรากินเข้าไปอีกด้วย เพราะอาหารแต่ละจานบนโต๊ะมีเรื่องราวน่าสนใจอยู่เต็มไปหมด อย่างเช่น การกินมังสวิรัติไม่ใช่เรื่องของคนยุคใหม่ แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรีกโรมัน คนคิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ใช่คนญี่ปุ่น แต่เป็นคนไต้หวันที่แต่งงานและย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นจนกลายเป็นแบรนด์นิชชินในปัจจุบัน ขนมเบื้องที่เราคุ้นเคยได้ชื่อนี้เพราะวิธีทำขนมบนแผ่นกระเบื้องร้อนๆ ของชาวอินเดีย หรือแม้แต่อาหารจีนอย่างเกี๊ยวที่กลับมีบันทึกสูตรครั้งแรกในอาณาจักรโรมัน ซึ่งเราก็บังเอิญได้หนังสือ Roman Cookbook นี้มาแล้วได้ทดลองทำตาม ความตั้งใจของเราคืออยากดึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อนให้กลับมาอยู่ตรงหน้า นี่คือเสน่ห์ของอาหารที่ค้นพบและรู้สึกอินมาก คือเราเป็นคนชอบคิดวิเคราะห์ ทำความเข้าใจเรื่องราววิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ของผู้คนที่มาพร้อมอาหารนั้นๆ แล้วตกผลึกออกมาเป็นความรู้ใหม่ของเรา

เราอยากเป็นคนที่หยิบยกเรื่องของอาหารที่ค่อนข้างกว้างและลึกซึ้งมาแบ่งปัน มาเล่าสู่กันฟังแบบเข้าใจง่ายและสนุกมากขึ้น ซึ่งแพรถ่ายทอดความสนใจนี้ผ่านการเปิดแฟนเพจ เพราะอยากหยิบยกเรื่องราวน่ารู้ของอาหารรอบตัวมาส่งต่อให้คนอื่นๆ ได้ทำความรู้จักและสนุกไปกับมันเหมือนเรา”

อ่านมาถึงตรงนี้ใครอยากสัมผัสความสนุกที่ซ่อนอยู่บนโต๊ะอาหาร ไปฟังแพรเล่าเรื่องราวน่าสนใจที่สอดแทรกสูตรอาหารแสนน่ากินแบบเต็มๆ ได้ทางเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และ Tik Tok : PEAR is hungry แอบกระซิบว่า หากสถานการณ์ดีขึ้น ปีนี้อาจได้เห็นเธอพาแฟนรายการออกเดินทางไปเสาะหาอาหารหรือวัตถุดิบต่างๆ ที่น่าสนใจทั้งไทยและเทศอีกด้วย

Tag: Interview