ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการที่ธุรกิจหนึ่งจะเดินทางไปสู่ความสำเร็จได้นั้น การมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีคือตัวแปรสำคัญ อย่างไรก็ตามการตลาดเองนั้นมีอยู่หลายแขนงด้วยกัน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หากเจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดหันมามองก็จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งอย่างล้วนผันแปรเข้ามาสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลหรือช่องทางออนไลน์ไปแล้วมากกว่าครึ่ง กล่าวง่ายๆ คือ ธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มที่จะหันมาทำการตลาดแบบออนไลน์ประมาณ 70% ส่วนอีก 30% คือช่องทางการตลาดแบบออฟไลน์ที่อย่างไรเสียก็ยังคงต้องมีไว้เพื่อคงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ โดยในบทความนี้จะมาโฟกัสกันที่การตลาดออนไลน์ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย เริ่มต้นง่ายๆ ที่การทำ Search Engine Optimization โดยการมองหาบริษัทหรือผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO คือหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่จะมีกฎหรือหลักเกณฑ์อะไรบ้างที่เจ้าของแบรนด์ควรทราบ ตามมาหาคำตอบกันต่อได้จากข้อมูลด้านล่างนี้เลย
ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถประเมินผลการทำงานได้โดยคร่าว
ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO แล้วนั้น หลักเกณฑ์อันดับแรกที่เจ้าของธุรกิจควรยึดถือเอาไว้ประกอบการตัดสินใจเลยนั่นก็คือความสามารถในการประเมินผลการทำงานโดยคร่าวๆ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำรับทำ SEO และดูแลอันดับการค้นหาให้แก่ลูกค้านั้น แน่นอนว่าย่อมต้องมาพร้อมกับประสบการณ์ ดังนั้นความสามารถในการประเมินผลการทำงานโดยคร่าวๆ และแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงทิศทางที่จะไป เมื่อประเมินผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานโดยคร่าวและออกมาเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้รับทำ SEO มีแผนการดำเนินงานเพื่อใช้แนะนำให้ลูกค้าในลำดับถัดไปได้อย่างไรบ้าง
แผนการทำงานอันดับแรกหลังจากเริ่มโปรเจกต์
สำหรับในหลักเกณฑ์นี้เราในฐานะลูกค้าหรือเจ้าของธุรกิจสามารถสอบถามจากตัวบริษัทผู้รับทำ SEO แบบคร่าวๆ ก่อนได้ว่าหลังจากตกลงร่วมงานกันแล้วแผนการทำงานอันดับแรกที่ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มดูแลลูกค้าคืออะไร ทั้งนี้แผนการทำงานนั้นๆ จะต้องเป็นการเริ่มต้นที่เหมาะสม ไม่กินเวลานานเนื่องจากในระยะแรกเริ่มหากตัวผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO จะสามารถทำอะไรเพื่อเป็นการแสดงประสิทธิภาพในการทำงานให้ลูกค้าได้ก็จะถือว่าดีมาก อย่างไรก็ตามบริษัทผู้เชี่ยวชาญที่ดีและมีประสบการณ์ด้านการทำ SEO นั้นมักเลือกที่จะเริ่มต้นแผนการทำงานอย่างชัดเจน เช่น การทำเริ่มต้นทำ Audit แบบ On Site Technical เป็นการคัดกรองปัญหาสำคัญๆ ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งยังเป็นวิธีการเรียกลูกค้าให้เข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างสัญญาว่าจ้าง
สำหรับการตัดสินใจว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO นั้นคือการร่วมงานกันระหว่างบริษัทหนึ่งกับอีกบริษัทหนึ่งซึ่งใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานที่นานอยู่พอสมควร ดังนั้นการทำสัญญาตกลงเพื่อว่าจ้างระหว่างกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ตามเราในฐานะผู้ว่าจ้างและอยู่ในฐานะลูกค้าก็ควรสอบถามข้อมูลเผื่อเอาไว้ในกรณีที่บริษัทผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO ไม่สามารถดำเนินงานหรือพัฒนาอันดับของหน้าเว็บไซต์ได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งหรือเคยพูดคุยกันไว้ บริษัทผู้ว่าจ้างจะสามารถยกเลิกสัญญากลางคันได้หรือไม่ อย่างไร แต่ทั้งนี้ตัวผู้เขียนเองแนะนำว่าถ้าหากตัวเจ้าของธุรกิจเองต้องการบอกเลิกสัญญา ควรบอกเลิกหลังจากดำเนินงานไปแล้ว 3 เดือนเป็นต้นไป เพื่อความยุติธรรมแก่บริษัทผู้รับทำ SEO และเพื่อให้เป็นไปตามหลักการดำเนินงานของ SEO เองที่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอันดับอยู่ที่ 3 เดือนเป็นต้นไปนั่นเอง
Tag:
SEO
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น